เข้าสู่เดือนมีนาคม การนับถอยหลังเพื่อนำไปสู่การยุบสภาฯ เริ่มงวดเข้ามามากขึ้น หลังสภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุมไปแล้วเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้นับจากนี้เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังนายกรัฐมนตรีเตรียมยุบสภาฯ เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มตัว
โหมดการเมืองเดือนมีนาคมมีเรื่องหลักๆ ที่ต้องติดตามคือ
-การเตรียมประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขตทั่วประเทศ
ซึ่งข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งเคาะพิมพ์เขียวเสร็จหมดแล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือเพียงรอประกาศอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
จุดหลักที่ กกต.รอคือ ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องคดีที่ กกต.ขอให้ศาลวินิจฉัยกรณีนำบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยมารวมเป็นจำนวนราษฎร เพื่อคิดคำนวณที่นั่ง ส.ส.ของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ วันศุกร์ที่ 3 มีนาคมนี้
โดยหากศาลวินิจฉัยว่า กกต.ทำถูกต้อง ทุกอย่างก็ฉลุย กกต.อาจประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งภายในสุดสัปดาห์นี้ หรือช้าสุดไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า
แต่หากศาลชี้ว่า กกต.ทำไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ กกต.ที่มีแผนสำรองเตรียมไว้ ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการไปรีเซตการประกาศจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดใหม่ ที่มีผลแบบไป-กลับ “ลด-เพิ่ม” กับ 8 จังหวัดเท่านั้น ไม่ต้องรื้อใหม่หมด แต่อาจทำให้การประกาศแบ่งเขตขยับเวลาไปเล็กน้อย
-การลาออกจาก ส.ส. การย้ายพรรค การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรคล็อตสุดท้าย
โดยเฉพาะการลาออกจากพรรคหนึ่งไปเปิดตัวอีกพรรคหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ ส.ส.ประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ ที่จะย้ายมารวมไทยสร้างชาติ รวมถึงพวกที่รอการตัดสินใจรอบสุดท้ายว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ย้ายพรรคที่เหลืออีกไม่เยอะแล้ว
ระดับบิ๊กเนมที่หลายคนจับตาก็เช่น จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ก่อนหน้านี้ จุติยืนกรานไม่ย้ายพรรค แต่ข่าวยังลือกันว่า อาจจะย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ แต่อยู่ระหว่างรอสัญญาใจจากแกนนำประชาธิปัตย์ว่าหากไม่ย้ายพรรค จะอยู่โผปาร์ตี้ลิสต์ประชาธิปัตย์อันดับต้นๆ ที่มีโอกาสได้เข้าสภาหลังเลือกตั้ง
หรือกรณี สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำพลังประชารัฐที่ยังมีการพูดกันในพรรคเพื่อไทยอยู่ว่า สมศักดิ์อาจจะย้ายกลับมาเพื่อไทย แต่ล่าสุด สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อนเลิฟสมศักดิ์ ยืนยันว่าไม่จริง สมศักดิ์อยู่กับพลังประชารัฐต่อไป เป็นต้น
-การเคาะชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง
ที่ส่วนใหญ่ลงตัวหมดแล้ว เหลือที่ต้องจับตาก็คือ พรรคเพื่อไทย ที่ข่าวยังไม่นิ่งว่าสุดท้าย นายใหญ่เพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร จะเอาใครเป็นตัวจริง ชิงนายกฯ แม้กระแสแลนด์สไลด์ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะมาแรง
ที่น่าสนใจ เพื่อไทยเริ่มให้บทบาท เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเศรษฐาเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย เพื่อมาร่วมงานการเมืองกับพรรคเต็มตัว โดยคาดว่า เศรษฐาอาจจะลาออกจากบริษัทแสนสิริเร็วๆ นี้ เพื่อมาเล่นการเมืองเต็มตัวเพื่อช่วยเพื่อไทยเดินสายหาเสียงมากขึ้น หลังอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร เตรียมลดการเดินสายหาเสียงลง เพื่อเตรียมคลอดลูก แล้วใช้วิธีวิดีโอคอลไปยังเวทีปราศรัยต่างๆ ของเพื่อไทยแทน
ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวหลักๆ การเมืองที่ต้องติดตามหลังสภาฯ ปิด และเตรียมเลือกตั้ง
ส่วนการยุบสภาฯ จะเกิดขึ้นวันใด คาดว่าหลัง กกต.ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีจะเว้นช่วงให้แต่ละพรรคการเมืองมีเวลาไปทำไพรมารีโหวตส่งคนลงสมัคร ส.ส.ประมาณ 10-14 วัน จากนั้นเตรียมยุบสภาฯ
ยิ่งเมื่อล่าสุดการจัดทำ โผทหารกลางปี เสร็จเรียบร้อย หลังพลเอกประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม เปิดทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เรียกบิ๊กทหารทุกเหล่าทัพ ประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหมเพื่อเคาะโผทหารกลางปี ที่ต้องเร่งทำก่อนยุบสภาฯ เพราะหากเป็นรัฐบาลรักษาการจะทำไม่ได้
ข่าวว่าโผทหารกลางปีลงตัว การจัดทัพท็อปบูตรอบสุดท้ายของบิ๊กตู่เสร็จเรียบร้อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการขยับตำแหน่งให้นายพลที่จะเกษียณราชการให้ได้รับชั้นยศสูงขึ้น และมีการเปิดอัตราเฉพาะตัวรองรับตามที่เหล่าทัพเสนอมาตามความเหมาะสม
เป็นแบบนี้ทุกอย่างลงล็อก บิ๊กตู่ที่ถูกมองว่ามีความ มูเตลู เชื่อเรื่องโหราศาสตร์โชคลางไม่น้อย ก็ยุบสภาฯ ตามฤกษ์ผานาทีที่เป็นวันธงชัยของตัวเองและรัฐบาล
โดยพบว่าในเดือนมีนาคมมีวันธงชัย ที่ตามตำราโหราศาสตร์คือวันดี วันที่ใช้ทำอะไรแล้ว จะได้ชัยชนะ ที่พบว่าเดือนมีนาคมมีด้วยกัน 4 วัน แต่หากเลย 10 มีนาคมไปแล้ว จะเหลือ 2 วันคือ วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล กับวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล
ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ยืนกรานว่าไม่ยุบสภาฯ ในวันที่ 15 มีนาคม อย่างที่คาดการณ์ และจะไม่ยุบสภาฯ วันเกิดตัวเอง 21 มีนาคม ทำให้คนเลยคาดว่า หรือจะเป็น 22 มีนาคม เพราะพลเอกประยุทธ์ทำรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.2557 จนได้เป็นนายกฯ มา 8 ปีกว่า อีกทั้งพลเอกประยุทธ์แต่งงานกับ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เมื่อ 22 มิ.ย.2527
เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์คงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว กับการตัดสินใจยุบสภาฯ ปัจจัยต่างๆ ในการจัดการเลือกตั้งที่พร้อมที่สุด และเลือกวันที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อหวังลุ้นกลับมาเป็นนายกฯ รอบ 3 ทำแฮตทริกให้ระบือลือลั่น นายกฯ 3 สมัยซ้อน ส่วนจะทำได้หรือไม่ นาทีนี้ หลายคนบอก ชักไม่แน่ใจ!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2