พา“ทักษิณ”กลับบ้าน หมากพลาดช่วย“บิ๊กตู่”

สถานการณ์การเมืองของ เพื่อไทย หากพูดตามสำนวนสุภาษิตคงเรียกได้ว่ากำลัง “ผีซ้ำด้ำพลอย” เริ่มจากประเด็น นายใหญ่ อยากกลับบ้าน ตามที่ โทนี่ วู้ดซัม ป่าวประกาศหลายครั้งผ่านไลฟ์สด 

ครั้งล่าสุดถึงขั้นลงทุนให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อญี่ปุ่น เปิดปากครั้งแรกว่าพร้อมกลับมา รับโทษ แต่ไม่วายมีแขวะตอนท้ายว่า ถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดที่ตัวเองก่อไว้ก็ตาม

เอาแค่เรื่องนี้ก็เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม เกิดแรงฮือต้านจำนวนมากจากประชาชน ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และไม่อยากให้ นักโทษหนีคดี กลับมาสร้างความบาดหมางให้คนในชาติอีก ที่สำคัญคดีต่างๆ ที่ปักหลัง ทักษิณ ชินวัตร ล้วนเป็น คดีทุจริต มิใช่ คดีการเมือง ดังนั้นย่อมต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย นิรโทษกรรมมิได้

ถัดมาเรื่องล่าสุด นโยบาย กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะแจกในวอลเล็ตให้แก่บุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไป หัวละ 10,000 บาท ที่ถูกเสนอโดย “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน อภิมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค กำลังกลายเป็น ตำบลกระสุนตก เช่นกัน

เพราะไม่มีการแจกแจงที่มาของรายได้ว่า จะหาเงินจากไหนมาทำนโยบายนี้ กระทั่งถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือไล่บี้ให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวโดยด่วน ขีดเส้นชี้แจงภายใน 7 วัน ทำเอา บิ๊กเนมเพื่อไทย วุ่นกันหัวปั่นไปหมดตอนนี้

นโยบายดังกล่าวถูกนักวิชาการ กูรูด้านเศรษฐกิจ และพรรคการเมืองหลายพรรค โจมตีว่าต้องควักงบประมาณไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทมาใช้ และอาจทำให้ประเทศล่มสลายเหมือนเวเนซุเอลา 

 แม้ หัวกะทิ ด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตมือขวา นายใหญ่ จะขนทีมงานออกมาชี้แจงแก้ต่างกันพัลวัน แต่วกวนจนกลายเป็น วัวพันหลัก เพราะสุดท้ายไปบอกว่าจะเอางบประมาณจากการเก็บภาษีเพิ่มเติมมาใช้ในนโยบายนี้ เท่ากับว่า หาก เพื่อไทย เป็นรัฐบาล อาจมีการ เก็บภาษีเพิ่ม หรือไม่

 ขนาดพรรคก้าวไกล เพื่อนรักเพื่อนแค้น ยังพยายามไล่บี้พรรคเพื่อไทยเลยว่า การประกาศนโยบายเช่นนี้ จะนำเงินจากไหนมาใช้ พร้อมประกาศ จับตา ห้ามมิให้มีการกระทบกับการเป็นหนี้อย่างเด็ดขาด แม้แต่ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำค่ายสีส้ม ถึงกับแขวะกลางเวทีปราศรัยว่า นโยบายปากท้องไม่มีทางยั่งยืน

 แถมยังถูก “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องตามแกะรอยว่า สาเหตุที่ เสี่ยนิด-เศรษฐา ประกาศนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าว ส่อเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ แม้ว่าเจ้าตัวจะลาออกจาก แสนสิริ และโอนหุ้นทั้งหมดในหลายบริษัทจนเกลี้ยงให้กับ ทายาท แล้วก็ตาม แต่การทำนโยบายนี้อาจเอื้อประโยชน์ให้กับบางบริษัทที่ เศรษฐา เคยถือหุ้นหรือบริหารหรือไม่ จนนำเรื่องไปร้องเรียนต่อ กกต.ให้ตรวจสอบในตอนนี้

 สอดรับกับ นายเกียรติ สิทธีอมร จากพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตั้งข้อสังเกตและโฟกัสว่า ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล หรือเป็นเพราะบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด หรือ XPG เมื่อปี 2021 เป็นที่เรียบร้อย

 ซึ่งน่าสนใจว่า XPG กำลังเริ่มเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วแสนสิริก็เข้ามาซื้อหุ้น ทั้งที่ธุรกิจของแสนสิริส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ คำถามว่าทำไมพอดีกันแบบนี้ แล้วใครจะได้ประโยชน์กันแน่ ประชาชนหรือคนในครอบครัว เราเคยเห็นภาพนายกฯ ไปเจรจา FTA ที่พ่วงธุรกิจดาวเทียมไปด้วยทุกครั้ง ทำไมต้องบังคับให้คน 80% ของประชากรต้องใช้เงินดิจิทัล คนที่จะขายเงินสกุลดิจิทัลเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวหรือไม่ ตนเองก็ไม่ทราบ 

นี่ยังไม่นับบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หลายคนถูก ลากไส้ ว่าเคยไปร่วม ม็อบ 3 นิ้ว ทำกิจกรรมวิพากษ์วิจารณ์ สถาบันฯ มาก่อน แต่ก็ยังถูกเข็นส่งลง ส.ส. หรือบางคนคุณสมบัติไม่ครบ ปากอ้างเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เคยไปเลือกตั้ง เข้าข่ายต้องถูก กกต.เพิกถอนสิทธิผู้สมัคร ก็เห็นกันแทบจะรายวัน

ทั้งหมดทั้งมวล เพื่อไทย จะโทษใครไม่ได้ นอกจาก ตัวเอง ที่วางหมากหวังพา ทักษิณ กลับบ้าน พร้อมประกาศนโยบาย โคตรประชานิยม ที่แม้จะถูกจริตชาวบ้านบางส่วน แต่ประชาชนอีกหลายคน รู้เท่าทัน เล่ห์เหลี่ยม นักเลือกตั้ง เหล่านี้กันหมดแล้ว

ก่อนหน้านี้เคยมีนักวิชาการประเมินการเคลื่อนไหวของนายทักษิณว่า นายทักษิณคือตัวช่วยของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่านายทักษิณที่ผูกมัดกับพรรคเพื่อไทย และการประกาศกลับบ้านของนายทักษิณที่บอกว่าจะไม่แก้กฎหมาย แต่จะให้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร (บุตรสาว) เป็นผู้ประกาศว่าจะกลับบ้านอย่างไร จะทำให้เกิดการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ หรือ strategic voting กล่าวคือ ต้องเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและพรรคที่ไม่เอานายทักษิณ ซึ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ 

สุดท้ายแผนของพรรคเพื่อไทยที่จะพานายใหญ่กลับบ้าน คงเป็นได้แค่ “ฝันกลางวัน” และตัวช่วย “บิ๊กตู่” ให้อยู่ในอำนาจต่อไป. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เรียก 'อนุทิน - สมศักดิ์' เคลียร์ปมกัญชา ก่อนทุบโต๊ะสั่งออกเป็นพ.ร.บ.ยุติความขัดแย้ง

ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แหล่งข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐม

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง