เส้นทาง'รทสช.'ในบทฝ่ายค้าน วันนี้'ลุงตู่'ยังอยู่ แต่วันหน้า...?

ว่าไปไม่ใช่เรื่องแปลกที่แกนนำพรรค รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)อาทิ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์, ธนกร วังบุญคงชนะ จะพร้อมใจกันออกมาประสานเสียงในโทนเดียวกันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นจุดขายสำคัญของพรรค รทสช.ตอนเลือกตั้ง   จนทำให้พรรคได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มา 4,766,408 คะแนน ที่มาเป็นอันดับสาม รองจากก้าวไกลและเพื่อไทย จะยังคงอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป  แม้ว่าหลังจากนี้ รวมไทยสร้างชาติจะไม่ได้เป็นพรรครัฐบาล ต้องเตรียมไปรับบทฝ่ายค้านในสภาก็ตาม

การที่แกนนำพรรค รทสช.ออกมาประสานเสียงดังกล่าว ก็เพราะรู้ดีว่า เมื่อพรรค รทสช.มีโอกาสสูงที่จะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนรวมถึงแวดวงการเมือง ย่อมคิดไปในทางเดียวกันว่า หากสุดท้าย พรรคก้าวไกลหรือเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยที่การตั้งรัฐบาลของทั้งสองพรรค ยังไงก็ย่อมไม่มีพรรค รทสช.ร่วมอยู่ด้วย จนสุดท้าย การเมืองกลับเข้าสู่โหมดปกติ มีรัฐบาลชุดใหม่-มีการเปิดสภา ก็จะทำให้พลเอกประยุทธ์ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งการเมืองอะไร ไม่ได้เป็น ส.ส.ของ รทสช. ก็ย่อมจะห่างเหินจากพรรค รทสช.และคนในพรรคเป็นธรรมดา

ถึงแม้พลเอกประยุทธ์จะมีตำแหน่งใน รทสช. เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ก็เป็นตำแหน่งลอยๆ ทางการเมือง ที่เมื่อการเมืองกลับสู่โหมดปกติ เรื่องการวางยุทธศาสตร์หรือแผนงานต่างๆ ของพรรค ยิ่งเป็นเรื่องที่ห่างไกลทางการเมืองอย่างมาก เพราะลักษณะงานดังกล่าวจะใช้ในช่วงเลือกตั้งเป็นหลัก 

ดังนั้น มันก็ย่อมทำให้พลเอกประยุทธ์กับพรรค รทสช.และ ส.ส.ของพรรค ต้องมีระยะห่างกันแน่นอน

ผนวกกับมีการมองกันว่า พลเอกประยุทธ์อาจคิดหันหลังให้กับการเมือง จนเฟดตัวเองออกจากการเมืองและพรรค รทสช.ไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย ก็ไม่แน่ อาจจะไปรับตำแหน่งบางอย่าง ตามที่มีกระแสข่าวร่ำลือกันก่อนหน้านี้ 

จนทำให้พรรค รทสช.กับพลเอกประยุทธ์ ก็อาจถึงคราวต้องค่อยๆ ห่างกัน สุดท้าย แต่ละฝ่ายก็ต้องเลือกทางเดินของตัวเองต่อไป

แน่นอนว่า แกนนำพรรค รทสช.ต่างก็รู้ดีว่า ประชาชนและแวดวงการเมืองย่อมมองสถานการณ์ของพลเอกประยุทธ์กับพรรค รทสช. ว่าอาจเดินไปในลักษณะข้างต้น

 จึงเป็นธรรมดาที่แกนนำพรรครทสช. จะพากันออกมาประสานเสียงว่า บิ๊กตู่ยังอยู่กับ รทสช.ต่อไป

ทั้งหมดเป็นเพราะแกนนำพรรค รทสช.ต้องพยายามสร้างความมั่นใจกับโหวตเตอร์และกองเชียร์พรรคว่า บิ๊กตู่ ยังทำงานการเมืองต่อกับพรรค รทสช. แม้จะเป็นฝ่ายค้านนั่นเอง 

กระนั้น ในความเป็นจริงทางการเมือง เสียงยืนยันดังกล่าวก็ใช่จะเป็นหลักประกันได้ตลอดไป เพราะไม่แน่อีกเช่นกัน ที่ในอนาคต บิ๊กตู่อาจคิดเฟดตัวเองออกจากการเมือง ขอแค่เป็นแบ็กอัพสนับสนุนพรรค รทสช.อยู่ข้างหลัง ซึ่งหากสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น แกนนำ รทสช.แต่ละคนต้องตัดสินใจกันแล้วว่าจะมูฟออนจาก รทสช.เพื่อไปอยู่กับพรรคอื่น หรือจะอยู่กับพรรค รทสช. ที่ไม่มีพลเอกประยุทธ์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ประเมินไว้ว่าหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ โดยที่รวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคฝายค้าน ในระยะแรก พลเอกประยุทธ์ก็น่าจะยังปักหลัก เป็นต้นไม้ใหญ่ให้กับคนในพรรค รทสช.ต่อไป เพื่อเป็นกำลังใจให้คนในพรรค ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด ตั้งแต่เวทีแรกคือ "เวทีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา" ไปจนถึงการตรวจสอบรัฐบาลเรื่องอื่นๆ

ที่ก็น่าติดตามไม่น้อยกับบทบาทของพรรค รทสช.ในฐานะฝ่ายค้าน เพราะจุดหนึ่งต้องไม่ลืมว่า พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ-หัวหน้า คสช. คุมอำนาจรัฐ-กลไกรัฐทุกหน่วยงานมา 9 ปีเต็ม เรียกได้ว่า ทุกหน่วยงานภาครัฐ ยังไงก็ต้องมีข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เป็นคนของพลเอกประยุทธ์และเครือข่ายพลเอกประยุทธ์อยู่ทุกหน่วย หรือแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนของเครือข่ายพลเอกประยุทธ์ แต่ก็ย่อมจะมีคนที่เชียร์ลุงตู่-ไม่ชอบพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่ต้องมีอยู่ในหน่วยงานรัฐแต่ละแห่งไม่มากก็น้อย โดยคนกลุ่มนี้มองได้ว่า ต่างพร้อมจะคอยเป็นหูเป็นตาให้กับพลเอกประยุทธ์ ในการส่งซิกหรือให้ข้อมูลการบริหารงานของรัฐบาลมาให้กับพลเอกประยุทธ์และเครือข่าย เพื่อส่งต่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะหากพบการบริหารงานของรัฐบาลที่ผิดปกติ เพื่อให้พรรค รทสช.นำไปตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ซึ่งตรงนี้ จะทำให้พลเอกประยุทธ์และรวมไทยสร้างชาติจะได้ข้อมูลที่ลึกและแม่นยำกว่าพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ  โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับวงการทหาร-ตำรวจ-มหาดไทย ที่เครือข่าย 3 ป.คุมมาตลอด 9 ปีเต็ม

โดยหากพรรค รทสช.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลได้เป็นอย่างดี ทั้งในห้องประชุมสภาและการตรวจสอบผ่านกลไกนิติบัญญัติอื่นๆ เช่น คณะกรรมาธิการสามัญของสภาชุดต่างๆ  รวมถึงบทบาทในสภาด้านอื่นๆ เช่น  การเป็นพรรคหัวหอกในการคัดค้านร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลจะเสนอเข้าสภา เช่น ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112-ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมือง

มองไปข้างหน้าทางการเมืองไว้ว่า  หาก ส.ส.พรรค รทสช.ทำหน้าที่อภิปราย-ท้วงติง นำเสนออย่างมีหลักการมีเหตุมีผลในที่ประชุมสภา มันก็จะทำให้บทบาทของพรรค รทสช.ในสภาโดดเด่นขึ้นมา จนไม่แน่ อาจจะขึ้นมาเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในปีกพรรคอนุรักษนิยมก็ได้ ยิ่งหากรัฐบาลก้าวไกลหรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศไปแล้วมีปัญหาเกิดขึ้นกลางทาง จนกระแสของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยดร็อปลง มันก็จะทำให้ พรรค รทสช. ก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ถ้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะต้องไม่ลืมว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกลเติบโตได้อย่างรวดเร็วในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็เพราะประชาชนพอใจผลงานของ ส.ส.ก้าวไกลในการเป็นฝ่ายค้านในสภาชุดที่แล้ว

 ดังนั้น หากแกนนำ รทสช.ตั้งหลักยืนยันว่าจะทำพรรคต่อไป แม้ต่อให้พรรค รทสช.ไม่มีพลเอกประยุทธ์เป็นเสาหลักของพรรคแล้ว สิ่งสำคัญที่พรรค รทสช.ต้องทำให้ได้ก็คือ การเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบรัฐบาลก้าวไกลหรือรัฐบาลเพื่อไทย ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต          

ส่วนการเมืองภายในพรรค รทสช. ต่อจากนี้ ประเมินไว้ว่า หลังสถานการณ์การเมืองเข้าสู่โหมดปกติ และเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของสภาชุดใหม่ องคาพยพในพรรค รทสช.คงไม่มีอะไรเคลื่อนไหวมากนัก

กระนั้น คาดไว้ว่า หลังเปิดสภาไปได้สัก 1-2 เดือน เมื่อการเมืองเริ่มนิ่ง  คาดว่าคงได้เวลาที่แกนนำพรรค รทสช.อาจต้องมานั่งเปิดใจ คุยกันอย่างจริงจังแล้วว่า จะนำพาพรรค รทสช.ต่อไปอย่างไร จะต้องมีการปรับทัพ-เขย่ากันภายในพรรคอย่างจริงจังสักรอบหรือไม่ เพราะจากผลเลือกตั้งที่ออกมา ที่พรรคได้ ส.ส.ต่ำกว่าเป้าหมายพอสมควร ทั้งที่พรรค รทสช.เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มีผลต่อคนในพรรคพอสมควร ยามเมื่อการเลือกตั้งรอบหน้ามาถึง โดยโจทย์สำคัญที่แกนนำพรรค-ส.ส.ของพรรค ต้องคุยกันให้ตกผลึกก็คือ การขับเคลื่อนของพรรค หลังจากนี้จะเดินต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะใน SCENARIO  ถ้าพรรค รทสช.ไม่มีพลเอกประยุทธ์ แล้วพรรคจะทำอย่างไร

จริงอยู่ว่า ช่วงนี้เร็วเกินไปที่คนในพรรค รทสช.จะคุยเรื่องนี้ แต่ก็เชื่อว่าในใจลึกๆ ของคนในพรรครทสช. ยังไงก็ต้องคิดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ตอนนี้แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ละคนเลือกที่จะไม่พูดออกมาทางสาธารณชนเท่านั้นเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง

จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567

ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!

แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่

โค้งสุดท้ายศึกนายกอบจ.อุดรฯ เดิมพันสูง พท.VSปชน.แพ้ไม่ได้

นับจากวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.ก็เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ศึกนายกฯ อบจ.อุดรธานี ทำให้ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่จะได้รู้กันแล้วว่า

‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’

แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี