“ประชาธิปัตย์”จัดหนัก“ลุงตู่” เหตุการณ์ซ้ำรอยเลือกตั้ง62?

สามสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม บรรดาแม่ทัพขุนพลพรรคการเมืองต่างๆ บินว่อนทั่วไทยหาเสียงคึกคัก หลายค่ายปรับยุทธศาสตร์เข้มข้นขึ้น ประกาศชัดเจนจับมือกับใคร ไม่จับกับใคร

เริ่มที่ฝ่าย “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” ก่อนหน้านี้เล่นบทตีกันเอง แต่มาช่วงหลังประกาศจุดยืนเหมือนกัน ไม่ขอตั้งรัฐบาลกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” และ “พรรคพลังประชารัฐ” จึงมีการประเมินกันว่าเมื่อถึงเวลาอย่างไรเสียสองพรรคนี้ก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพราะมีความคล้ายคลึงกันมากที่สุด

ส่วนฝั่ง “รวมไทยสร้างชาติ” “พลังประชารัฐ” และ “ประชาธิปัตย์” ก่อนหน้าพยายามหลบเลี่ยงการวิพากษ์พวกเดียวกัน แต่ต้องยอมรับเมื่อเวลางวดเข้าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งก็ต้องเล่นบทโหด เพื่อโกยคะแนนเข้าตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะทั้งสามพรรคนี้มีฐานเสียงเดียวกัน โดยเฉพาะที่พื้นที่ภาคใต้!!

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ฉายหนังตัวอย่างเป็นน้ำจิ้ม เปิดฉากสกัดดาวรุ่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและแคนดิเดตนายกฯ ของ “รวมไทยสร้างชาติ”

ยึดลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ ตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ฝั่งธนบุรี ผู้บริหาร ผู้ใหญ่ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเรียงหน้ากันพร้อมเพรียงขึ้นเวที

“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ย้ำอีกรอบว่าพร้อมเป็นนายกฯ จะทำประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป นายกฯ ต้องได้รับเสียงข้างมากในที่ประชุมร่วมรัฐสภา และต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และจะจัดการกับปัญหายาเสพติดที่คุกคามสังคมไทยให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด รวมทั้งไม่ยกเลิกมาตรา 112 ไม่เอายาเสพติด และไม่เอาทุจริต คอร์รัปชัน

แต่ที่ดูเป็นไม้เด็ดของงานต้องยกให้ “ธนา ชีรวินิจ” ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดินแดง พญาไท ปกติไม่ใช่คนชอบพูดชอบคุย และเห็นเดินตาม “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคลูกเดียว แต่เมื่อได้จับไมค์ปราศรัย แหมบอกได้เลยไฟลุก!

สวมบทผู้สมัครใจกล้า ฉบับผู้บริหารพรรคหลายคนยังไม่กล้าพูด (เอง) “ธนา” ยืนเดี่ยวเปิดแผล “พล.อ.ประยุทธ์” โดย

บอกว่า “มาเป็นนักการเมืองระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เป็น ส.ส. ทำอย่างเดียวคือให้พรรคเสนอตัวเองเป็นนายกฯ ในบัญชีรายชื่อของรวมไทยสร้างชาติ ผมต้องบอกความจริงว่าถ้ารวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน ไม่มีสิทธิเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์กลับบ้าน หรือถ้าได้มากกว่า 25 คน แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสองสภา พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มีสถานะทางการเมืองในการดูแลประชาชนเลย ถามว่าใจดำหรือไม่ บอกประชาชนว่าจะอาสารับใช้พี่น้องประชาชนขอเวลาอีก 2 ปี แต่ถ้าตัวเองไม่ได้เป็นนายกฯ ก็กลับบ้านเลย เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการก็กลับบ้าน แล้วคนที่ออกมาเลือกรวมไทยสร้างชาติกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไม่มีใครทำงานให้ เพราะทิ้งเขาไปแล้ว ไม่แก้ปัญหาที่อ้างว่ามีทับถมประเทศ ผมจึงจำเป็นต้องกราบเรียนพี่น้องว่าเวลาดูพรรคการเมืองต้องดูให้ขาด ว่าตั้งใจมาแก้ไขปัญหาอย่างที่พูดหรือไม่”

ทั้งยังตบท้ายด้วยว่า เชื่อมั่นว่า เมื่อลุงตู่กลับมาเมื่อใดความขัดแย้งเริ่มต้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางรอดของประเทศจะต้องได้นักการเมืองอาชีพที่เข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตย เคารพเสียงส่วนใหญ่และความเห็นต่าง เชื่อมั่นประชาธิปัตย์ หมายเลข 26

จากคำปราศรัยคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกเสียจาก “ประชาธิปัตย์” เริ่มปรับโหมดยุทธศาสตร์หาเสียง พุ่งเป้าไปยังตัวหลักของฝ่ายขวา อย่าง “พล.อ.ประยุทธ์” ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับกระแสดีที่สุดในบรรดาพรรคฝ่ายรัฐบาล และดูเหมือนพี่น้องชาวปักษ์ใต้จะปลื้มหนักกว่า “หัวหน้าจุรินทร์” ด้วยซ้ำไป ส่วนหนึ่งเพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” มีจุดยืนไม่เอา “เพื่อไทย” “ก้าวไกล” อย่างชัดเจน และอีกส่วนคือนโยบายที่ผ่านมาจับต้องได้ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง เรียกว่าโกยคะแนนท่วมท้น

ดังนั้น ทำให้ความนิยมของ “จุรินทร์” และ “ประชาธิปัตย์” ตามหลังมาโดยตลอด วันนี้จึงไม่แปลกที่จะส่ง “ธนา” ลูกหม้อคนหนึ่งของพรรคออกมา “ขย้ำ” ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งคอการเมืองบอกว่าเหตุการณ์คุ้นๆ เหมือนการเลือกตั้งปี 62 ที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ประกาศขอเป็นทางเลือกที่ 3 ให้สังคม ไม่เอา “ประยุทธ์” และไม่เอา "เพื่อไทย" ซึ่งเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาก็เป็นอย่างที่เห็น

จากวันนั้นถึงวันนี้ หลายคนในพรรคยังหลอนกับผลเลือกตั้งปี 62 แต่เมื่อศึกการเลือกตั้งมาถึงอีกคราวในเดือนพฤษภาคมปี 66 ทุกพรรคต่างต้องเดินหน้าช่วงชิงคะแนนนิยมให้ได้ ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ถอดรหัสและวิเคราะห์ว่า เลือกตั้ง 62 กับปี 66 บริบทหลายอย่างเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาประชาชนกลัว “อภิสิทธิ์” เอาไม่อยู่ จึงจำใจต้องเทเสียง ซึ่งมีอยู่เสียงเดียว เพราะเป็นระบบเลือกตั้งเป็นแบบบัตรใบเดียว ให้กับ “ลุงตู่” ในนามพลังประชารัฐขณะนั้น

ประกอบกับ ระหว่างทางร่วมรัฐบาล “ประชาธิปัตย์” พิสูจน์ฝีมือ มีผลงาน โครงการประกันรายได้ดูแลเกษตรกร ส่งออกนำรายได้มาอุดหนุนประเทศในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ระบาด ฉะนั้นเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมนี้ ระบบเป็นแบบบัตรสองใบ ก็มีความคาดหวังว่าประชาชนจะกาให้ “พี่” ใบหนึ่ง และอีกใบกาให้ “น้อง”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทม์ไลน์เคาะเครื่องบินรบ แง้มเส้นทางเรือดำน้ำเข้าครม.

เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่กองทัพอากาศจะคัดเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ทดแทน เพื่อนำเข้าประจำการแทนเครื่องที่กำลังปลดประจำการ

พท.ไม่สิ้นมนตร์ขลังแต่ชนะแค่1.8พัน ปิดตำนาน"บิ๊กแจ๊ส-มีวันนี้เพราะพี่ให้”

เสร็จศึกแล้วสำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกฯ อบจ.ปทุมธานี ที่ล่าสุดผลคะแนนออกมาแล้วเป็นทางการ ผลปรากฏว่า “นายชาญ พวงเพ็ชร์” ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย มีดีกรีเป็นอดีตนายกฯ อบจ.ปทุมธานี 3 สมัย ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,032 คะแนน

สว.สีน้ำเงินเปิดเซฟเฮาส์ ทำโผ-วางขุมกำลังคุมสภาสูง

การเมืองสัปดาห์นี้ ไฮไลต์สำคัญก็คือ ต้องรอดูว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรองรายชื่อ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ทั้ง 200 คนในช่วงกลางสัปดาห์นี้ พุธที่ 3 ก.ค. ตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไป หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการเลือก สว.ชุดใหม่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

สภาฮั้วค่าย 'สีน้ำเงิน' ยึดสว. วงจรอุบาทว์การเมืองไทย

ผลการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้รายชื่อว่าที่ สว.จำนวน 200 คน และสำรอง 100 คน ครบแล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ค่าย 'สีน้ำเงิน 'คุมสภาสูง จับตาประธานสว.คนใหม่

ประเทศไทยมีรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 200 คน อย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาใช้เวลาดำเนินการคัดเลือกสว.ระดับประเทศที่อิมแพค หลังจากใช้เวลาดำเนินการคัดเลือกสว.ระดับประเทศที่อิมแพค ฟอรัม เมืองทองธานี ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ลากยาวไปถึงเช้ามืดวันถัดไป ทำเอาผู้สมัครสว. ผู้ติดตาม รวมถึงผู้สื่อข้าวที่ตามเกาะติดชิดห้องประชุมตาคล้ำราวกับหมีแพนด้า

ไม่จบ ก.ตร.เคาะ“บิ๊กโจ๊ก”ออกจากราชการ เผือกร้อน“ก.พ.ค.ตร.”เร่งชี้ขาดยุติขัดแย้ง

สถานการณ์ความขัดแย้งใน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ทวีความรุนแรงลุกลามบานปลาย จากเหตุความขัดแย้งระหว่าง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ดูเหมือนจะจบ แต่ไม่จบ หลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสรุปผลสอบ