กกต.ปิดฉากนับคะแนนใหม่ จับตาไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล

หลังจากที่ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามในคำสั่ง กกต.ให้มีการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อใหม่ 16 จังหวัด 47 หน่วย เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าการนับคะแนนใหม่ก็ไม่ได้ทำให้จำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคเปลี่ยนแปลงไป

ยกตัวอย่าง ในบางพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงานเขตวังทองหลาง ซึ่งเป็นการนับคะแนนแบบบัญชีรายชื่อ หน่วยเลือกตั้งที่ 7 แขวงสะพานสอง โดยหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 522 คน มาใช้สิทธิ์ 342 คน บัตรไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 2 ใบ

โดยหลังจากการนับคะแนนใหม่ ผลปรากฏว่า คะแนนที่หายไป 2 คะแนน เป็นคะแนนของพรรคก้าวไกล 1 คะแนน และพรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คะแนน ทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 คือ 122 คะแนน และพรรครวมไทยสร้างชาติได้ 85 คะแนน

เช่นเดียวกับที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นับคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 และหน่วยเลือกตั้งที่ 3 เพราะจำนวนบัตรกับผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนไม่ตรงกัน หลังจากใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ปรากฏว่า พรรคก้าวไกลได้ 211 คะแนน, พรรครวมไทยสร้างชาติได้ 154 คะแนน, พรรคเพื่อไทย 73 คะแนน, พรรคประชาธิปัตย์ 28 คะแนน, ชาติพัฒนากล้า 11 คะแนน, มีบัตรเสีย 14 ใบ และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 12 ใบ โดยผู้อำนวยการเขตป้อมปราบฯ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เพราะได้มีการตรวจสอบถูกต้องครบถ้วนแล้ว ยอมรับว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการนับคะแนนครั้งแรก น่าจะเกิดจากการขีดคะแนนซ้ำหลังจากการขานคะแนน

ขณะที่ในส่วนภูมิภาคอย่างเช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ชลบุรี, ตรัง ภาพรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับการนับคะแนนใหม่เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ ก่อน 12.00 น.

อย่างไรก็ตาม ผลจากการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วย แม้ว่าคะแนนอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลต่อผลการเลือกตั้ง ไม่ได้ทำให้จำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม และไม่กระทบกับไทม์ไลน์การประกาศรับรอง ส.ส.ของ กกต.

ทั้งนี้ เป็นไปตามที่สำนักงาน กกต.เสนอว่าเป็นกรณีที่พบว่ามีปัญหาบัตรออกเสียงเลือกตั้งและจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีจำนวนตรงกัน แต่ผลคะแนนที่ออกมาไม่ตรงกับจำนวนดังกล่าว และ กกต.เห็นว่าอาจมีผลต่อจำนวนคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ และมีผลต่อลำดับของผู้ได้รับเลือกตั้ง

เมื่อการนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค กระบวนการประกาศรับรอง ส.ส.จึงดำเนินต่อไป หลังจากนี้ต้องรอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.ภายใน 60 วัน หรือต้องประกาศภายในวันที่ 13 ก.ค.นี้ 

โดยในการประชุม กกต.วันอังคารที่ 13 มิ.ย. สำนักงาน กกต.จะเสนอเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ที่ประชุม กกต.ได้เริ่มพิจารณา โดยจะเสนอในส่วนของผู้ได้รับเลือกตั้งที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนให้พิจารณาก่อน ซึ่งมีอยู่ราวร้อยละ 70 ของผู้ได้รับเลือกตั้งทั้งหมด จากนั้นจะทยอยพิจารณาในส่วนของผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีเรื่องร้องเรียน ซึ่งมีอยู่ราว 20-30 คน จนแล้วเสร็จจึงจะออกประกาศเรื่องรับรองผลการเลือกตั้งในคราวเดียว

ทั้งนี้ ตามแผนการทำงานของ กกต.ต้องการที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 28 มิ.ย. และนอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครบทั้ง 500 คน เนื่องจากตามรายงานผลการตรวจสอบการเลือกตั้งของทางผู้ตรวจการเลือกตั้งและของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ที่สำนักงาน กกต.ได้มีหนังสือให้แจ้งมาก่อนหน้านี้เกือบทั้งหมดเสนอว่า เรื่องร้องเรียนผู้ได้รับเลือกตั้ง จังหวัดไม่อาจดำเนินการสืบสวนสอบสวนได้เสร็จก่อนกรอบเวลา 60 วันที่กฎหมายกำหนด กกต.จึงจะประกาศผลการเลือกตั้งทั้งหมดไปก่อนแล้วค่อยมาสอยในภายหลัง

ซึ่งคาดว่าการรายงานตัวของ ส.ส.วันสุดท้ายจะอยู่ที่วันที่ 20 ก.ค.66 หลังจากนั้นวันที่ 24 ก.ค.จะมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 25 ก.ค.จะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 26 ก.ค.จะมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาฯ วันที่ 3 ส.ค.จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 10 ส.ค.มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี วันที่ 11 ส.ค.จะมีการถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นการทำงานวันสุดท้ายของคณะรัฐมนตรีรักษาการ

ทั้งนี้ กกต.พยายามเร่งประกาศรับรองผลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนอกจากกระแสสังคมโดยเฉพาะด้อมส้มที่คอยกดดัน เพื่ออยากเห็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด อีกปัจจัยหนึ่งคือ เพื่อให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ตลาดหุ้นไทยดำดิ่งพอสมควร ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดมาจากนโยบายการเพิ่มค่าแรงของพรรคก้าวไกลที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด ซึ่งถ้ารับรองผลเร็ว แม้ตลาดหุ้นจะขึ้นไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ไม่ให้ตัวเลขในตลาดอยู่ในขั้นวิกฤต

จึงต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้ว กกต.จะประกาศรับรองผลเมื่อไหร่ ก่อน 28 มิ.ย.หรือไม่ การจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามไทม์ไลนหรือไม่ และที่สำคัญคือ สถานการณ์การเมืองไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่เริ่มมีคลื่นใต้น้ำใน 8 พรรคร่วมรัฐบาลขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วพรรคก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาล หรืออาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมือง คงต้องติดตามกันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' แถลงนโยบายรัฐบาล การเมือง-ทุนปึ้ก-ประชาชนอยู่ไหน?

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เสมือนเป็นภาพชัยชนะของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ นับตั้งแต่บินกลับมารับโทษในไทยเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 22 ส.ค. 2566

ชี้เปรี้ยง 'ทักษิณ' หลงประเด็น อ้างแพ้เลือกตั้งเพราะ 'อิ๊งค์' ลาคลอด 10 วัน

ทำไมการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคเพื่อไทยจึงไม่ชนะเป็นที่1 คุณทักษิณได้อธิบายเหตุผลว่า การแพ้เลือกตั้งให้กับพรรคก้าวไกล เมื่อการเลือกตั้ง เมื่อ

เอาแล้ว! สส.เพื่อไทย แฉ สส.บางพรรค เป็นต้นเหตุทำน้ำท่วมภาคเหนือ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธนวิปรัฐบาล สส.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความใน X ระบุว่า "ความสะใจของพวกคุณในวันนั้น คือความเดือดร้อนของประชาชนใน

ชัยชนะยกแรก“ทักษิณ” บ้านป่าฯแตก-ผู้เฒ่ากระอัก

พลิกสถานการณ์กลับมาชนะสำหรับ “นายใหญ่เพื่อไทย”-ทักษิณ ชินวัตร หลังจาก “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ ถูกสอยปมตกเก้าอี้ จากการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ในเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม

เปิดข้อมูลอีกด้าน! บทบาทใหม่ 'พิธา' ที่ ม.ฮาร์วาร์ด ไม่ได้เป็นอย่างที่ 'ด้อมส้ม' คุยโม้

กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยบทบาทใหม่ที่มหาวิทยาลัย Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะ Visiting Democracy Fellows

‘ประชาธิปัตย์’เจ็บ-ไม่จบ ฝันค้าง(ยัง)ไร้เทียบเชิญ

ซูฮกพรรคเพื่อไทย!!! โยนโจทย์ให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลเคาะชื่อกันเอง และมีคำสั่งพิเศษไม่เอา “วงษ์สุวรรณ” ร่วมรัฐบาล เล่นเอาพรรคการเมืองอื่นวุ่นวาย โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์โดนหางเลขไปกับเขาด้วย ที่เห็นเป็นเอกภาพสุด คือพรรคภูมิใจไทยไร้รอยต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน