“อุกกาบาต” เขย่ากรมปทุมวัน แฉ “ส่วยสติกเกอร์” หมื่นล้าน

ชนะการเลือกตั้งว่ายากแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ยิ่งยากกว่า ถึงแม้จะชิงลงมือบันทึกความเข้าใจ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ด้วยนโยบายสุดโต่งแตะสถาบันเบื้องสูงศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ทำให้พรรคแนวร่วมไม่เอาด้วย

ถึงแม้การ “ยกเลิก ม.112” จะถูกลบออกจาก MOU ในนาทีสุดท้าย เพื่อสร้างบรรยากาศการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคก้าวไกล ยืนยันจะยังคงเดินหน้าในนามของพรรค ทำให้การฟอร์มทีมรัฐบาลชะงัก เสียงที่มีอยู่ไม่พอจัดตั้งรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยที่มาอันดับ 2 กุมความได้เปรียบ จนเกิดกระแส “ดีลลับ” พลิกขั้ว จับมือกับอดีตพรรคฝ่ายรัฐบาลเตะก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ถึงแม้หน้าบ้านเพื่อไทยจะออกมายืนยันสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ “คนไกลบ้าน” คงไม่ยอมให้หอกข้างแคร่มาหยิบเค้กก้อนโตไปสวาปามแน่

อีกนโยบายของพรรคส้มคือ “ปฏิรูปตำรวจ” นับแต่ กกต.ประกาศเตรียมเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ป้ายหาเสียงสีส้มของพรรคก้าวไกลขนาดใหญ่ติดตั้งหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เด่นสง่า เป็นที่สนใจของคนเดินสัญจรไปมา “เลิกตั๋ว เส้นสาย หยุดส่วย รีดไถ ตำรวจอยู่ข้างประชาชน” ถึงแม้การจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นแค่เสียงใต้อุโมงค์ แต่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ขึ้น #ทำงานต่อไม่รอแล้วนะ

เขย่า “กรมปทุมวัน” แฉ “ส่วย” สติกเกอร์รถบรรทุก โดยนายวิโรจน์ได้โพสต์ทางแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมคลิปและเสียง ระบุว่า “สติกเกอร์ Easy Pass พิสดารหลายรุ่น ติดปุ๊บ ผ่านฉลุย ลุยไม่ยั้ง ต่อให้บรรทุกเป็น 100 ตัน ก็ขับผ่านฉลุย แถมไม่ต้องเสียเวลาชั่ง” โดยจะมีองค์กรลึกลับไปไล่เคลียร์ แล้วเหมาจ่ายไปก่อน จากนั้นก็จะผลิตสติกเกอร์พิสดารออกมาแล้วนำมาจำหน่ายให้กับรถบรรทุกต่างๆ ในราคาหลักพันบาทต่อเดือน ตามระยะทาง และจำนวนด่าน

สติกเกอร์ Easy Pass ไม่มีกลไกอิเล็กทรอนิกส์อะไร ใช้แค่ตาสังเกต ย้ำเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 1 ล้านคัน ถ้ารถบรรทุกสักครึ่งหนึ่งต้องมาถูกรีดไถค่า Easy Pass พิสดารแบบนี้ เดือนละ 3,000-5,000 บาท นี่เท่ากับว่าปีปีหนึ่ง มูลค่าการคอร์รัปชันนี่อาจจะมากกว่า 20,000 ล้านบาท ถ้าเราขจัดปัญหานี้ได้ ผู้ประกอบกิจการขนส่งก็จะมีต้นทุนลดลง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตรึงราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดงบประมาณซ่อมบำรุง รัฐบาลก็จะมีงบประมาณไปปรับปรุงให้ประชาชนได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้น

ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ว่า ไม่ต้องส่งใครมาเคลียร์ ถ้ายังไม่เลิก เอาเวลาไปเตรียมพรีเซนเตชัน เปิดตัวสติกเกอร์ Easy Pass ครบทั้งคอลเล็กชัน ที่ ป.ป.ช.จะดีกว่า แล้วก็ไม่ต้องเอาเงินมาเสนอ กอดเงินของคุณไว้แน่นๆ แล้วรอให้ ปปง.มายึดทรัพย์ก็แล้วกัน"

ขณะที่ นายพิธา ว่าที่นายกฯ ออกมากำชับว่า หลังจากนี้เตรียมพบกับ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นดาวรุ่ง ดาวฤกษ์ ดาวอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมเห็นว่าเป็น 'อุกกาบาต' มาทลายระบบส่วยให้หมดไปจากประเทศไทย กาก้าวไกลมาแล้ว ประเทศไทยต้องไม่เหมือนเดิม!

ซึ่งการออกมาแฉครั้งนี้ ส.ส.วิโรจน์ระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ต้องจ่ายเงินมหาศาลให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการระดับสูง ไปจนถึงผู้ปฏิบัติ ใครไม่จ่ายถูกกลั่นแกล้งจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และนายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย รับลูกออกมาแฉซ้ำ ส่วยรถบรรทุกมีมาเกือบ 20 ปี

ขั้นตอนการจ่ายส่วยจะมีโป๊กเกอร์หรือคนกลางคอยเป็นหน้าเสื่อ รับเงินจากผู้ประกอบการเพื่อเคลียร์กับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วนำสติกเกอร์รูปแบบต่างๆ ไปให้ผู้ประกอบการรถบรรทุก ซึ่งแต่และเดือนแตกต่างกันไป และสติกเกอร์รถวิ่งได้ไม่เหมือนกัน อย่างที่เห็นรูปกระต่ายสีฟ้า เป็นรถบรรทุกวิ่งระยะสั้นในเฉพาะเขตจังหวัดได้ รูปตะวันยิ้มสีน้ำเงิน สามารถผ่านด่านโดยไม่ต้องถูกตรวจใดๆ ทั้งสิ้น วิ่งได้ทุกเส้นทาง รูปการ์ตูนใจแอนท์ จ่ายตันละ 7,000 บาท ต่อเดือน บรรทุกได้โซนภาคกลาง 6 จังหวัด ถ้าจะเคลียร์กับตำรวจทางหลวงจ่ายเพิ่ม 2,000-3,000 บาท ส่วนสติกเกอร์เรารักประเทศไทย วิ่งเฉพาะโซนภาคอีสาน ค่าธรรมเนียมคันละ 25,000 บาทต่อเดือน บรรทุกได้ 70-100 ตัน ส่วนค่าผ่านด่าน แยกเป็นด่านเล็ก 3,00-5,000 บาท ด่านกลาง 5,000-10,000 บาท ด่านใหญ่ 100,000 บาท โรงพักภูธร 10,000-20,000 บาท โรงพักใหญ่ 100,000-200,000 บาท โรงพักเกรดเอ 200,000-300,000 บาท ซึ่งข้อมูลคร่าวๆ มีรถบรรทุกที่ต้องจ่ายส่วยอยู่ในขณะนี้ประมาณ 120,000 คัน คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน

“ส่วยรถบรรทุก” ไม่ใช่เรื่องใหม่ วงในรู้กันดี แล้วแต่ว่าช่วงไหนจะถูกขุดคุ้ย สมประโยชน์ก็แยกย้าย เมื่อผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งกองบังคับการตำรวจทางหลวงตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประสานให้จเรตำรวจจากส่วนกลางลงไปตรวจสอบคู่ขนาน ตอบคำถามกับสังคมให้ได้ ขึงขังใครเกี่ยวข้องสั่งฟันเด็ดขาดทั้งอาญาและวินัย พร้อมเปิดช่องทางการแจ้งข้อมูลส่วยรถบรรทุกมาที่ ตร.โดยตรง หมายเลข 1599 หรือจเรตำรวจ ผ่านระบบ JCoMS รับร้องเรียนจเรตำรวจทางออนไลน์ http://www.jcoms.police.go.th หรือกองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่หมายเลข 1193 ทุกข้อมูลทุกหลักฐานยืนยันจะดำเนินการเต็มที่

  “ผู้การทางหลวง” พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ รีบเคลียร์ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับปัญหาส่วยรถบรรทุกมีมานาน แต่เป็นปลายเหตุ ต้นเหตุมาจากรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ต้องไปแก้ไขที่กฎหมาย เพราะปัจจุบันดำเนินคดีเฉพาะคนขับ ไม่ใช่ผู้ประกอบการ เมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบจึงกระทำความผิดซ้ำ จับได้ต้องยึดรถถึงจะทำให้เจ้าของธุรกิจเดินรถเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าทำผิดซ้ำ

แต่การชี้แจงของผู้การทางหลวงกลับกลายเป็นวิวาทะ “ย้อนถามไปยังสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วยว่า อะไรคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเห็นแก่ตัวจนต้องบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด ก็ต้องไปแก้ไขในมิติอื่นๆ ด้วย”

ขณะที่นายศุภศักดิ์ ที่ปรึกษาขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยซัดกลับ “จุดเริ่มต้นมาจากตำรวจไม่จัดการกฎหมายอย่างจริงจัง รอแต่รับผลประโยชน์”

ว่าที่ ส.ส.วิโรจน์เข้ามาถล่มซ้ำ “ต้นเหตุจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ตำรวจจะเอามาอ้างเป็นเหตุในการรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้!!! ผิดกฎหมาย ก็จับ ปรับ ดำเนินคดี ต้นทางจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลายทางมันต้องไม่ใช่ "ส่วย" แน่ๆ

อุกกาบาต” ทะลวงส่วยครั้งนี้ กระทบหลายส่วนทั้งกรมขนส่ง กรมทางหลวง ตำรวจทางหลวง ลำพังเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งคงกินรวบไม่ได้ ถ้าไม่มีนัยทางการเมือง เป็นนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันก็ต้องปรบมือให้.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อิ๊งค์’สะกดอารมณ์ฝ่าซักฟอก2วัน รอลุ้นคะแนนโหวต-งูเห่าสมทบ!

ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ใช้เวลา 2 วัน 24-25 มีนาคม ก่อนลงมติวันนี้ 26 มีนาคม 2568 ซึ่งลีลาของ “นายกฯ อิ๊งค์” ในการแจงข้อซักฟอกถือว่าสามารถสะกดอารมณ์ได้ดี ไม่ปล่อยหมัดเด็ดตรงๆ ใส่ฝ่ายค้าน แต่ใช้ความนิ่งตอบเจ็บๆ ในบางช่วงเช่นกัน

‘ฝ่ายค้าน’ซักฟอก‘นายกฯอิ๊งค์’ ขยายแผล ปูทาง ยื่น 'ป.ป.ช.'

เปิดฉากกันไปแล้ว ศึกซักฟอก อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้คอนเซปต์ ‘ดีลแลกประเทศ’ วันแรก ไฮไลต์สำคัญ ช่วงเช้าหนีไม่พ้นการเปิดหัวของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และการลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ระเบิดศึกซักฟอก ดีลแลกประเทศ ขยี้"นายกฯอิ๊งค์"ขย้ำ"ทักษิณ"

หลังการเมืองไทยว่างเว้นจากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจมาร่วม 2 ปีเศษ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค.2565 ตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาวันนี้สิ้นสุดการรอคอยกับศึกซักฟอก-เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ซักฟอก ‘ดีลแลกประเทศ’ ฟ้องสังคม ‘ชินวัตร’ ได้อะไร

จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม ตั้งแต่เช้าจนถึงตี 5 และลงมติในวันที่ 26 หรือ 27 มีนาคมนี้ ภายใต้ธีม

สแกนข้อมูล‘ฝ่ายแค้น’ แตกหักหรือแบล็กเมล

นอกจากบทบาทของพรรคประชาชน (ปชน.) ในการซักฟอกระหว่างวันที่ 23-24 มี.ค. ต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ธีม “ดีลแลกประเทศ” ว่า สุดท้ายจะทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีหรือไม่ 

โหมโรงศึกซักฟอก “ดีลแลกประเทศ”

ภายหลังที่ประชุม ‘วิป 3 ฝ่าย’ ได้ข้อยุติกรอบเวลาใน ‘การอภิปรายไม่ไว้วางใจ’ ทั้งหมด 37 ชั่วโมง ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 24 มี.ค. แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 17 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับคณะรัฐมนตรี 3.5 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 21.5 ชั่วโมง คาดว่าหากมีการเริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. จะเลิกในเวลา 05.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค.