ไม่มีเซอร์ไพรส์การเมือง สำหรับ พรรคประชาชาติ ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา อดีต รมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรค
หลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือในแวดวงการเมืองมาตั้งแต่ต้นปีนี้ว่า ให้จับตา ไม่แน่ ในโผบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาชาติ อาจจะมีคนในเครือข่ายของ เจ้าสัว คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มาเล่นการเมืองกับพรรคประชาชาติ
หลังที่ผ่านมา แวดวงการเมืองพูดกันมานานแล้วว่า แกนนำพรรคประชาชาติบางคนกับเครือข่ายเจ้าสัวคีรี มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมาก
ยิ่งเมื่อเห็นการทำงานการเมืองของ ส.ส.พรรคประชาชาติ ที่เน้นหนักตรวจสอบอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่คัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท และเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้กับกลุ่มบีทีเอสเป็นพิเศษ เลยยิ่งทำให้แวดวงการเมืองพูดถึงกันมาตลอดถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของเครือข่ายเจ้าสัวคีรีกับคนการเมืองในพรรคประชาชาติบางส่วน จนลือกันไปว่า กลุ่มเจ้าสัวจะส่งคนมาเล่นการเมืองในพรรคประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายโผรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของประชาชาติ ก็ไม่ได้มีคนที่อยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ ที่ดูแล้วเป็นคนของเครือข่ายคีรีแบบชัดเจนอย่างที่คนจับตามองกัน
แม้จะพบว่า มีบางคนที่มีชื่ออยู่ในโผปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาชาติ เคยเป็นบอร์ดในบริษัทบางแห่งที่เครือข่ายคีรีถือหุ้นอยู่ก็ตาม
ขณะที่คนที่อยู่ในโผดังกล่าวที่อยู่ในลำดับต้นๆ ก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือส่วนใหญ่ เป็นแกนนำพรรคประชาชาติ ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งพรรค อดีต ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ที่อยู่กับวันมูหะมัดนอร์ มะทา มาร่วม 30 ปี ตั้งแต่ยุคพรรคความหวังใหม่ ในนาม กลุ่มวาดะห์ เช่น อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส ที่อยู่ลำดับ 4 เป็นต้น
ส่วนชื่ออื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น ยู่สิน จินตภากร อดีตรองนายกเทศมนตรีนครยะลา ที่เป็นสายตรง นายกอ๋า-พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา นักการเมืองท้องถิ่นคนดัง ที่พยายามผลักดันให้พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 ยะลา อำเภอเมือง เพราะเป็นพื้นที่ซึ่งพงษ์ศักดิ์มีฐานเสียงแน่นหนา โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยพุทธ-คนไทยเชื้อสายจีนในตัวเมืองยะลาที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย จนเกิดการแข่งขันในพื้นที่อย่างหนัก แต่สุดท้ายพรรคตัดสินใจส่ง สุไลมาน บือแนปีแน อดีตประธาน กต.ตร.สภ.ยะหา สายตรง-คนของบ้านใหญ่ยะลา ซูการ์โน มะทา อดีต ส.ส.ยะลา น้องชายนายวันนอร์ เลยทำให้พรรคดัน ยู่สิน จินตภากร ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์แทน
แต่ชื่อที่ทำให้หลายคนประหลาดใจว่าเป็นใครมาจากไหน ก็คือ สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 3 ต่อจากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ธรรมดา มาจากสายอดีตอัยการเก่า เคยเป็นอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร อดีตคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสมัยณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็น รมว.ศึกษาธิการ อดีตบอร์ดบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เช่น การไฟฟ้านครหลวง และบริษัท อสมท จำกัด อดีตกรรมการบริษัท บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ทำธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น รับจ้างประกอบและรับเหมาผลิตแผงวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้บริการงานระบบและบริการโซลูชั่นทางด้านเทคโนโลยีสื่อสาร เป็นต้น
โดยแกนนำพรรคประชาชาติตั้งเป้าไว้ว่า น่าจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ประมาณ 3-4 คน จากเดิมที่เคยได้ตอนเลือกตั้งปี 2562 แค่คนเดียว
เลือกตั้งรอบนี้ พรรคประชาชาติ ที่เป็นพรรคขนาดเล็ก เลือกที่จะใช้ยุทธศาสตร์การส่งคนลงเลือกตั้งระบบเขต
"เน้นๆ-หวังผลจริง" ไม่ได้ส่งคนลงแบบเหวี่ยงแห แบบส่งให้เยอะที่สุด ทั้งที่รู้ว่าส่งไปก็ไม่มีสิทธิ์ ทำให้รอบนี้พรรคประชาชาติส่งผู้สมัครเลือกตั้ง 19 เขต ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ก็ส่งไป 77 คน โดยพื้นที่หลักซึ่งเน้นเป็นพิเศษก็คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ "ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส" ส่วนจังหวัดภาคใต้อื่นๆ ที่ส่ง ก็เลือกเฉพาะที่หวังไปแชร์คะแนนมาได้ เช่น สงขลา สตูล เป็นต้น
สำหรับศึกเลือกตั้งรอบนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มี ส.ส.เขตเพิ่มจากตอนปี 2562 มา 2 ที่นั่ง คือจากเดิม 11 เขต เป็น 13 เขต โดยเพิ่มที่นราธิวาสและปัตตานี จังหวัดละ1 ที่นั่ง
ยิ่งทำให้แกนนำพรรคประชาชาติตัดสินใจทิ้งพื้นที่อื่นหมด เพราะต้องการยึด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ได้ ส.ส.เขตเยอะที่สุด หลังเลือกตั้งปี 2562 เคยทำได้ 6 ที่นั่ง จาก 11 ที่นั่ง ที่ก็คือเกินครึ่ง จึงไม่แปลกที่แกนนำพรรคประชาชาติในช่วงต่อจากนี้ จะปักหลักอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก
ซึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่พรรคประชาชาติส่งคนลงเลือกตั้ง และหวังเป็นแชมป์ ส.ส.เขตเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ประกอบด้วย ยะลา บ้านเกิดของหัวหน้าพรรค วันมูหะมัดนอร์ มะทา เขต 1 สุไลมาน บือแนปีแน เขต 2 ซูการ์โน มะทา เขต 3 อับดุลอายี สาแม็ง
ส่วนที่ ปัตตานี เขต 1 วรวิทย์ บารู เขต 2 ฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา เขต 3 สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ เขต 4 ว่าที่ ร.ต.โมฮามัดยาสรี ยูซง เขต 5 สาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สำหรับ นราธิวาส ก็ประกอบด้วย เขต 1 อัฟฟาน หะยียูโซะ เขต 2 เจ๊ะซู ตาเหย็บ เขต 3 มูหามะรอมือลี อาแซ เขต 4 กูเฮง ยาวอฮะซัน เขต 5 กมลศักดิ์ ลีวาเมา
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชาติต้องเจอกับคู่แข่งหลายพรรคการเมือง ที่ก็ต้องการแชร์เก้าอี้ ส.ส.เขต และหวังคะแนนในระบบปาร์ตี้ลิสต์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ
สำหรับพรรคประชาชาติ เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่มีการประเมินกันว่า
“หลังเลือกตั้งมีโอกาสจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลสูง หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ”
เพราะถึงต่อให้เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง แต่เพื่อให้เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และมีเสียง ส.ส.ในสภามากที่สุด ทำให้ทุกฝ่ายดูคาดหมายตรงกันว่า ทักษิณ-แกนนำเพื่อไทยจะดึง พรรคประชาชาติ เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยแน่นอน
เพราะนอกจากเป็นอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมา 4 ปีเต็มแล้ว สายสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างทักษิณ-เพื่อไทย กับแกนนำพรรคประชาชาติ โดยเฉพาะวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค ทุกคนก็รู้กันดีว่าแนบแน่นกันมากขนาดไหน
เพราะวันนอร์ก็เคยอยู่กับไทยรักไทยมาก่อน ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ก่อนจะนำนักการเมืองในสาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกลุ่มวาดะห์ ยกทีมออกมาจากพรรคเพื่อไทยเพื่อตั้งพรรคประชาชาติ โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อดีตเลขาธิการ ศอ.บต.ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาร่วมตั้งพรรคด้วยตั้งแต่แรก
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทางการเมืองในช่วงปี 2562 ว่า การตั้งพรรคประชาชาติดังกล่าว คือยุทธศาสตร์ของเพื่อไทยที่รู้ดีว่า คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ยอมรับแบรนด์พรรคเพื่อไทย จึงต้องมีพรรคใหม่ไปทำพื้นที่แทน หรือแผนแยกกันเดินนั่นเอง
วันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ พ.ต.อ.ทวี จึงไม่ใช่คนอื่นคนไกลสำหรับเพื่อไทยและทักษิณแต่อย่างใด
จนมีเสียงร่ำลือกันว่า หากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคประชาชาติ ที่หากพรรคสามารถมี ส.ส.ได้ตามเป้าที่วางไว้ อย่างน้อย 10-12 ที่นั่ง จากเดิมที่ตอนเลือกตั้งปี 2562 มี ส.ส. 7 คน ซึ่งหากพรรคได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล คนที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรี จะไม่ใช่หัวหน้าพรรค วันมูหะมัดนอร์ มะทา แต่จะเป็น พ.ต.อ.ทวี เลขาธิการพรรค ที่อาจขอลุ้นเก้าอี้ รมช.มหาดไทย ส่วนจะถึงขั้นหวังไปไกลถึง รมว.ยุติธรรม ในฐานะที่เคยเป็นอธิบดีดีเอสไอมาก่อนนั้น ประเมินแล้วคาดว่าฝ่ายเพื่อไทยไม่น่าจะยอมให้
แต่หากเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ต้องเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาชาติก็ต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีก 1 สมัย เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2
ขวากหนามแก้รัฐธรรมนูญ คนกันเอง...เล่นเกมต่อรอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว