จับตา กกต.ยื้อฟันว่าที่ ส.ส. ผวาบทเรียนแพ้คดี 'สุรพล'

อีกไม่นานก็จะครบ 30 วัน นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มี ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 และเตรียมที่จะจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ที่ประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่

อย่างไรก็ตาม มีบางฝ่ายที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงประกาศรับรอง ส.ส.ช้า อีกทั้งเรียกร้องให้รีบประกาศผลให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และ ด้อมส้ม เพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นรัฐบาลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสียที

ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งยังมีขั้นตอนทางกฎหมายบางประการที่ กกต.มีหน้าที่ดำเนินการ คือการตรวจสอบก่อนว่า 95,000 กว่าหน่วยเลือกตั้ง มีหน่วยไหนที่จะต้องมีเหตุสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ออกเสียงลงคะแนนใหม่หรือนับคะแนนใหม่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของ กกต.ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กกต.ยังมีอำนาจเต็มที่จะให้ใบส้ม ใบเหลือง กับผู้สมัคร ส.ส. ที่ กกต.มองว่าจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตอีกด้วย ทั้งนี้ การประกาศรับรองผลต้องใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน คือสิ้นสุดวันที่ 13 ก.ค.

โดยล่าสุด นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ระบุในเรื่องของการประกาศรับรอง ส.ส.ว่า "จะพยายามประกาศรับรองให้ได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าว เข้าใจดีว่า ต้องเร่งประกาศผลโดยไม่ชักช้า แต่มีขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งถึงตอนนี้มีคำร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งกว่า 280 เรื่อง ในส่วนของผู้ที่เลือกตั้งชนะ ถ้าจำไม่ผิดมีประมาณ 20 กว่าคน ตอนนี้ต้องขอตรวจสอบก่อนว่ามีหลักฐานชัดเจนหรือไม่"

โดยจะต้องมีการตรวจสอบว่า มีเหตุหรือหลักฐานที่จะต้องสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ พร้อมชี้แจงว่า การที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 95% ตามกฎหมายจะต้องมี 475 คน หากประกาศได้ครบ 100% ก็จะดำเนินการ ทั้งนี้ ขั้นตอนทางกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติจึงอาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่เราจะกระทำอย่างรวดเร็ว ไม่ชักช้า ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง หน่วยใดมีเหตุที่จะต้องสั่งให้นับคะแนนใหม่ หรือเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้เรื่องกำลังเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ยืนยันว่าจะพิจารณาโดยไม่ชักช้า

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวหลุดทางโซเชียลมีเดียว่า กกต.เตรียมจะให้ใบแดงกับ ส.ส.จำนวนมากไม่ต่ำกว่า 30 คน ในช่วงนี้ ซึ่งจากการวิเคราะห์นั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ กกต.จะแจกใบแดงแทบไม่เกิน 10 คนต่อครั้ง และการจะฟันว่าที่ ส.ส. กกต.ต้องมั่นใจก่อนว่าพยานหลักฐานที่สืบค้นสามารถมัดตัวว่าที่ ส.ส.ได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ มิฉะนั้นการกระทำใดๆ กกต.ที่มีผลกระทบต่อผู้สมัคร ถ้าไม่มัดแน่นพอจะส่งผลกระทบชิ่งต่อ กกต.ทันที

ยกตัวอย่างเคสที่เคยเกิดขึ้นในกรณี กกต.แจก "ใบส้ม" ให้ นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ในช่วงก่อนประกาศรับรอง ส.ส.เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนว่านายสุรพลใส่ซองทำบุญพระสงฆ์ 2,000 บาท เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (2) ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด

แม้ว่าการพิจารณา กกต.บนพื้นฐานของกฎหมาย แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีที่ กกต.ยื่นฟ้องนายสุรพล คดีบูชาเทียนเพื่อทำบุญวันเกิด 2,000 บาท ตั้งแต่เมื่อปี 2563 โดยระบุว่า ไม่ใช่เป็นการซื้อเสียง หรือทุจริตการเลือกตั้ง มองว่านายสุรพลเพียงทำบุญโดยนำเงินใส่ซองให้กับพระ ซึ่งรู้กันแค่ 2 คน โดยไม่มีบุคคลที่ 3 รู้เห็น จึงมองว่าไม่เข้าข่ายลักษณะเป็นการจูงใจให้ประชาชนเข้าใจผิด นิยมชมชอบ ให้ลงคะแนนกับนายสุรพล โดยหลังจากนั้นนายสุรพลได้ยื่นฟ้องต่อ กกต.

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2565 ให้ กกต.จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 64,144,683.77 บาท พร้อมดอกเบี้ย หลังจากนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษา แก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 56,792,568 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามระยะเวลาและจำนวนที่ศาลชั้นต้นกำหนด

จากบทเรียนดังกล่าวย้อนขึ้นมาในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นเรื่องยากที่ กกต.จะแจก ใบส้ม หรือ ใบแดง ให้กับผู้สมัครใด แม้ในช่วงระหว่างก่อนประกาศรับรอง ส.ส.จะมีอำนาจเต็มในการฟันผู้สมัคร แต่ถ้าหลักฐานไม่ชัด ฟันไม่ตรงเป้า กกต.ก็จะถูกฟันเสียเอง

อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้า กกต.จะปล่อยผ่านผู้สมัครโดยประกาศรับรอง ส.ส.ไปก่อน ซึ่งหลังจากนี้อำนาจเต็มในการฟันจะไม่ใช่ กกต.อีกแล้ว แต่ กกต.สามารถฟันผู้สมัครโดยไม่บาดเจ็บได้ โดยการยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิพากษา ซึ่งถ้าศาลมองว่าผู้สมัครไม่ผิด กกต.ก็จะไม่ผิด ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ

ซึ่งการส่งเรื่องให้ศาลฟันในช่วงนั้นจะเป็นการเซฟ กกต.ไปโดยปริยาย เพราะการฟันผู้สมัครพลาดแค่คนคนเดียว ส่งผลเสียหายต่อ กกต.อย่างมหาศาล ซึ่งถ้าถึงชั้นฎีกา กกต.แพ้คดีอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะนำเงินจากไหนมาชดใช้!

ทั้งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมด เพราะเหลือเวลาอีก 30 วันที่ กกต.จะต้องประกาศรับรอง ส.ส.ภายใต้ความกดดันของ กกต. ในช่วงนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่สามารถฟันธงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ จึงต้องจับตาลุ้นกันอย่างไม่กะพริบตา!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

'ภูมิธรรม' สดุดี 'ทักษิณ' ครองใจคนอุดรฯ พา พท. ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.

'ภูมิธรรม' ฟุ้งอุดรธานีหัวใจคนเพื่อไทยโดยแท้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ยํ้า ปชช. ยังรัก 'ทักษิณ' ชอบผลงานที่ทำมา อุบ 'อิ๊งค์' ลงพื้นที่ขอบคุณ

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)

'ทักษิณ-พท.' อย่าเพิ่งตีปีก! ชั้น 14 ป.ป.ช. ใกล้งวด คดีครอบงำยิ่งชัด รอ กกต. เคาะ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หน้าแตกกันไปตามๆ กัน เมื่อได้ทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับวินิจฉัยคำร้อง

ประกาศผลนับคะแนนเลือกตั้ง 'นายก อบจ.อุดรธานี' อย่างไม่เป็นทางการ

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา