ยิ่งเป็นตัวช่วยให้ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีโอกาสเป็นนายกฯ รอบสามมากเท่านั้น
“การประกาศกลับมาของทักษิณจะเริ่มต้นปลุกวิกฤตขึ้นมา แล้วยังชุบชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังมึนอยู่ก็ฟื้นขึ้นมา เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด เมื่อทักษิณประกาศกลับบ้านโดยไม่ใช้กฎหมาย ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย ไม่สมยอมกับพลังประชารัฐ หรือยังพูดไม่ชัดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เท่ากับเปิดทางสว่างให้ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มสำแดงเลย ดังนั้นอย่าไปคิดว่าผมเป็นแนวร่วมมุมกลับของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะผมฟาดกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด แต่แนวร่วมมุมกลับตัวจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร” นายจตุพรกล่าวไว้
กระแส “บิ๊กตู่” ที่แทบจะไม่มีเหลือกลับกระเตื้องขึ้นมาทันที เพราะมองว่าทางเดียวที่จะสกัดกั้นการกลับบ้านของทักษิณได้คือต้องใช้ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น
นายทักษิณ ไม่รู้เลยว่ากำลังทำในสิ่งที่ผิดพลาด เพราะหากย้อนความกลับไปจะพบว่า สาเหตุที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ไม่ได้ ก็เพราะพยายามจะเอาพี่ชายกลับบ้าน
ด้วยการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย จนทำให้ม็อบ กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แทบหมดแรง จุดไม่ติด มีมวลชนเข้าร่วมเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านออกมาต่อต้าน
อีกทั้งยังทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ ดูจะมีความหวังขึ้นมาทันทีหลังถูกปรามาสได้ ส.ส.จำนวนน้อย แต่จะกลับมามีความพลังขึ้นหากใช้เรื่อง “นายใหญ่” กลับบ้านไปหาเสียงกับมวลชนที่ไม่เอาระบอบทักษิณ จนเกิดสงครามแบ่งเป็นสองขั้ว
แม้แต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีข่าวว่าดีลลับกับพรรคเพื่อไทยยังได้รับผลกระทบจากข่าวนี้ เพราะคะแนนของคนที่ไม่เอาระบอบทักษิณ แต่ยังเลือกพรรคพลังประชารัฐ อาจจะหันไปเทให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” แทน เนื่องจากการขายความเป็น “สายกลาง” ในสนามเลือกตั้งนั้นเกิดยากและมักไม่มีที่ยืน ดังนั้นต้องชัดกันไปข้างหนึ่งเลย
ขณะเดียวกัน ข่าวคราวการดีลระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ดูจะไม่เป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยที่ต้องการแลนด์สไลด์ด้วย เพราะแม้การรวมกันจะทำให้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่าภาพของ “บิ๊กป้อม” ถูกตีตราว่าเป็นฝ่ายเผด็จการที่ร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นเวลากว่า 8 ปี ภายใต้ระบอบ 3 ป. แม้ภายหลังจะเขียนจดหมายเปิดใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารก็ตาม
เพราะภาพของพี่น้อง 3 ป.ในมุมมองว่า มวลชนฝ่ายตรงข้ามคือเผด็จการ ต่อให้วันนี้ 2 ป. “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” จะอยู่คนละพรรคก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตัดกันไม่ขาด เพราะอยู่ร่วมกันมา 40-50 ปี
ปรากฏการณ์นี้ยังส่งให้มวลชนฝั่งนี้หลายคนหันไปเลือกพรรคก้าวไกล ที่อย่างน้อยยังชัดเจน ยังกล้าประกาศว่าไม่มีทางจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเด็ดขาด แตกต่างจากเพื่อไทยที่ถูกมองว่าประชาธิปไตยไม่สุดซอย หรือสู้ไปถอยไป
ยิ่งคะแนนไหลไปที่พรรคก้าวไกลเท่าไหร่ แผนการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยยิ่งทำยากขึ้นเท่านั้น เพราะฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีความใกล้เคียงกัน ไม่นับตัวหารอย่างพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ที่ระยะหลังเริ่มแรงขึ้นมาในพื้นที่ภาคอีสาน หัวเมืองใหญ่ รวมทั้งกรุงเทพฯ จะเข้ามาแบ่งแต้ม
ซึ่งทั้งหมดมันเป็นคะแนนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อยู่แค่ว่าจะไหลไปอยู่กับใครระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล หรือพรรคไทยสร้างไทย ไม่มีคนอื่นมาหารเลย ยิ่งตัดกันเองเท่าไหร่ อีกขั้วยิ่งยิ้มหวานเท่านั้น
ที่สำคัญหากเกิดกรณีที่พรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” ต้องเลือกระหว่างจับมือกับใครเพื่อตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยของนายห้างดูไบ กับพรรครวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” คำตอบคือฝ่ายหลังแน่นอน รวมทั้งยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวเลือกอีกด้วย และช่วยขวางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน
แม้ “บิ๊กป้อม” จะมีคอนเนกชันกับ “ทักษิณ” แต่อย่าลืมว่าสายสัมพันธ์กับ “บิ๊กตู่” มันแนบแน่นและน่าไว้วางใจมากกว่าคนแดนไกลที่พร้อมจะหักหลังได้ตลอดเวลา อย่างเช่น นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และคนเสื้อแดง
รวมทั้งนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ถูกหลอกไปฟังคำตัดสินของศาล หลังกระทั่งติดคุกอยู่ในเวลานี้ เป็นต้น ที่ถูกนายทักษิณต้มมากันหมดแล้ว
ล้วนเป็นสาเหตุที่เพื่อไทยจะไม่ได้แลนด์สไลด์ โอกาสเป็นรัฐบาลยังเหลือน้อย สอดคล้องกับข้อมูลจากฝ่ายข่าวความมั่นคงของรัฐบาลประเมินว่า เหตุผลที่เพื่อไทยจะไม่แลนด์สไลด์คือ 1.การแตกแยกระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อไทย
2.กระแสการเติบโตของก้าวไกลในกลุ่มคนรุ่นใหม่ 3.การออกมาแฉพฤติกรรมของทักษิณโดยนายจตุพรที่ทำให้เกิดกระแสต้านทักษิณ 4.กระแสดีลลับระหว่าง “ทักษิณ” กับ “บิ๊กป้อม” ที่จะทำให้เสียฐานมวลชนเสื้อแดง จนคนเสื้อแดงไหลไปอยู่ที่พรรคไทยสร้างไทย
5.การประกาศกลับประเทศของนายทักษิณจะทำให้เกิดการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ในกลุ่มอนุรักษนิยม กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์จะมีกระแสดีขึ้น เพราะเป็นคนคนเดียวที่นายทักษิณหวาดกลัว เหตุผลดังกล่าวจะทำให้เกิดการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ คนที่ไม่ชอบทักษิณ แต่เบื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะเดียวกันก็จะบั่นทอนพลังของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐไปเช่นกัน
ตอกย้ำโดย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเมินการเคลื่อนไหวของนายทักษิณว่า นายทักษิณคือตัวช่วยของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยจะบอกกับมวลชนว่าถ้าไม่เอานายทักษิณให้มาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากได้ข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะไปดีลกับนายทักษิณแล้ว พรรคการเมืองอื่นๆ ก็พร้อมร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ต่างจากพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน
ยิ่งการเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่ผูกมัดกับพรรคเพื่อไทย และการประกาศกลับบ้านของนายทักษิณที่บอกว่าจะไม่แก้กฎหมาย แต่จะให้อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร (บุตรสาว) เป็นผู้ประกาศว่าจะกลับบ้านอย่างไร จะทำให้เกิดการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ หรือ strategic voting กล่าวคือต้องเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและพรรคที่ไม่เอานายทักษิณ ซึ่งก็คือ “พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ”
“การเลือกเชิงยุทธศาสตร์จะเอาหรือไม่เอานายทักษิณ จะส่งผลให้แนวทางปรองดองของ พล.อ.ประวิตรเป็นจุดอ่อนไปในทันที ทั้งๆ ที่พรรคพลังประชารัฐมีซุ้มนักเลือกตั้งบ้านใหญ่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการออกมาแฉพฤติกรรมนายทักษิณของนายจตุพรจะทำให้เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ เพราะภาพของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยทับซ้อน มัดรวมกันอย่างแยกไม่ออก” นายปริญญาวิเคราะห์ไว้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจะไม่แลนด์สไลด์ โดยสาเหตุหลักเพราะการเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ถือเป็นตัวช่วย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นั่นเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุยเปิดกาสิโนส่อสะดุด กฤษฎีกาโดดขวางเต็มสูบ
แนวคิดการทำให้ พนันออนไลน์ ขึ้นมาอยู่บนดิน ตามที่ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐบาลเพื่อไทยตัวจริงส่งสัญญาณมา หลายคนยังมองโมเดลนี้ไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร เพราะน่าจะติดล็อกข้อกฎหมายหลายอย่าง รวมถึงต้องเจอแรงต้านในส่วนของภาคประชาสังคม
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล
เหลี่ยม"ทักษิณ"หาเสียงนายกอบจ. ก้ำกึ่ง สุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ทั้งสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพาดพิงคู่ปรับทางการเมืองอย่างดุเดือด
'คุมขังนอกเรือนจำ'ความหวังใหม่ ระบบยุติธรรมหรือประตูสู่ความลำเอียง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบยุติธรรม โดยในปี 2568 กรมราชทัณฑ์จะเริ่มใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ
‘แม้ว’ห้าว!ผ่านสนาม อบจ. ท่าทีมั่นใจ‘ความปลอดภัย’
ห้าวทุกเวที! 4 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.หาเสียง
ก้าวต่อไป ‘รทสช.’ ปี 2568 ติดสปีดผลงาน-โกยคะแนน
ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ