
แม้ตัวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมสองแกนนำกลุ่มสามมิตร จะยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และยังเป็นรัฐมนตรีภายใต้การนำของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
แต่ใจและพฤติกรรมทางการเมืองนั้นถูกจับโยงไปอยู่พรรคเพื่อไทยเป็นเรียบร้อยแล้ว หลังจากเด็กๆ ในกลุ่มสามมิตรลาไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเป็น นายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต ส.ส.พิจิตร นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง อดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล อดีต ส.ส.สุโขทัย ขณะที่ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ อาจจะมีการเปิดตัวพร้อม นายสมศักดิ์
สอดรับกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่มีความผูกพันกันดีกับ สมศักดิ์ ตั้งแต่ครั้งอยู่เรือนจำ ยังได้นำ นโยบายวัวล้านตัวไปหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งนายสมศักดิ์เป็นเจ้าของผลงาน และมัดใจล่วงหน้าแล้วจะย้ายมาสมทบผลักดันเรื่องนี้ในโควตา รมว.เกษตรฯ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ สมศักดิ์ ยังปากแข็ง และโยนให้การตัดสินใจย้ายพรรคเป็นหน้าที่ของ บิ๊กซัน หรือ สุริยะ เพราะเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยให้ข่าวทางการเมือง แต่ก็มีเสียงลือว่าสองแกนนำสามมิตรผู้นี้ได้ไปบอกลา บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะย้ายพรรคเมื่อนายกฯ ยุบสภา
ซึ่งตัว บิ๊กป้อม ก็เข้าใจความจำเป็น เพราะ สมศักดิ์ และ สุริยะ แม้จะมีตำแหน่งในพรรค แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สมศักดิ์ เคยบอกว่า แม้ตัวเองจะเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. เคยเรียกประชุมได้เพียงแค่ครั้งเดียว และดูเหมือนจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร
ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรค พปชร. ยังให้บทบาทการทำงานแก่บิ๊กทหารคนใกล้ตัว ส่วนนักการเมืองก็มอบภารกิจสำคัญให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรค นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการ มีบทบาท
โดยเฉพาะได้มอบหมายให้ ผู้กองคนดัง รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ขณะเดียวกันการไปบอกลา บิ๊กป้อม ของสองแกนนำสามมิตร ก็เป็นไปด้วยดี และอาจถือเป็นตัวเชื่อม หากในอนาคตพลังประชารัฐจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทย สอดรับกับกระแสดีลลับบ้านป่ารอยต่อฯ กับนายใหญ่ดูไบก่อนหน้านี้ ที่เชื่อว่าอาจได้ทำงานร่วมกัน ตามนโยบาย พปชร.ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ หลายคนอาจมองว่าการย้ายแบบพลิกขั้วไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้อาจจะสร้างความไม่พอใจได้ แต่หากมองอีกมุม โดยมี นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.ประจำสำนักนายกฯ และสมาชิก รทสช. ที่เคยอยู่สามมิตรเป็นตัวเชื่อม อาจประเมินว่าหากสถานการณ์จำเป็นก็สามารถดึง สมศักดิ์-สุริยะ กลับมาทำงานร่วมกันได้
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายใหญ่ ก็รู้ทันเกมการเมืองเหล่านี้ และรู้จัก สมศักดิ์ และ สุริยะ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการย้ายเข้าย้ายออกของแกนนำกลุ่มสามมิตรถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สาเหตุที่ต้องยอมให้ใช้แบรนด์พรรคเพื่อไทย เพราะเริ่มไม่มั่นใจในกระแสแลนด์สไลด์ของตัวเอง จึงจำเป็นต้องไล่เก็บทุกแต้มให้หมด
ที่สำคัญในพื้นที่ จ.สุโขทัย หรือ จ.พิจิตร และภาคเหนือตอนล่าง พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีตัวจะชนะคู่แข่งได้ รวมทั้งพื้นที่ภาคใต้ก็ถือเป็นจุดอ่อน ซึ่งล่าสุดมีกระแสข่าวจะมอบหมายให้ สมศักดิ์ ไปรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ หลังที่ผ่านมาผลักดันเรื่องกระท่อมและวัวชน จนเป็นที่พอใจของชาวใต้มาแล้ว ฉะนั้นการได้ตัว แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
แตกต่างจากกลุ่มสามมิตรที่มีแต่ วิน-วิน โดยมี สมศักดิ์ เป็นผู้วางแผนการเมือง และ สุริยะ เป็นนายทุน เพราะเริ่มจากตัวเองก็มีโอกาสได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อเพราะพรรคเพื่อไทย หลังคาดว่าจะได้ ส.ส.ในระบบนี้ 20-30 คน และก่อนหน้านี้ สมศักดิ์ เป็นตัวตั้งตัวตีให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งแบบสองใบ แตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐเน้น ส.ส.เขต ขณะที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีโอกาสได้น้อย เพราะกระแสพรรคไม่ดีเหมือนปี 62
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์การเมืองของสามมิตรที่ให้แต่ละคนออกเรือนไปเติบโต อย่างเช่น นายอนุชา นาคาศัย รมว.ประจำสำนักนายกฯ และอดีต ส.ส.ชัยนาท นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.ประจำสำนักนายกฯ และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี ย้ายอยู่ รทสช. หรือบ้านใหญ่ราชบุรีของ กำนันตุ้ย-นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี สามีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พปชร. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พปชร. ที่ยังอยู่บ้านเดิมเพราะความจำเป็นบางอย่างก็ตาม
แต่เมื่อถึงเวลาทีเด็ดทีขาดหลังเลือกตั้ง หากผู้จัดตั้งรัฐบาลพรรคใดก็ตามต้องการจำนวนเสียงชี้เป็นชี้ตาย และจำนวนเสียงนั้นกำหนดได้ว่าใครจะเป็นรัฐบาล
เมื่อเงื่อนไขเข้าฝัก กลุ่มสามมิตรที่กระจายอยู่แต่ละพรรคก็สามารถพลิกขั้ว โดยไม่สนใจว่าจะถูกมองเป็นงูเห่า เพื่อดันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐบาลได้ ที่มาพร้อมกับอำนาจต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีที่สูงลิ่ว
ฉะนั้นหากจะนับมือของกลุ่มสามมิตร อย่านับเป็นพรรค แต่ต้องนับจำนวน ส.ส.ที่กระจายอยู่ในสภา ดังมันสมองของ "นายสมศักดิ์" กับสถิติเจ้าของรัฐมนตรี 14 สมัย และตัวเองไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แดน 5 ปลายทางชีวิต 'ผู้กำกับโจ้' หลายเงื่อนงำรอ 'ความจริงเปิดเผย'
การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ห้องในหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2568 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและความสงสัยอย่างมากในสังคม กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ ผู้กำกับโจ้ ดังนี้
‘ปชน.’ (ดื้อ) ไม่ถอดชื่อ ‘ทักษิณ’ ดึงเกมสภา ขอวันอภิปรายเพิ่ม?
จากข้อพิพาทการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือ ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ ภายหลัง ‘พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ใส่ชื่อ ‘นายใหญ่’ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะบิดา เพื่อซักฟอก ‘นายกฯ อิ๊งค์’ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นลูกสาว แต่เพียงผู้เดียว
“ไม่มีตัวปลอม”ในเวทีเจรจา เหตุใดไปไม่ถึงโจทย์ดับไฟใต้?
เหตุการณ์รุนแรงที่หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เสียชีวิต 2 ราย ยังไม่นับเหตุการณ์ในจุดอื่นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกหลายราย
ปธ.สภาฯดับเครื่องชนฝ่ายค้าน สัมพันธ์ลึก ทักษิณ-วันนอร์ กับดีลการเมือง"เจ้าสัว"คนดัง
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้สัมภาษณ์ 2 รอบย้ำชัดๆ ฝ่ายค้านต้องแก้ไขเนื้อหาใน ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
'ขัดแย้งไป-เคลียร์ไป'ลากรัฐบาล คดีกวนใจ'นายใหญ่'กับเกมยึดอาวุธลับ
“ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ และอาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมไปกับเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตาย”
รับฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ เกมยาว 'สีน้ำเงิน-สีแดง'
คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นคดีพิเศษแล้ว ท่ามกลางกระแสความกดดันระหว่าง สว.สายสีน้ำเงิน ที่มีการเปิดศึกถล่มกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอมักจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการเล่นงานฝั่งตรงข้ามรัฐบาลเสมอ