ฉาวท้ายปี จับอธิบดีกรมอุทยานฯ สะท้อนภาพสินบน-ซื้อขายเก้าอี้

หลังจากนี้ คาดว่าคงมีการ กวาดบ้านครั้งใหญ่ ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในยุคที่มี วราวุธ ศิลปอาชา เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ

 หลังเกิดเหตุ อื้อฉาวครั้งใหญ่ ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และในวงการราชการเมืองไทย เมื่อหน่วยงาน ภาครัฐทั้งตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)-สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) ร่วมกันบูรณาการวางแผน จับกุม รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เมื่อวันอังคารที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาห้องทำงานอธิบดี ด้วยความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ โดยระหว่างการแถลงข่าวผลการจับกุม ได้มีการแสดงหลักฐานเงินสดร่วมห้าล้านบาท

คดีดังกล่าวถือเป็นการจับกุม บิ๊กข้าราชการ ทำทุจริตที่อื้อฉาวที่สุดของปี 2565 เลยก็ว่าได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวน แถลงข่าวรูปคดีอย่างเป็นทางการว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 ได้มีผู้ร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ให้ช่วยดําเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายรัชฎา ข้าราชการระดับสูง ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เนื่องจากมีพฤติกรรมเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยเป็นการเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วย เพื่อเป็นการวิ่งเต้นให้รักษาตําแหน่งหัวหน้าหน่วยไว้ให้ หากหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วยไม่นําเงินมาวิ่งเต้นตําแหน่งกับนายรัชฎา ภายหลังจะถูกโยกย้ายออกจากตําแหน่ง

พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า การวิ่งเต้นรักษาตําแหน่งนั้น หัวหน้าหน่วยจะต้องนําเงินมามอบให้ที่สํานักงานรายละประมาณ 500,000-1,000,000 บาท อีกทั้งยังต้องนําเงินสดมามอบให้เป็นรายเดือนอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ข้าราชการระดับสูงรายดังกล่าวมีพฤติกรรมในการเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในภาคสนามอีกด้วย โดยจะคิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดําเนินงานและค่าใช้สอย, หน่วยป้องกันไฟป่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดําเนินงานและค่าใช้สอย

ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ย้ำว่า จากพฤติกรรมของทางนายรัชฎา ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงที่มีการเรียกรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งถือเป็นการกระทําผิดต่อตําแหน่ง ทางตำรวจ บก.ปปป.จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช.ดําเนินการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีกับนายรัชฎา จนนำมาสู่การนํากําลังเข้าตรวจสอบที่กรมอุทยานแห่งชาติ โดยพบตัวนายรัชฎาอยู่ภายในสํานักงานดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นพบว่ากําลังมีการรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่ที่จะต้องนําเงินมามอบให้ เจ้าหน้าที่จึงทําการจับกุมและตรวจยึดของกลางเงินสดมูลค่าประมาณ 4.9 ล้านบาท พร้อมกับซองบรรจุเงินที่มีการจ่าหน้าซองจากหน่วยงานในแต่ละสังกัดอีกจํานวนหลายซอง และเอกสารอีกจํานวนหลายฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดําเนินการเรียกรับเงินของนายรัชฎา นําส่งพนักงานสอบสวนดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความจริงของระบบราชการไทยในเรื่อง การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ที่มีข้อครหาและเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าเป็นเรื่องจริง

 ยิ่งตำแหน่งที่วิ่งเต้นซื้อขายเป็นตำแหน่งใหญ่ ผลประโยชน์สูง เป็นการไปทำหน้าที่ใน พื้นที่เกรดเอ เงินที่ใช้ในการวิ่งเต้นยิ่งสูงตามไปด้วย

ที่ผ่านมาจะพบว่าหน่วยงานหลักๆ ที่มักมีข้อครหา มีข่าวทำนองนี้ หลักๆ เลยก็เช่น วงการตำรวจ-สีกากี ที่มีข้อครหามาตลอดว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในทุกระดับ ตั้งแต่ชั้นประทวนจนถึงระดับนายพล

ยิ่งตำแหน่งที่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง เป็นตำแหน่งสูง หรือเป็นการวิ่งเต้นเพื่อขอไปอยู่ในพื้นที่ดีๆ ในกองบัญชาการที่มีผลประโยชน์เยอะ ค่าวิ่งเต้นโยกย้าย-เลื่อนขั้น ก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ตามลักษณะการแบ่งเกรดกองบัญชาการ-สถานีตำรวจ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยถึงกับมีการจับได้คาหนังคาเขา ที่เป็นคดีใหญ่ปรากฏให้เห็นมากนัก

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายหน่วยงาน ที่ถูกจับตามองทุกครั้งเวลาเข้าสู่ช่วง ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้าย ว่ามีเรื่องของการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ แต่พอมีเสียงวิจารณ์ทำนองมีการซื้อขายตำแหน่ง ก็มักมีเสียงสำทับกลับมาว่า ไม่ได้มีการซื้อขายตำแหน่ง แต่เป็นเรื่องของ ระบบอุปถัมภ์ เช่น การแนะนำ ฝากฝังกันมา เรื่องของเส้นสาย ที่ของแบบนี้ไม่ต้องใช้เงิน แต่ขอให้ช่วยดูแลกันยามที่ร้องขอ จนสุดท้าย มาเกิดกับกรณีคดีจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่กลายเป็นคดีอื้อฉาวส่งท้ายปี 2565 ที่ย้ำให้เห็นชัดว่า การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในวงราชการไทยเป็นเรื่องจริง

รูปคดีต่อจากนี้ก็ต้องดูกันว่า ทางตำรวจ-ป.ป.ช.-ป.ป.ท. จะมีการขยายผลต่อไปอย่างไร เช่น จะมีการเอาผิดคนที่นำเงินไปให้ เพื่อแลกกับการซื้อขายตำแหน่งด้วยหรือไม่ หรือจะกันไว้เป็นพยานในชั้นศาล ขณะเดียวกัน อีกทางหนึ่งก็ต้องให้โอกาส นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในการสู้คดีเพื่อพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน ว่าจะสามารถแก้ตัวขึ้นได้หรือไม่ และมีพยานหลักฐานใดๆ มาหักล้างสู้คดี จนทำให้พ้นข้อกล่าวหาหรือไม่

เบื้องต้น วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ให้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน แต่ว่าตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง นโยบายที่ย้ำกับผู้บริหารกระทรวงเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่ง ขอให้ดำเนินการโดยสุจริต แต่พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา จึงได้ให้ปลัดกระทรวงย้ำกับข้าราชการอีกครั้งเรื่องความโปร่งใส และไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่ง

หลังเกิดคดีดังกล่าวขึ้น หลายฝ่ายได้แต่หวังว่า “ปฏิบัติการกวาดบ้านตัวเอง เพื่อสร้างธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในองค์กร เพื่อไม่ให้มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง” คงไม่เกิดขึ้นกับแค่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เท่านั้น แต่ทุกหน่วยงานภาครัฐต้องกวาดบ้าน สร้างกฎเหล็กชำระล้างเรื่องนี้

 เพราะเมื่อมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง หากมีการใช้เงินในการซื้อตำแหน่งมาก คนที่ซื้อตำแหน่ง ก็ต้องมีการเข้าไปถอนทุนคืน โดยเอาตำแหน่งที่ซื้อมา ไปทุจริต-หาผลประโยชน์เพื่อถอนทุนคืนและทุจริตเพื่อสะสมทุนไว้ใช้ในการซื้อขายตำแหน่งรอบต่อไป วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ของระบบราชการไทยที่เป็นแบบนี้มาหลายยุคหลายสมัย!!! .

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง

จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567

ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!

แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่