
ในช่วง 180 วันต่อจากนี้ถือว่าเป็นช่วงที่บรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองต่างอึดอัดพอสมควร เพราะว่าที่ผู้สมัคร และพรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด ซึ่งมีความเข้มงวดพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการห้ามบริจาคเงิน ให้ประโยชน์อื่นใด หรือมอบสิ่งของช่วยประชาชนผู้ประสบภัย ซึ่งไม่สามารถทำได้
ไม่ใช่ไปแจกแล้วมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่าย เพราะตามระเบียบวิธีหาเสียงจะห้ามเรื่องพวกนี้ไว้ เพราะจะถือเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หากกระทำในช่วง 180 วัน แต่เรื่องที่จะคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายได้คือการหาเสียง รถแห่หาเสียง ป้ายโฆษณาแบบนี้คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียง
มาดูความพร้อมของ กกต.ในการตั้งตุ๊กตาความเป็นไปได้ในการกำหนดตารางการเลือกตั้ง ได้แก่ กรณีสภาผู้แทนราษฎรอยู่ครบวาระ มีแผนจัดการเลือกตั้งเดือน มี.ค.2566 เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.66 ถือเป็นวันที่อายุของ ส.ส.สิ้นสุดลง, 30 มี.ค.66 วันสุดท้ายที่คาดว่าพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้, 31 มี.ค.66 กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง และประกาศกำหนดวันรับสมัคร เดือน เม.ย.2566 ระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย.66
วันที่ 11 เม.ย.66 วันสุดท้ายของการประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง/ที่เลือกตั้ง และวันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง, 14 เม.ย.66 ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ถัดไปวันที่ 16 เม.ย.66 เป็นวันสุดท้ายส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน และสรรหาแต่งตั้งคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง 26 เม.ย.66 วันสุดท้ายเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้ง/ที่เลือกตั้ง และวันสุดท้ายเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ 30 เม.ย.66 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง/นอกเขตเลือกตั้ง และแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ต่อมาเมื่อเข้าสู่เดือน พ.ค.2566 ระหว่างวันที่ 1-6 พ.ค.66 แจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ขณะเดียวกันวันที่ 1 พ.ค.66 เป็นวันสุดท้ายยื่นคำร้องเกี่ยวกับสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง, 3 พ.ค.66 วันสุดท้ายศาลฎีกาพิจารณาสิทธิ์สมัครกรณีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัคร 6 พ.ค.66 เป็นวันสุดท้ายที่ ผอ.เลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ยื่นคำร้องศาลฎีกา กรณีผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม 7 พ.ค.66 วันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ขณะที่ 8-14 พ.ค.66 แจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง (ม.33)
สำหรับกรณีหากมีการยุบสภา กกต.ยังได้ร่างแผนการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.กรณียุบสภา โดยมีรายละเอียดดังนี้ วันที่มี พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง ประกาศกำหนดวันรับสมัครภายใน 5 วันนับแต่วันยุบสภา, วันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 5-25 วัน นับแต่วันยุบสภา, วันสุดท้ายประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง/ที่เลือกตั้ง และวันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน, ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ภายใน 7 วัน นับแต่วันปิดรับสมัครวันสุดท้ายส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน และสรรหา/แต่งตั้ง คกก.ประจำหน่วยเลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20 วัน
วันสุดท้ายเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้ง/ที่เลือกตั้ง และวันสุดท้ายเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน, แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง, วันสุดท้ายยื่นคำร้องเกี่ยวกับสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ภายใน 7 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อ, วันสุดท้ายศาลฎีกาพิจารณาสิทธิ์สมัคร กรณี ผอ.การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัคร ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน, วันสุดท้าย ผอ.ประจำเขตเลือกตั้งยื่นคำร้องศาลฎีกากรณีผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ก่อนวันเลือกตั้ง, วันที่คาดว่าเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันยุบสภา, แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ส่วนการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งหน้า คือ บัตรเลือกตั้งเปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบ โดยใบแรกเป็น “บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต” และบัตรใบที่ 2 เป็น “บัตรเลือกพรรคการเมือง” ที่ตัวเองชอบ ซึ่งจะมีผลต่อคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค จากเดิมที่เลือกได้แค่ใบเดียว
อีกส่วนที่ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมือง การเปลี่ยนแปลง ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ จากปี 2562 ส.ส.แบบแบ่งเขตจะมีจำนวน 350 คน เป็น 400 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจากเดิม 150 คน ลดลงเหลือ 100 คน
ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็ก ขณะที่พรรคขนาดกลางถดถอย ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกับที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ 2540
ด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งในส่วนของ ส.ส.เขตนั้นจึงมีความสำคัญมากขึ้น พรรคใดก็ตามที่สามารถยึดกุมพื้นที่เขตเอาไว้ได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
แต่ที่แน่ๆ คนไทยมีแนวโน้มสูงที่จะได้หย่อนบัตรเลือกตั้ง หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
เพื่อไทยแปดริ้ว ดัน ‘โจ๊ะ’ พันธุ์พงศ์ ชิง สส.เขต 2
สนามเลือกตั้ง เพื่อไทยแปดริ้ว “เฮียเน้า” สมชัย อัศวชัยโสภณ ดันลูกชาย “โจ๊ะ” พันธุ์พงศ์ ชิงพื้นที่ เขต 2 จ.ฉะเชิงเทรา อ้อนคนในพื้นที่ขอชนะใจด้วยการทำงาน เชื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่ประมาทคู่แข่ง
พปชร.ดัน ‘ตรีนุช’ แคนดิเดตนายกฯอันดับ 1 หลัง ‘ลุงป้อม’ ถอนตัว
พปชร.ขยับตัวก่อนเลือกตั้ง ดัน “ตรีนุช เทียนทอง” ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯอันดับ 1 หลัง “พล.อ.ประวิตร” ขอถอนตัวเหตุสุขภาพ พร้อมวาง “ธีระชัย” อันดับ 2 เตรียมส่งผู้สมัคร สส.เขตกว่า 200 เขต ยืนยันหัวหน้าพรรคยังไม่วางมือ
‘แรมโบ้’ ผวา ‘ลุงป้อม’ วางมือ ลา พปชร. ซบโอกาสใหม่ทันที
"แรมโบ้" ผวาข่าว"ลุงป้อม" วางมือ ยื่นขอลาออกเช้านี้ ก่อนวิ่งซบ "โอกาสใหม่" ทันที ยอมรับกังวลกลัวถูกทิ้งกลางทาง หลัง"พล.อ.ประวิตร"ไม่เป็นแม่ทัพนำศึกเลือกตั้ง
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

