นับถอยหลังสนามการเลือกตั้งเข้มข้น ที่ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเศษ ที่แต่ละพรรคจะได้ลงพื้นที่ทำคะแนน ก่อนถึงวันเข้าคูหา 14 พฤษภาคม 2566 และพรรคใหม่อย่าง รวมไทยสร้างชาติ หรือ รทสช. ที่ตอนนี้เป็นที่รู้จักกันว่า พรรคลุงตู่ ที่เพิ่งจดทะเบียนก่อตั้งในปี 2564 มี “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรรค และต่อมา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ตัดสินใจเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ในงาน "รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ" ซึ่งจัดขึ้นงานแรกอย่างยิ่งใหญ่ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สำหรับการเติบโตของพรรคจะเรียกว่าก้าวกระโดดข้ามขั้นก็ได้ จากพรรคเล็กๆ กลายเป็นพรรคหลักที่ทุกคนต้องจับตา นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจเข้าร่วมงาน นั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ของพรรค พร้อมทีมผู้บริหารชุดปัจุบันที่มีเขี้ยวเล็บกันพอสมควร
ได้แก่ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุลชัยรุ่งเรือง และนายชื่นชอบ คงอุดม นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค และนายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนสมาชิกพรรค
และสำหรับกระแสของพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเวลา 3 เดือนกว่าๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมงานกับพรรค ต้องยอมรับว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย จนพรรครวมไทยสร้างชาติกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีการวิเคราะห์ การประเมินจากหลายฝ่าย รวมถึงผลโพลสำรวจต่างๆ ทั้งต่อตัวลุงตู่และพรรคที่ออกมาหลากหลายแง่มุม และหากลองประมวลกระแสความนิยมของประชาชน
และจากเสียงประเมินของแม่ทัพในแต่ละภาคของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ย้ำให้ผู้สมัครทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ ทุกคนต้องทำหน้าที่เป็นเซลล์เดินเคาะประตูบ้านสื่อสารนโยบายของพรรค สื่อสารจุดยืนแนวทางการทำงานของพรรค ต้องหาเสียงต่อเนื่องทุกวันเพื่อจะส่งผลให้เรตติ้งขยับขึ้นเรื่อยๆ
อย่างเช่นในพื้นที่ ภาคใต้ พบว่ายังเป็นพื้นที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์มีกระแสดีที่สุด ทั้งจากการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส. แกนนำพรรค และตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่ยังอยากผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย อีกทั้งแม่ทัพภาคใต้ อย่าง ธนกร วังบุญคงชนะ ประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรค ยังให้ความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนนิยมในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะได้มากกว่าปี 2562 และจะได้รับการเลือกตั้งมากกว่าเดิม
ส่วน ภาคอีสาน แม้กระแสความนิยมลุงตู่จะมีเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องเร่งทำพื้นที่เพื่อโกยคะแนนให้ประชาชนเลือกทั้งผู้สมัครระบบเขตและพรรคอย่างเข้มข้น ซึ่งแม่ทัพภาคอีสานอย่าง วิทยา แก้วภราดัย ยังกำชับในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงวันเลือกตั้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเร่งนำนโยบายของพรรคที่ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ไปขยายผลเพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลลุงตู่นำมาสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ ขณะเดียวกันในภาคอีสานยังมีคะแนนเสียงจากกลุ่มเสื้อแดงบางส่วน ที่หันมาร่วมอุดมการณ์กับพรรครวมไทยสร้างชาติอีกด้วย
และสำหรับใน ภาคเหนือ อีกหนึ่งพื้นที่หินของพรรคที่ต้องทะลุทะลวง โชว์ผลงานเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างหนัก เพราะต้องสู้กับกระแส “พรรคเพื่อไทย” และกระแสครอบครัวชินวัตร ที่หวังจะแลนด์สไลด์ แต่ล่าสุดพบว่า กระแสนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์มีเยอะพอสมควร ซึ่ง เสธ.หิ หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้รับผิดชอบภาคเหนือ ได้เคยให้ความมั่นใจไว้ว่า ส.ส.ที่ตั้งเป้าไว้ได้ไม่ต่ำกว่าเป้าแน่นอน
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ กรุงเทพฯ ที่มี ส.ส.ทั้ง 33 เขต ซึ่งประเดิมเปิดเวทีปราศรัยไปแล้วเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่สวนเบญจกิติ สำหรับในพื้นที่ กทม.นี้ มี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นำทัพ และติวเข้มผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนด้วยตัวเอง ให้ลงพื้นที่ทุกวัน ไม่อนุญาตให้หยุด ไม่อนุญาตให้ลา ต้องเดินตั้งแต่เช้ายันค่ำ พร้อมมี นายอนุชา บูรพชัยศรี และนายเกรียงยศ สุดลาภา แกนนำพรรคในทีม กทม.ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงด้วย ทั้งนี้ ในพื้นที่ กทม.พบว่า ผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในโครงการต่างๆ ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนเป็นที่ประจักษ์ และได้รับเสียงตอบรับดี และมีการการันตีจากแกนนำพรรคด้วยว่า เท่าที่เดินลงพื้นที่ด้วยตัวเองพบว่ากระแสลุงตู่มีเพิ่มขึ้นจริง
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นับจาก “ลุงตู่” เข้านำทัพรวมไทยสร้างชาติ แม้ในแต่ละภาคแต่ละพื้นที่จะสามารถเก็บแต้มได้มากขึ้น ชื่อพรรคเป็นที่ติดหูเพิ่มขึ้น กระแส พล.อ.ประยุทธ์ดีขึ้นตามลำดับ แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ยังต้องเร่งตีปี๊บนโยบายต่างๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อสู้กับทุกกระแสแลนด์สไลด์ ชิงชัยชนะในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรืองไกร ไล่บี้นายกฯทวงหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท
เรืองไกร ทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ จากนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่
การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี
จับตา! 'ทักษิณ' สร้างอภินิหารการเมือง คัมแบ็กนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับสัญญาณ ทักษิณหวนคืนอำนาจรัฐ
นโยบายที่“อิ๊งค์”ไม่กล้าพูด เรื่องสำคัญกว่าผลงาน90วัน
บรรดากองเชียร์รัฐบาลเพื่อไทยอาจจะชื่นชม หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เล่นใหญ่ เปิดสตูดิโอ 4 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ยืนเดี่ยวไมโครโฟน
นายกฯอิ๊งค์ขายฝันประชานิยมปี 2568 แจกเงินหมื่น-ผ่อนบ้าน 4 พัน-ล้วงเงินหวยส่งเด็กเรียนนอก
'นายกฯอิ๊งค์' ร่ายยาวผลงานรัฐบาล 90 วัน เปิดอนาคตปี 68 ครอบคลุมทุกมิติ มาแน่ปีหน้าเงินหมื่นเฟส 2-3 จัดบ้านเพื่อคนไทยผ่อน 4 พันไม่ต้องดาวน์ ผุดไอเดียดึงงบกองสลากส่งเด็กไทยเรียนเมืองนอก คืนชีพ 1 อำเภอ 1 ทุน