ยิ่งใกล้วันยุบสภามากขึ้นเท่าไหร่ จิกซอว์ เบื้องหลังทางการเมืองเริ่มเปิดเผยตัวออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะ กลุ่มอำนาจ ที่มองไม่เห็นจากค่ายสีน้ำเงินที่ถูกเปิดโปง จากข้อความในเฟซบุ๊กพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พุ่งตรงไปที่ใครบางคน-กลุ่มบางกลุ่ม ถึงขนาดที่ “ท่านใหม่” ม.จ.จุลเจิม ยุคล ต้องไปขอจับเข่าคุยกับพลเอกประวิตรเป็นการส่วนตัว
แม้ข้อความดังกล่าวจะมีนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐเรียบเรียงให้ แต่เจ้าตัวประทับตรารับรองเป็นจุดยืนความคิดของตัวเอง ไม่ได้ปฏิเสธหรือปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นแต่อย่างใด
ย้อนดูปรากฏการณ์ความขัดแย้งในขั้วสีน้ำเงิน ได้แก่ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ต้องยอมรับว่าดุเดือดพอสมควร
พลังประชารัฐที่พยายามชูเรื่อง ความปรองดอง-ลุงป้อมโซ่ข้อกลาง ภายใต้คำยืนยันว่าพี่น้อง 2 ป.ไม่แตกแยกถึงขนาดจับมือหลังเลือกตั้งไม่ได้ แต่ฝ่ายของพลเอกประยุทธ์ก็มองว่าเป็นสูตรที่เสี่ยงเกินไปในการให้พรรคเพื่อไทยที่เปิดดีลกับพรรคพลังประชารัฐกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ส่วนพรรคภูมิใจไทย จากกรณีที่ศาลตัดสินให้ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่คดีถือหุ้นในบริษัทฯ แม้จะมีการมองแง่บวกว่าเป็นเรื่องของหลักฐานและข้อกฎหมาย แต่ด้วยกลเกมการเมือง เนื่องจากเป็นพรรคที่มีแนวโน้มได้เก้าอี้ ส.ส.เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ จึงมีการมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนเรื่องการ สวิงขั้ว ตามสูตรเก่าหลังรัฐประหาร ที่มักใช้อภินิหารทางกฎหมายและองค์กรอิสระ “ตอกตรึง” เหล่าบรรดาบ้านใหญ่เดินเข้าคอก และไม่ให้หนีไปไหน
ผสมโรงเข้ากับปัญหาเรื่องการแบ่งเค้กโครงการรถไฟฟ้า ที่มีตัวละครอย่าง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์-สนธิ ลิ้มทองกุล” ออกมาแฉเรื่องเบื้องหลังของทุนที่ถือหางพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยเป็นตัวเร่ง
ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากสนิมเนื้อในที่เกิดจากปัญหาภายในพรรค การไม่ยอมรับในการบริหารจัดการของผู้บริหารยุค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ยังมีปัจจัยเอื้อของพรรครวมไทยสร้างชาติ จากการต่อท่อจากคนเก่าที่เก๋าเกมให้มาซบลุงตู่มากขึ้น
จึงไม่แปลกที่จะมีการวิเคราะห์ว่า กลุ่มคนในสายน้ำเงินเข้มต้องการให้ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์เพียงคนเดียวเท่านั้นเป็นนายกฯ ต่อไป ด้วยการชักใยร่วมคุมเกม และออกแบบการเมืองให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนั้นยังมีอาวุธลับอีกหลายดอกที่สามารถใช้ลดทอนความเข้มแข็งของ “คู่ต่อสู้” อย่างพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล โดยเฉพาะระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะทำให้กระบวนการสอบสวนการยุบพรรคเร็วขึ้น จากเดิมที่อาจจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่านี้ อาจเป็น 3 ปี 7 ปี ไม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลกับพรรคพลังประชารัฐในคดีทุนจีนสีเทาค้ำคออยู่ด้วย
ตอกย้ำการปูทางเพื่อให้พลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ ต่อให้ได้ เพราะผลโพลที่ออกมา ความนิยมในตัว “ลุงตู่” อาจไม่สามารถนำพาพรรครวมไทยสร้างชาติได้เก้าอี้ ส.ส.มากพอที่จะเป็นแต้มต่อในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นการทำให้คู่แข่งอ่อนแอ การแบ่งแยกและปกครอง เป็นสูตรสำเร็จที่ทหารใช้ในการทำสงครามในอดีต จึงถูกงัดมาใช้อีกครั้ง
ยังไม่นับระเบิดเวลาอีกหลายลูกที่ถูกวางไว้ ในกรณีที่ยังไม่มั่นใจว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะได้เปรียบจนได้แกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และพลเอกประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยหรือไม่
เบื้องต้นยังคงต้องเดินหน้าเตรียมความพร้อมต่างๆ ในกลไกข้าราชการและกลุ่มมวลชนที่เป็นฐานเสียงย่อมได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นการออกมติคณะรัฐมนตรีในการเยียวยา-ชดเชยกลุ่มต่างๆ ที่จะเห็นการแย่งชิงผลงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
การรวบรวมกลุ่มผลประโยชน์ทางสังคมเข้ามาให้เป็น คะแนนนับ ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ที่เห็น 1-2 สัปดาห์ ได้แก่ กลุ่ม อบต. กลุ่มชาวประมงปัตตานี กลุ่มศิลปินกลางคืน กลุ่มเกษตรกร ฯลฯ แต่การอนุมัติงบกลางและเห็นชอบในขั้นตอนก่อนเข้า ครม.นั้นล้วนแต่อยู่ในอำนาจของนายกฯ แทบทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์การย้ายเลขาธิการ ศอ.บต.ที่พลเอกประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า พลเอกสมเกียรติ ผลประยูร อดีตเลขาธิการ ศอ.บต.มีเรื่องร้องเรียน จึงมีการให้พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระในเดือนเมษายน แต่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองย่อมมองว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาผสม เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ดูภาพรวมมวลชน ประสานงานกับองค์กรใหญ่ๆ เช่น คณะกรรมการกลางอิสลามฯ คุมงบประมาณโครงการด้านการพัฒนา จึงไม่แปลกที่จะเว้นว่างให้รองเลขาฯ ซึ่งมองว่าเป็นคนสายตรงตึกบัญชาการฯ รักษาการแทนไปก่อน
ขณะที่ “โผทหาร” กลางปีไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ทุกอย่างนิ่งสนิท และพลเอกประยุทธ์เลือกจะไม่ขยับปรับทิศทางให้เกิดแรงกระเพื่อมในช่วงนี้ เช่นเดียวกับ “ตร.” ยังไม่แกว่ง เพราะตั๋วก่อนหน้ามีการแจกเก้าอี้ให้หมดแล้ว ขณะที่ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ยังนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. แม้จะมีข่าวก่อนหน้านี้ไม่แข็งแรงนัก
ขณะนี้ดูเหมือนว่าพลเอกประยุทธ์ ภายใต้การหนุนนำของกลุ่มสีน้ำเงินเข้มจะคุมสภาพได้เกือบหมด แต่ก็คงชะล่าใจไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครยอมเปิดหน้าให้ชกเพียงฝ่ายเดียว
เดือนมีนาคมนี้จึงต้องรอดูว่าสถานการณ์การเมืองไทยถึงขั้นร้อนระอุด้วยปมเงื่อนต่างๆ ที่เริ่มเปิดเผยออกมาให้เห็นเป็นระยะหรือไม่ โดยเฉพาะปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
แม้วันนี้ปมการตีความคำว่า “ราษฎร” จบไปแล้ว โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาชัดเจนว่าต้องยึดรวมผู้ไม่มีสัญชาติไทยหรือคนต่างด้าวมานับด้วย ทำให้เกิดการเพิ่มและลดจำนวน ส.ส.ในหลายจังหวัด แต่ยังคงมีการตั้งคำถามต่อไปว่า กกต.นำต่างด้าวมาคิดคำนวณตั้งแต่แรกเพื่อจุดประสงค์อะไร มีเจตนาการเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ นำไปสู่ข้อกังวลว่าหากมี อภินิหาร ให้มีการล้ม กกต.ชุดนี้ หรือมีการยื่นเรื่องนำไปสู่การถอดถอนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน นำไปสู่สุญญากาศทางการเมืองขึ้น จะทำอย่างไรต่อไป
ปมต่อไปคือ วันยุบสภา ที่มีการวิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค.นี้ เพื่อให้กลุ่ม ส.ส.ที่ซุ่มซ่อนอยู่เปิดเผยตัวว่าจะอยู่กับใคร หากในที่สุด ส.ส.ที่ไปดีลไว้ ไม่มาตามนัด ก็ย่อมเกิดอภินิหารที่สองตามมา อันสืบเนื่องจาก กกต.ที่ไม่พร้อมทำหน้าที่ จากผลพวงเรื่องการนับจำนวนราษฎร
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเห็นระเบิดเวลาที่ถูกวางไว้ ก็คงไม่มีใครกล้าขยับหรือสวิงขั้วไปไหน เพราะรู้ว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนจับขั้วไว้ก่อน
จึงไม่มีใครอยากให้เกิด อุบัติเหตุ หรือถูกจับแพ้ฟาวล์ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนาม และอยากเดินลงสู่สนามเลือกตั้งแบบแฟร์เกม แม้กระทั่งพลเอกประยุทธ์เองก็คงไม่อยากปิดฉากตัวเองโดยยังไม่มีตัวตายตัวแทน จึงพยายามเร่งลงพื้นที่ สร้างคะแนนนิยมทุกทาง และหวังให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามเป้า
ถึงขนาดต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระหว่างลงพื้นที่ปฏิบัติราชการที่วัดใหญ่ชัยมงคล ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเข้ากราบสักการะพระพุทธชินราช นมัสการเจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล และยังได้ไปสักการะพระเจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งหมดนั้นเป็นความเชื่อของเหล่า “ทหารเสือราชินี” ที่ทำกันเป็นประเพณีก่อนออกศึก
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีเดิมพันสูงในเรื่องของขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง บิ๊กตู่จึงแพ้สงครามครั้งนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเข็มนาฬิกาก็จะหมุนกลับไปสู่การเผชิญหน้า ข้ามไม่ผ่านความรุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นในอดีต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' ขอเคลียร์ปม 'พ.ร.บ.กาสิโน' หลังถก ครม.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ข้องใจ! เงินให้กู้ยืมคู่สมรส ร้อง ป.ป.ช. สอบ 'นายกฯอิ๊งค์'
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ลุยเปิดกาสิโนส่อสะดุด กฤษฎีกาโดดขวางเต็มสูบ
แนวคิดการทำให้ พนันออนไลน์ ขึ้นมาอยู่บนดิน ตามที่ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐบาลเพื่อไทยตัวจริงส่งสัญญาณมา หลายคนยังมองโมเดลนี้ไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร เพราะน่าจะติดล็อกข้อกฎหมายหลายอย่าง รวมถึงต้องเจอแรงต้านในส่วนของภาคประชาสังคม
ชีพจรลงเท้า นายกฯ ลุยบึงบอระเพ็ด เร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วมพรุ่งนี้
นายกฯเร่งแก้น้ำแล้ง น้ำท่วม บ่ายพรุ่งนี้ลงพื้นที่บึงบอระเพ็ด
เลื่อนประชุม ครม. เป็นวันพรุ่งนี้ นายกฯเชิญชวนร่วมงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’
เลื่อนประชุม ครม.เป็นวันพรุ่งนี้ นายกฯเชิญชวนประชาชนร่วมงานมงคลแห่งปี ในงาน “พระราชพิธีสมมงคล”
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล