กระแสข่าว พรรคเพื่อไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ ปิดดีลล่วงหน้า เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงที่เริ่มชัดเจนว่า บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะแยกกันเดินในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ข่าวลือดังกล่าวถูกให้น้ำหนักค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเวลาแกนนำพรรคเพื่อไทยถูกถามเรื่องดีลดังกล่าว แต่กลับได้คำตอบที่กำกวม ไม่ชัดเจน
อีกทั้งเวลาโจมตีขั้วการเมืองฝั่งรัฐบาล บิ๊กป้อม แทบจะเป็นคนเดียวที่ได้รับการยกเว้น ไม่ถูกค่ายสีแดงแตะต้อง และในข้อเท็จจริง พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว
ไมตรีที่ไม่แตะต้องกันเบื้องหน้า ปนกับความสัมพันธ์แบบลับๆ ในเบื้องหลัง ระหว่าง 2 พรรค เพื่อไทย-พลังประชารัฐ มันทำให้ข่าวนี้ได้รับความน่าเชื่อถือ
แต่ในระยะหลังมานี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพิ่งจะประกาศชัดถ้อยชัดคำว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แต่มีวงเล็บว่า หากประชาชนสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยได้ตามเป้าหมาย
“ถ้าเราได้ถึง 310 พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” นพ.ชลน่าน ระบุตอนหนึ่งที่เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย จ.พิษณุโลก
หากสังเกตจะพบว่า ตัวเลข 310 นี้ พรรคเพื่อไทยเพิ่งจะนำมาใช้หาเสียงได้ไม่นาน แต่ก่อนจะใช้เพียงแค่คำว่า ‘แลนด์สไลด์’ ไม่ระบุตัวเลข
ความเข้าใจของคนทั่วไปก่อนหน้านี้ คำว่า ‘แลนด์สไลด์’ น่าจะหมายถึง 376 เสียง ที่เพียงพอต่อการปิดสวิตช์ ส.ว. และสามารถจิ้มบางพรรคมาร่วมรัฐบาลได้ด้วยตัวเองหลังเลือกตั้ง
ในขณะที่ตัวเลข 310 ยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่า ทำไมจึงคิดว่าตัวเลขนี้เพียงพอ และเว้นไว้ทำไมอีก 66 ที่นั่ง เปิดไว้ให้ใครมาเติม? ซึ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนได้ออกมาส่งเสียงถามดังๆ เช่นเดียวกัน
"ถ้าเพื่อไทยจะประกาศทั้งทีต้องใช้ตัวเลข 376 เสียงไปเลย ขอ 310 เสียงทำไม เพราะไม่มีผลต่อการเลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาล อีกทั้งจะไปหาอีก 66 เสียงจากไหนมาเติมให้เกินครึ่งของรัฐสภา เนื่องจากกวาดฝ่ายเสียงเดียวกันจนหมดเกลี้ยงแบบนี้แล้ว”
พรรคพลังประชารัฐคือ พรรคที่ถูกจับจ้องมากที่สุด แม้ นพ.ชลน่านจะประกาศว่าไม่จับมือก็ตาม เพราะในทางการเมือง การได้ บิ๊กป้อม ไปอยู่ด้วย จะช่วยลดแรงกระแทกจากภัยต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.หรือจากองค์กรอิสระ
ในขณะที่การประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเพียงการแก้เกมหลังถูกพรรคก้าวไกลและพรรคไทยสร้างไทยเดินหน้าแชร์แต้ม
โดยเฉพาะ พรรคก้าวไกล ที่กระโจนเข้ามาหาเสียงกับกลุ่มคนเสื้อแดง และพยายามขยี้พรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของ บิ๊กป้อม ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2552-2553
ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นคู่แข่งกับพรรคก้าวไกลโดยตรง แต่การเดินเกมแบบนี้มีจุดมุ่งหมายกระทบชิ่งไปยังพรรคเพื่อไทยที่มีข่าวว่าจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และทอดทิ้งพรรคก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน
ข่าวนี้ส่งผลให้ประชาชนในขั้วนี้ที่ไม่เอาเผด็จการทุกประตู ไม่ว่าจะเป็น ‘บิ๊กตู่’ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ หันไปเทคะแนนให้พรรคก้าวไกล ที่ประกาศชัดเจนว่า ไม่เอาทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ
โดยคะแนนที่ไหลไป มันมีผลกระทบต่อยุทธการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น จึงต้องมีการแก้เกมด้วยการประกาศไม่จับมือกับ ‘บิ๊กป้อม’ แบบไม่ค่อยเต็มเสียงเต็มคำเท่าไหร่
นอกจากพรรคก้าวไกลที่คอยแชร์คะแนนของพรรคเพื่อไทยแล้ว พรรคไทยสร้างไทยของ เจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ยังเป็นอีกก้างชิ้นโตที่คอยขวางแผนแลนด์สไลด์อยู่
แม้ขนาดพรรคไทยสร้างไทยจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวผู้สมัคร ส.ส.ในหลายเขตของ กทม.และอีสาน ถือเป็นตัวความหวังหลายคน
และแน่นอนว่า ยิ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ ส.ส.ใน กทม.และอีสานมากเท่าไหร่ จำนวนที่นั่งของพรรคเพื่อไทยจะหายไปเท่านั้น เพราะเป็นกลุ่มฐานเสียงเดียวกัน
จะเห็นว่า หลายๆ เวที แกนนำพรรคเพื่อไทยทุกคนพยายามพูดย้ำๆ ว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ขนาด เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ยังแตะเรื่องนี้เมื่อวันก่อนที่ จ.พิษณุโลก
“4 ปีต่อไปเราอยากได้อะไร คิดให้ดี อย่าปันใจ ไม่ต้องมีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขา ไม่มี เราไม่เคยพูด”
มันสะท้อนให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความมั่นใจในเรื่องแลนด์สไลด์เลย และกำลังกลัวขั้วเดียวกันมากกว่าขั้วตรงข้าม!
ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่างๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือแคมเปญ มันจึงเป็นกลยุทธ์การหาเสียง ทั้งทำเพื่อเพิ่มคะแนนและแก้เกมคู่แข่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นพดล' ฟังทางนี้! 'หมอวรงค์' จับโป๊ะ คำชี้แจง 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ถึงนพดล ปัทมะ" โดยระบุว่า คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ชี้แจงพันธมิตรฯ เรื่อง MOU 44
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
เทวดาแม้วของขึ้น! เปิดศึกขาประจำกว่า 10 คน รวม ‘แก้วสรร-แฝดน้อง‘
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ