
แม้จะไม่ได้เป็นพรรค ตัวเต็ง เหมือนกับบรรดาพรรคขนาดใหญ่ แต่ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ภายใต้การถือธงนำของ ลูกท็อป-นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค อยู่ในสายตาทางการเมืองมาโดยตลอด ในฐานะพรรค ตัวแปร
พรรคชาติไทยพัฒนารู้ดีว่าสนามเลือกตั้งครั้งนี้ยากขึ้นกว่าครั้งก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือกคน เลือกพรรค
สำหรับพรรคขนาดใหญ่ การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ อาจจะเป็นที่ปรารถนา แต่สำหรับพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กอย่าง ‘ชาติไทยพัฒนา’ แล้ว มันไม่ง่ายเลย
ต่อให้พวกเขาจะมีฐานเสียงอันแข็งแกร่งอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี หากแต่การจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อสัก 1 ที่นั่ง ต้องได้คะแนนพรรคอยู่ที่ราว 3.5 แสน ต่างจากระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ใช้ในปี 2562 ที่ได้เพียง 7.5 หมื่นคะแนน สามารถมีผู้แทนในสภาได้ 1 คนแล้ว
มันจึงเป็นเหตุให้ช่วงที่ผ่านมา พรรคชาติไทยพัฒนาทุ่มสรรพกำลังเสริมกำแพงเมืองสุพรรณบุรีป้องกันพรรคอื่นที่หมายปองเอาไว้ ตั้งแต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาออกมา
โดยจน ณ วันนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาตระเวนเปิดเวทีปราศรัยใน จ.สุพรรณบุรี ไปแล้วครบทุกอำเภอ เพื่อต้องการจะคว้า ส.ส.แบบแบ่งเขตให้ได้ยกจังหวัด เหมือนเมื่อตอนปี 2562 ในขณะเดียวกันยังเป็นการกระชับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้ไม่กระเด็นไปอยู่กับพรรคอื่น เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่กระจายไปอยู่ที่อื่นราว 1 แสนคะแนน
ซึ่งจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน จ.สุพรรณบุรีครั้งนี้ มีประมาณ 6 แสนกว่าคน ซึ่งหากสามารถเก็บคะแนนในส่วนของพรรคได้ทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด อย่างน้อยๆ จะการันตี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เกือบ 2 คน โดยไม่ต้องไปพึ่งจังหวัดอื่นๆ
เพียงแค่ จ.สุพรรณบุรี เพียงจังหวัดเดียว พรรคชาติไทยพัฒนาสามารถมี ส.ส.ได้เกือบถึง 10 คน ฉะนั้น มันจึงปล่อยให้กระเด็นกระดอนไปพรรคอื่นไม่ได้เลย
ยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้หลายพรรคจะรู้ว่า จ.สุพรรณบุรี ป้อมปราการสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยากจะทลายลง หรือเจาะไข่แดงได้ เพราะพวกเขาไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นเหมือนเมื่อปี 2554 อีกแล้ว แต่ยังมีหลายพรรคที่อยากจะลองของ เพราะเชื่อว่า ต่อให้แข็ง แต่คงไม่ขลังเหมือนเมื่อตอน นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ยังอยู่
มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค ที่หวังจะเข้ามาแบ่งคะแนน หรือแย่งคะแนนจากพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคแรกคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งร้านปัจจุบันของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ เสี่ยตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เข้ามาส่องซุมกำลังไว้สักพัก
โดยเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ‘เสี่ยตุ๋ย’ ได้พา ‘บิ๊กตู่’ และคณะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาติดตามเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนใน ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี โดยไม่มีการบอกกล่าว ส.ส.ในพื้นที่หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเลยแม้สักคนเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ยังอนุมัติมอบที่ดินทำกินให้ประชาชนในเขตดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยถูกมองว่า เป็นการทำเพื่อหาเสียงในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งแกนนำ และ ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนาเริ่มมีอาการที่ไม่พอใจ
ต่อจากนั้นไม่นาน นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกมาแฉว่า ‘เสี่ยตุ๋ย’ ได้ไปทาบทาม นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นน้องชายตนเอง มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 แข่งกับคนของพรรคชาติไทยพัฒนา
เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพราะส่งแข่ง แต่เป็นเพราะใช้วิธีการที่รู้สึกว่า อีกฝ่ายเสียมารยาท หนูนา-น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค จึงส่งสัญญาณโต้กลับไปถึงผู้มีอำนาจแบบดังๆ เพื่อให้ล่วงรู้
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ และยังคงเดินหน้าเพื่อท้าทายพรรคชาติไทยพัฒนาใน จ.สุพรรณบุรี อย่างต่อเนื่อง
นอกจากพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว อีกเขตเลือกตั้งหนึ่งที่ดูน่าเป็นห่วงที่สุดคือ เขตเลือกตั้งที่ 4 ของ ตระกูลเที่ยงธรรม
แม้ครั้งก่อน ตระกูลเที่ยงธรรม จะล้างแค้นได้แบบขาดรอยกับ นายสหรัฐ กุลศรี อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เคยเจาะไข่แดง จ.สุพรรณบุรีได้เมื่อปี 2554 สำเร็จ แต่ศึกไม่ได้มีเพียงด้านเดียว เมื่อมีข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมจะส่ง เสี่ยโอ๋-นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตดังกล่าว ชนกับ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.คนปัจจุบัน ลูกชาย นายจองชัย เที่ยงธรรม
นายยุทธนา คือหลานชายแท้ๆ ของ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เรื่องดังกล่าวเคยสร้างความบาดหมางใจให้กับ 2 ตระกูลมาแล้วเมื่อการเลือกตั้งครั้งก่อน จนนายจองชัยลาออกจากพรรคไปลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตชนกับนายประภัตรมาแล้ว ก่อนจะเคลียร์ใจกันได้ในเวลาต่อมา
ครั้งนี้นายยุทธนาอยู่เหนือการควบคุมของนายประภัตร ทำให้เขตเลือกตั้งที่ 4 ดุเดือดเพิ่มเป็น 2 เท่า ตระกูลเที่ยงธรรม และ ชาติไทยพัฒนา ต้องเจอศึก 2 ด้าน ด้านแรกคือ นายสหรัฐ จากพรรคเพื่อไทยที่มีคะแนนจากคนเสื้อแดง และอีกด้านคือ นายยุทธนา สายเลือดโพธสุธน
ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ มันจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงไม่มองสุพรรณบุรีเป็นของตาย แต่ตระเวนรักษาประหนึ่งเวรยามตรวจตรา 24 ชั่วโมง
เพราะถ้าที่นี่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็หวังพึ่งที่อื่นไม่ได้!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
'หนูนา' เปิดใจร่ายยาว ทำไม 'ท็อป' ปล่อยมือ 'ชทพ.' ไปอยู่ ภท.
'หนูนา' เปิดใจ 'ท็อป' ลา ชทพ. เหตุต้องหาพื้นที่อยู่บนถนนการเมืองต่อไปได้ รับรุ่นลูกไม่เก่งเท่าพ่อบรรหาร เลือก ภท. เพราะยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เผยรักษาการหัวหน้าพรรค แต่ไม่มีกิจกรรมการเมือง

