เก้าอี้นายกฯ-แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฝันที่เป็นไปได้'อนุทิน-ภูมิใจไทย'

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวตกอยู่ในความสนใจของแวดวงการเมืองมากที่สุดคงไม่พ้น

พรรคภูมิใจไทย

ที่ได้นัดหมายให้ ส.ส.ที่ต้องการย้ายพรรคมาอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต้องมาเปิดตัว-สมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในโอกาสที่ภูมิใจไทยจะเปิดใช้ตึกที่ทำการพรรคหลังปรับปรุงใหม่อย่างเป็นทางการ เลยจะใช้อีเวนต์การเมืองครั้งนี้เปิดตัวคนที่จะย้ายพรรคมาภูมิใจไทย

แม้ในความเป็นจริงหลายคนก็มาอยู่กับภูมิใจไทยนานเป็นปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งตัดสินใจย้ายมา เช่น อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล อย่าง เอกภพ เพียรพิเศษ และพีรเดช คําสมุทร สองอดีต ส.ส.เชียงราย-เกษมสันต์ มีทิพย์ และคารม พลพรกลาง สองอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก้าวไกล ที่มาอยู่กับภูมิใจไทยร่วมสามปีเข้าไปแล้ว ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบพรรค แต่หลายคนที่มาเปิดตัวเมื่อ 16 ธ.ค. ก็เห็นชัดบางคนเพิ่งตัดสินใจในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังเห็นว่าหากยังอยู่กับพรรคเดิมคงสู้คู่แข่งลำบากในพื้นที่เลือกตั้ง มีโอกาสสอบตกสูง

ผนวกกับคงมองว่าพรรคเดิมที่สังกัด แนวโน้มหลังเลือกตั้งอาจไม่ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นพรรคที่อยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่นิ่ง อยู่ไปก็คงไม่เติบโตไปกว่านี้ สู้มาภูมิใจไทยดีกว่า ผนวกกับภูมิใจไทย คนที่มาติดต่อทำดีลให้ย้ายพรรค มีข้อเสนอที่ปฏิเสธได้ยาก โดยเฉพาะเรื่อง

ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง-กระสุนดินดำ ที่มากกว่าพรรคที่อยู่เดิม รวมถึง สัญญาใจ หลังเลือกตั้ง เช่น การให้คำมั่นว่าหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล แล้วคนที่ย้ายพรรคมาทำผลงานเข้าเป้า เช่นทำผลงานในพื้นที่ชนะเลือกตั้งยกจังหวัด หรือนำทีมของตัวเองชนะเลือกตั้งได้มาเกือบยกจังหวัด ก็จะได้ถูกดันให้เป็น รัฐมนตรี-เสนาบดี

เรียกได้ว่าเงื่อนไขที่ภูมิใจไทยให้มา มันปฏิเสธไม่ลงจริงๆ

ผนวกกับภูมิใจไทย ที่ผ่านมาเล่นการเมืองแบบไม่สุดขั้ว ไม่มีศัตรูการเมืองที่แน่ชัด เป็นพรรคเซฟโซนการเมืองที่เข้าได้กับทุกฝ่าย แม้แต่กับทักษิณ ชินวัตร

ยิ่งสถานะการเมืองปัจจุบัน ภูมิใจไทยเป็นพรรครัฐบาล กุมอำนาจ-กลไกรัฐ ที่จะไปถึงช่วงเลือกตั้งด้วย แม้ถึงตอนนั้นจะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่การที่มีคนของภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรีอยู่ในกระทรวงต่างๆ ทั้งสาธารณสุข-คมนาคม-มหาดไทย-เกษตรและสหกรณ์-ท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้มีแต้มต่อ ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นตอนเลือกตั้งระดับหนึ่ง

อีกทั้งแกนนำภูมิใจไทยที่อยู่ทั้งหน้าฉากและหลังฉาก ก็มีลูกเก๋าทางการเมือง มีประสบการณ์การเลือกตั้งมาเพียบ และมีคอนเน็กชันมากมายในวงการธุรกิจและวงการแผงอำนาจทั้งในทหาร-ตำรวจ-กระทรวงมหาดไทย ที่สามารถต่อยอดทางการเมืองให้กับคนของพรรคได้ ผสมกับบุคลิกใจถึงพึ่งได้ของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และเนวิน ชิดชอบ แกนนำภูมิใจไทยตัวจริง มันก็ต้องตาต้องใจนักเลือกตั้งทั้งหลายที่ต้องการอยู่ใต้ร่มเงาคนแบบนี้

ทั้งหมดคือเงื่อนไข ปัจจัย ที่ทำให้ “นักเลือกตั้ง” ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ต่างสนใจและตอบรับเข้าไปทำงานการเมืองที่พรรคภูมิใจไทย

ซึ่งจริงๆ ข่าวว่าหลายคนในเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้ย้ายพรรคมาที่ภูมิใจไทย ทว่าก็อยากมาภูมิใจไทยด้วย แต่ติดขัดหลายเรื่อง เช่นบางคนเป็นรัฐมนตรีและแกนนำพรรคตอนนี้ เลยไม่อยากทิ้งพรรคไป แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแกนนำภูมิใจไทย เช่น สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข-รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำงานร่วมกับอนุทินในกระทรวงสาธารณสุข แบบเข้าขากันอย่างดีมากว่าสามปี แม้อยากจะไปอยู่ที่ภูมิใจไทย แต่ด้วยความที่เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นรัฐมนตรี เรียกได้ว่าใหญ่อยู่แล้วในประชาธิปัตย์ ผนวกกับมีความเกรงใจคนในประชาธิปัตย์ ไม่อยากทิ้งพรรคไปในช่วงที่ ประชาธิปัตย์เลือดไหลออก ต่อเนื่อง เลยทำให้สาธิตต้องปฏิเสธลูกจีบของอนุทิน ขออยู่ประชาธิปัตย์ต่อไป

ส่วนอดีต ส.ส.พลังประชารัฐ หลายคนที่ย้ายมาภูมิใจไทย ก็พบว่าบางคนเดิมทีก็จะไปอยู่ที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หลังประเมินสถานการณ์โดยรวมแล้ว เมื่อเห็นว่ารวมไทยสร้างชาติยังแกว่งๆ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เช่น ความไม่ชัดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่แม้สัญญาณการเมืองหลายอย่างบ่งชี้ว่าไปที่รวมไทยสร้างชาติ แต่อาจเปิดตัวช่วงใกล้ๆ เลือกตั้ง ขณะที่ข่าวบางกระแสก็บอกว่า พลเอกประยุทธ์เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ารวมไทยสร้างชาติจะเติบโตได้ โดยเฉพาะอาจไม่ได้ ส.ส.ถึง 25 ที่นั่งด้วยซ้ำ ทำให้เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ชิงแคนดิเดตนายกฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภาไม่ได้

จนมีข่าวลือช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์กำลังชั่งใจ จะเอายังไงกับรวมไทยสร้างชาติ ถึงขั้นลือกันว่าพลเอกประยุทธ์อาจไม่ไปรวมไทยสร้างชาติแล้ว แต่สุดท้ายการที่พลเอกประยุทธ์สลับเก้าอี้กันระหว่าง ดิสทัต โหตระกิตย์ กับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ด้วยการให้พีระพันธุ์ จากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้วโยกดิสทัต จากเลขาธิการนายกฯ มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ มันก็น่าจะชัดในระดับหนึ่งว่า สุดท้ายพลเอกประยุทธ์ยังไงคงไปรวมไทยสร้างชาติแน่ เลยดันให้พีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีตำแหน่งการเมืองที่มีบทบาทมากขึ้น กับเก้าอี้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ ที่เคยมีข่าวว่าจะไปรวมไทยสร้างชาติ แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจไปภูมิใจไทย คงเพราะหลายคนเห็นเหมือนกับที่แวดวงการเมืองเห็นคือ หากดูจากสเกลการเมืองแล้ว ยังไงภูมิใจไทยก็ใหญ่และมั่นคง รวมถึงจ่ายหนักกว่ารวมไทยสร้างชาติแน่นอน มันก็เลยทำให้อดีต ส.ส.พลังประชารัฐตัดสินใจเข้าภูมิใจไทยมากกว่าจะไปที่รวมไทยสร้างชาติ ทั้งที่ข่าวว่าบางคนเคยไปคุยกับแกนนำรวมไทยสร้างชาติมาแล้วด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็เทกันเห็นๆ

โดยกลุ่มการเมืองอดีตพลังประชารัฐ ที่มีลักษณะการตัดสินใจดังกล่าว ที่เห็นชัดๆ ก็มีเช่น กลุ่มอดีต ส.ส.เพชรบุรี คือ กฤษณ์ แก้วอยู่-สุชาติ อุสาหะ หรือ กลุ่มกาญจนบุรี ที่ย้ายมาภูมิใจไทยแบบแท็กทีม คือ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์-ธรรมวิชญ์และอัฏฐพล โพธิพิพิธ สองอดีต ส.ส.กาญจนบุรี ลูกชายกำนันเซี้ย ประชา โพธิพิพิธ

ข่าวว่าเดิมที กลุ่มเพชรบุรี-กาญจนบุรีเคยอยู่ในกลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็น ส.ส.ในกลุ่มที่ตัวเองดูแลและจะพาออกจากพลังประชารัฐไปที่รวมไทยสร้างชาติ หลังสุชาติประกาศจะอยู่กับลุงตู่ ลุงตู่ไปไหนผมไปด้วย แต่สุดท้ายถึงเวลาต้องตัดสินใจจริงๆ กลุ่มการเมืองข้างต้นมองแล้วว่าไปรวมไทยสร้างชาติมีความเสี่ยงสูง ส่วนอยู่พลังประชารัฐต่อไปก็อาจไม่โตไปมากกว่านี้ ยิ่งการไม่มีพลเอกประยุทธ์อยู่ด้วย ยิ่งทำให้หาเสียงในพื้นที่ไม่ง่ายเหมือนปี 2562 สู้ไปอยู่กับภูมิใจไทยที่ให้เงื่อนไขดีกว่า ก็เลยทำให้หลายคนที่เคยมีข่าวจะไปรวมไทยสร้างชาติ สุดท้ายเลยเลี้ยวรถเข้าภูมิใจไทยอย่างที่เห็น

องค์ประกอบการเมืองทั้งหมด โดยเฉพาะหากวัดจาก ขุมกำลัง ที่อนุทิน-เนวิน-ภูมิใจไทย มีอยู่ตอนนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งมาเป็นอันดับสอง รองจากพรรคเพื่อไทย เพียงแต่อันดับสองดังกล่าว หากอนุทินต้องการให้ตัวเองมีลุ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง ก็ต้องทำให้พรรคได้ ส.ส.อย่างน้อยระดับเฉียดๆ 100 ที่นั่ง แต่จะถึงขั้นไปถึง 120 ที่นั่งอย่างที่เนวินเคยประกาศไว้กลางงานวันเกิดของตัวเองที่บุรีรัมย์หรือไม่ หลายคนประเมินว่าน่าจะยังยากอยู่ เพราะลำพังให้เฉียดร้อยก็หนักแล้ว

โดยหากภูมิใจไทยทำได้ตามเป้าคือประมาณสัก 80-95 ที่นั่ง แล้วพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบัคือ พลังประชารัฐ -ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา รวมถึงพรรคตั้งใหม่ดีลกันได้ อย่างรวมไทยสร้างชาติ-ไทยสร้างไทย หรือพรรคชาติพัฒนากล้า ของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่กำลังเจรจาควบรวมกับกลุ่ม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จากไทยสร้างไทย

ถ้าพรรคการเมืองปีกดังกล่าวข้างต้นรวมเสียงกันแล้วหลังเลือกตั้งเกิน 250 เสียง โดยที่ภูมิใจไทยได้ ส.ส.มากสุด และทิ้งห่างพรรคขั้วนี้เช่นพลังประชารัฐ หลายสิบเก้าอี้ มันก็ทำให้อนุทิน-ภูมิใจไทย ย่อมมีแต้มต่อในการขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและดันตัวเองเป็นนายกฯ ได้ ต่อให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มี สมาชิกวุฒิสภา 250 เสียง ที่สามารถกดปุ่มสั่งให้โหวตนายกฯ ได้ก็ตาม

เว้นเสียแต่อนุทินจะยอมหลีกทางให้พลเอกประวิตรกับพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ที่เหลืออายุการเป็นนายกฯ สองปี เพื่อให้ขึ้นก่อน ตามคอนเซ็ปต์ จากตู่สู่หนู ที่คนการเมืองพูดถึงกัน

ทว่า ประเมินกันแล้วหากไปถึงตอนนั้น ถ้าภูมิใจไทยได้ ส.ส.เป็นอันดับสอง รองจากเพื่อไทย อนุทินและภูมิใจไทยคงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะเปิดทางให้พลเอกประยุทธ์กับพลเอกประวิตร เพราะโอกาสแบบนี้คงหายากแล้วสำหรับอนุทินและภูมิใจไทย ในการขึ้นเป็นนายกฯ และเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะมี สัญญาณพิเศษ บางอย่างมาถึงอนุทิน เพื่อขอให้เปิดทางดังกล่าว ที่ถ้าเป็นแบบนี้ อนุทินก็คงต้องยอม

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจับตาการพลิกเกมการเมืองที่อาจเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง เช่น พลเอกประวิตรนำพลังประชารัฐไปจับมือกับเพื่อไทยตั้งรัฐบาลร่วมกันหลังเลือกตั้ง ซึ่งถ้าออกมาแบบนี้ก็ไม่แน่ จากที่ภูมิใจไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็อาจเปลี่ยนไปเป็นแกนนำฝ่ายค้านไปเลย!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

14ส.ค.ชี้ชะตา‘ลุงป้อม-พปชร.’ ลุ้นสุดท้ายคดี‘เศรษฐา’

ภายใน "พรรคพลังประชารัฐ" ขณะนี้เหมือนจะมี 2 ชุดความคิด ชุดความคิดแรกคือ พรรคจะควรจะอยู่นิ่งๆ ทำตัวเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ดี เพื่อรักษาสถานภาพที่มีอยู่

'อนุทิน' รับลูกคลังเรื่องย้ายทะเบียนบ้านรับเงินหมื่น

รมว.มหาดไทย รับลูกคลัง ให้กรมการปกครองประสานดูการย้ายทะเบียนบ้านเพื่อรับเงินหมื่น ยืนยันไม่ต้องกังวล-มีวิธีป้องกันการทำผิด

"อนุทิน" เร่งเครื่อง 3 กระทรวงใหญ่ในกำกับ "มท.-ศึกษาฯ- อว." ทำ MOU เพิ่มความร่วมมือสางปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพหน้าใหม่ปกป้องอนาคตชาติ

วันนี้(31 ก.ค. 67) เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการลงนามบนทึกขอตกลงความร่วมมือ (MOU)

ภูมิใจไทยจองเก้าอี้รองประธานสภาคนที่ 1 หากหมออ๋องหลุด!

'อนุทิน' ขอตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 หาก 'หมออ๋อง' หลุดเก้าอี้ปมก้าวไกลถูกยุบ ร้อง 'โอ้ย สมพรปาก' หลังมีชื่อเป็นนายกฯสำรอง ยันเดิมตามกติกามารยาท

เศรษฐาเกาะ“มีชัย”หวังชนะคดี เปิดข้อต่อสู้32หน้าขอศาลอยู่ยาว

เมื่อวันอังคารที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกร้องในคดีกลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องให้ศาล รธน.วินิจฉัยกรณี นายกฯ นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดส่ง เอกสารคำแถลงปิดคดี ในคดีดังกล่าวถึงสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว