พันธมิตรการเมือง 2 ส. ลุ้นอีกเฮือก รวม-ไม่รวมพรรค

ความเคลื่อนไหว 2 พรรคการเมือง พรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทย คึกคัก ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ แกนนำทั้ง 2 พรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายโภคิน พลกุล พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นัดหารือทางการเมือง ร้านอาหารชื่อดังย่านสุขุมวิท 

สปอตไลต์การเมืองจับจ้อง ดีลลงตัว จับมือควบรวมพรรคกันแล้ว  

"ส่วนตัวและนายสมคิด เคยทำงานร่วมกันมาหลาย 10 ปี ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มา และเคยทำนโยบายที่สำคัญให้กับประเทศจนสำเร็จ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลูกหลาน คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้คือ การสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศไทยให้คนรุ่นต่อไป จึงมาหารือร่วมกันว่าจะร่วมงานการเมืองกันต่ออย่างไร ที่ไม่ใช่การแย่งชิงตำแหน่ง แย่งชิงอำนาจ โดยตกลงกันว่า จะพยายามแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง และร่วมมือเป็นพันธมิตร ยุติความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว 

ขณะที่ นายอุตตม ระบุว่า "ความท้าทายที่เกิดขึ้น จึงต้องมาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเพื่อทำให้บ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะมาแก้ได้ จึงต้องมา ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ"  

               จนถึงนาทีนี้ พรรคตระกูลสร้าง ภายใต้การนำ 2 ส. ระหว่าง ส.สุดารัตน์ กับ ส.สมคิด ขีดเส้นใต้เพียงแค่คำว่า พันธมิตรทางการเมือง ต่างฝ่ายต่างสงวนท่าที พูดให้ชัด ในอนาคตจะมีการควบรวมพรรคหรือไม่ เส้นทางการเมืองทั้ง 2 พรรค จะมาบรรจบเป็นเส้นทางเดียวกันในทางการเมืองได้หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามลุ้นกันต่อ 

1.ปิดดีลลงตัว จับมือควบรวมพรรค 

2.ปิดดีลไม่ลงตัว แยกย้ายกันไปทำงานในสนามเลือกตั้ง แต่ยังเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ดีต่อกัน          

แม้การควบรวมพรรคไม่ยาก ทว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไป ไม่ได้มีเพียงขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะในการอธิบายอิมเมจใหม่ ต่อสังคม-มวลชน การกำหนดเป้าหมาย วางยุทธศาสตร์พรรคใหม่ การวางตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์หนึ่ง คนที่สังคมจับจ้อง จะชูแคนดิเดต ‘เพียงหนึ่งเดียว’ หรือ ‘ส่งครบ 3 คน’   

ทิศทางทางนโยบาย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะต้องมาเกลี่ย ตกลงกันใหม่ เขตที่ว่าที่ผู้สมัครแต่ละพรรคต่างลงพื้นที่ทำงาน แนะนำตัวไปแล้ว ด้วยระยะเวลาที่เหลือ จะสร้างความงุนงง สับสน ไปอธิบายกับชาวบ้านหรือไม่ ปาร์ตี้ลิสต์ยิ่งต้องเน้น เขตก็ละเลยไม่ได้ หากมุ่งหวังตั้งเป้ากวาดให้ได้อย่างน้อย 25 ส.ส. ถึงจะมีสิทธิ์เสนอแคนดิเดตนายกฯ ชิงชัยในสภา  

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการควบรวมพรรค ต้องสะสาง ทำความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ป้องกันความสับสน ปิดช่องไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี   

พรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทย แกนนำ สมาชิกพรรคทั้งสองฝ่าย กองเชียร์ กองหนุน ต่างมีมุมมอง ความคิด มีทั้งเห็นด้วย อยากให้เดินหน้าควบรวมให้แล้วเสร็จเร็ววัน กับอีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อฐานเสียง ยุทธศาสตร์หาเสียง ถึงขั้นสมาชิกพรรคบางคนตั้งประเด็นอย่างดุเดือดในกรุ๊ปไลน์ ร้อนถึง ผู้บริหารพรรคต้องลงมาเคลียร์สถานการณ์ "ตอนนี้ยังไม่มีการรวมพรรค"   

แม้โดยเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ กฎกติกาใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า บัตร 2 ใบ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีแนวโน้มค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยน่าจะ 3.5 แสนแต้ม ได้ ส.ส.หนึ่งคน ซึ่งมองตามเหลี่ยมมุมไหน ไม่เป็นใจให้กับพรรคขนาดเล็ก พรรคการเมืองน้องใหม่สักเท่าไหร่ เป็นตัวเร่งเร้าให้พรรคขนาดเล็กทั้งหลายต้องเร่งรวมกำลังสู้ศึกเลือกตั้ง  

 พรรคชาติพัฒนากับพรรคกล้า กลายเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคพลังธรรมใหม่ ของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ก็เร่งเดินสายเจรจากับพรรคขนาดเล็กหลายพรรคด้วยกัน รวมกันเป็นหนึ่ง, พรรคพลังท้องถิ่นไทย ของ เสี่ยชัช-ชัชวาลล์ คงอุดม ไปๆ มาๆ เสี่ยชัช ก็ปล่อยพรรคไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว 

พรรคชาติไทยก็มีกระแสข่าวเตรียมผนึกพันธมิตร พรรคการเมืองอื่น เสริมความแข็งแกร่งสู้ศึกเลือกตั้ง   

จะเห็นได้ว่าพรรคการเมืองน้องใหม่ พรรคอยู่ในสนามเลือกตั้งขนาดเล็กค่อนไปกลาง ต่างต้องเร่งหาพันธมิตรผนึกความร่วมมือสู้ศึกเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่แทบทั้งสิ้น   

ไม่ว่าการควบรวมพรรคจะมีมาจากหลายสาเหตุ ทำให้ต้อง จับมือร่วมกันทำงาน การเลือกตั้งในปี 2566 ดุเดือด ต้องระดมสรรพกำลัง ทั้งกระแส กระสุน นโยบาย ต่อกรกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมกว่า 

ถึงแม้ สร้างอนาคตไทย-สมคิด ชูภาพลักษณ์ นักบริหารมีมือทำงานด้านเศรษฐกิจหวังเข้ามากอบกู้ แก้ไข เศรษฐกิจ ไม่สู้ดีนัก ให้กลับมาดีดังเดิม ไทยสร้างไทย-สุดารัตน์ ภาพลักษณ์ กระแสนิยม ผู้คนรู้จัก ว่าที่ผู้สมัคร แกนนำพรรค ในการลงไปคลุกคลี สัมผัสมวลชน และมีนโยบายที่เดินหน้าไปไกล จับต้องได้มากกว่า   

ต่างฝ่ายต่างมีจุดแข็ง ยังไม่นับรวมปัจจัยแบ็กอัปคอยสนับสนุน แม้การออกมาแถลงข่าวแสดงความชัดเจนในครั้งนี้ยังเป็นเพียงแค่พันธมิตรทางการเมือง และยังมีเสียงคัดค้านจากคนทั้ง 2 พรรค ไม่อยากให้รวมพรรค ทว่า คนเสียงดังในพรรค มองอีกมุม คิดคนละแบบ มองว่าควบรวมแล้วเกิดผลดีมากกว่า  

ไม่ว่าดีลควบรวม 2 ส. พรรคตระกูลสร้าง จะจบลงเอยอย่างไร เมื่อดูจากปฏิทิน มีเวลาคิดทบทวน วิเคราะห์แง่มุมต่างๆ ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 และปักหมุดให้ชัด เงื่อนเวลาบีบรัดเข้ามา ไม่ว่าจะควบรวม-ไม่ควบรวมพรรค ยังต้องเดินต่อไปในเส้นทางการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง ที่นับวันก็เหลือเวลาไม่นานนัก.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อิ๊งค์’สะกดอารมณ์ฝ่าซักฟอก2วัน รอลุ้นคะแนนโหวต-งูเห่าสมทบ!

ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ใช้เวลา 2 วัน 24-25 มีนาคม ก่อนลงมติวันนี้ 26 มีนาคม 2568 ซึ่งลีลาของ “นายกฯ อิ๊งค์” ในการแจงข้อซักฟอกถือว่าสามารถสะกดอารมณ์ได้ดี ไม่ปล่อยหมัดเด็ดตรงๆ ใส่ฝ่ายค้าน แต่ใช้ความนิ่งตอบเจ็บๆ ในบางช่วงเช่นกัน

‘ฝ่ายค้าน’ซักฟอก‘นายกฯอิ๊งค์’ ขยายแผล ปูทาง ยื่น 'ป.ป.ช.'

เปิดฉากกันไปแล้ว ศึกซักฟอก อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้คอนเซปต์ ‘ดีลแลกประเทศ’ วันแรก ไฮไลต์สำคัญ ช่วงเช้าหนีไม่พ้นการเปิดหัวของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และการลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ระเบิดศึกซักฟอก ดีลแลกประเทศ ขยี้"นายกฯอิ๊งค์"ขย้ำ"ทักษิณ"

หลังการเมืองไทยว่างเว้นจากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจมาร่วม 2 ปีเศษ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค.2565 ตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาวันนี้สิ้นสุดการรอคอยกับศึกซักฟอก-เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ซักฟอก ‘ดีลแลกประเทศ’ ฟ้องสังคม ‘ชินวัตร’ ได้อะไร

จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม ตั้งแต่เช้าจนถึงตี 5 และลงมติในวันที่ 26 หรือ 27 มีนาคมนี้ ภายใต้ธีม

'คุณหญิงหน่อย' ยกมาตรฐานรัฐบาลบรรหาร-บิ๊กจิ๋ว จี้ 'แพทองธาร' นั่งฟังซักฟอกจนจบ

คุณหญิงสุดารัตน์-หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้นายกฯ แพทองธาร อยู่ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอดกระบวนการ ยกมาตรฐานจากยุครัฐบาลบรรหาร-บิ๊กจิ๋ว ที่นายกฯ ตอบคำถามสภาด้วยตัวเองจนถึงตี 3 พร้อมจี้ ป.ป.ช. สอบ สส. งูเห่า ละเมิดมติพรรค

สแกนข้อมูล‘ฝ่ายแค้น’ แตกหักหรือแบล็กเมล

นอกจากบทบาทของพรรคประชาชน (ปชน.) ในการซักฟอกระหว่างวันที่ 23-24 มี.ค. ต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ธีม “ดีลแลกประเทศ” ว่า สุดท้ายจะทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีหรือไม่