ภท.ขวางแลนด์สไลด์ พท. ปักธงแกนนำรัฐบาล-นายกฯ

จับตาไฮไลต์ใหญ่ทางการเมือง หลังมีกระแสข่าวจะมี ส.ส.กว่าครึ่งร้อยลาออกในวันที่ 15 ธ.ค. เพื่อไปเปิดตัวเป็นสมาชิก พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะเป็นความจริงหรือไม่ 

หากเป็นความจริง เค้าลางที่ "ครูใหญ่"-เนวิน ชิดชอบ ประกาศไว้ 120 ที่นั่ง พร้อมดันประธานนักเรียน อย่าง "เสี่ยหนู"-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็อาจเป็นความจริง หากสถานการณ์การเมืองต่างๆ ช่วงนั้นเอื้ออำนวย   

ทั้งนี้ ตามกระแสข่าวในวันดังกล่าวจะมี ส.ส.จาก 9 พรรคการเมือง ประกอบไปด้วย พรรคพลังประชารัฐ 14 คน พรรคเพื่อไทย 10 คน พรรคก้าวไกล 5 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน และพรรครวมพลัง 1 คน มาเปิดตัว  

โดย นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หรือ 1 ใน 10 ส.ส.เพื่อไทย กล่าวยืนยันว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยในวันที่ 15 ธ.ค. เพื่อไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง พร้อมกับ ส.ส.อีก 9 คนของพรรคเพื่อไทยตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ 

ส่วนตัวที่เลือกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเพราะพรรคเพื่อไทยเกิดความหวาดระแวงว่าตนจะย้ายไปพร้อมกับน้องชาย คือ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ที่ย้ายไปอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยก่อนหน้านี้ 

"ทางพรรคเพื่อไทยจึงจะไม่ส่งผมลง ส.ส.ครั้งหน้า ประกอบกับไม่เคยเรียกผมไปชี้แจงข้อเท็จจริงว่าจะย้ายไปกับคุณหญิงสุดารัตน์หรือไม่ จึงทำให้ต้องตัดสินใจไปพรรคภูมิใจไทย" นายจักรพรรดิ กล่าว

นอกจากภารกิจ ครูใหญ่ ละ อนุทิน ที่ต้องการชนะเลือกตั้งแล้ว อีกงานใหญ่คือ หยุด ระบอบทักษิณ มิให้กลับมามีอำนาจในประเทศ โดยเฉพาะการขวางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสาน จำนวน 137 เสียง 

โดยยุทธศาสตร์ของพรรคภูมิใจไทย นอกจากใช้นโยบายต่างๆ เจาะแต่ละพื้นที่แล้ว จะเน้นการดึง ส.ส.บ้านใหญ่ที่แข็งแกร่งในพื้นที่และท้องถิ่น ซึ่งฐานนายก อบจ.อยู่หลายจังหวัด  ประกอบกับการอัดกระสุนและงบประมาณไม่อั้นเพื่อให้ได้ชัยชนะ เพราะรับรู้จุดอ่อนของเพื่อไทย ที่แม้จะมีกระแส แต่ขาดกระสุน ที่สำคัญยังมองและด้อยค่า ส.ส.เป็นเพียงลูกน้องหรือพนักงานบริษัทตระกูลชินวัตร  

สะท้อนได้จาก นายปวีณ แซ่จึง อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสามีนางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายมาสวมเสื้อสีน้ำเงินแล้ว เคยกล่าวอย่างเจ็บช้ำไว้ว่า อยู่กับนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี 20 ปี ได้ผูกเสี่ยว 20 ปี ได้สรุปบทเรียน ถือว่าใช้เวลาพิสูจน์นานเกินไป แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนจากพรรค พท.ไม่มี และจะปล่อยให้คน พท.ด่าภรรยาคือนางผ่องศรีต่อไปไม่ได้ ทุกคนมีศักดิ์ศรี 

 “อยู่พรรค พท.ตั้งแต่สมัยเป็นไทยรักไทย เป็นพลังประชาชน จนเป็นพรรค พท. ยังไม่เคยได้อะไร นายทักษิณบอกว่าเป็นเสี่ยวกัน คุยกันแค่เรื่องงาน ลูบหลังกัน แต่ไม่เกิดความรู้สึก มันไม่ได้รับการตอบแทนเท่าที่ควร ที่ให้นางผ่องศรีลง ส.ส. เพราะผมจะเลิกเล่นการเมือง เพื่อไม่ให้เขาใช้ผมเป็นเบ๊ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ที่พูดนี่ไม่ได้ด่า นางผ่องศรีของบ แต่ก็ขอไม่ได้ ต้องมาขอกับพรรคภูมิใจไทย ผมการันตีว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องแล้ว กลับไปอยู่กับนายเนวิน ชิดชอบ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เสมือนได้กลับไปอยู่กับพี่น้อง ผมมีความสุข” นายปวีณ กล่าว

นอกจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมี ส.ส.หลายพรรคหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่พรรคภูมิใจไทยด้วยกันหลายเหตุผล อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ เช่น ความไม่ยุติธรรมภายในระบอบ 3 ป., การตบรางวัลในตำแหน่งรัฐมนตรี บางตำแหน่งก็ไม่เหมาะสม หรือให้เพราะความเสน่หามากกว่าผลงาน  

แตกต่างจากพรรคภูมิใจไทย ที่ใครทำผลงานก็จะมอบตำแหน่งรัฐบาลจนครบวาระ แม้กระทั่ง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แม้จะถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังไม่ปรับออกจาก ครม. สะท้อนให้เห็นความจริงใจของ “เนวิน” และ “อนุทิน” และได้ใจคนการเมืองอื่นๆ ได้เห็นเป็นอย่างมาก

อีกทั้งยังมี ส.ส.พปชร.บางคนต้องการหนีความขัดแย้ง และความไม่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คะแนนนิยมตกต่ำจากปัญหาต่างๆ หลังจากบริหารประเทศมาอย่างยาวนาน

จึงจำเป็นต้องหาบ้านใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนโยบาย ท่อน้ำเลี้ยง และความเข้าใจคนการเมืองเหมือนกัน เพื่อมีโอกาสกลับมาเป็น ส.ส.ให้ได้อีกครั้ง 

ที่สำคัญยังไม่หักหาญน้ำใจ หรือแยกกันขาดจากพี่น้อง 2 ป. มากนัก เพราะเป็นการย้ายพรรคในขั้วเดียวกัน เพื่อทำภารกิจขวางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ส่วนเหตุผล ส.ส.พรรคเล็กอื่นๆ จำเป็นต้องหาพรรคใหม่ หลังระบอบเลือกตั้งมาเป็นระบบหารด้วย 100 เพื่อสร้างโอกาสกลับมาเป็น ส.ส. หรือ ทำงานการเมืองในตำแหน่งอื่นๆ ของพรรคภูมิใจไทย  

จากนั้นพรรคการเมืองขั้วเดิม เมื่อภารกิจสำเร็จก็กลับมาจับมือกันร่วมรัฐบาลอีกครั้ง เพราะพี่น้อง 2 ป. ยังมีจุดแข็งที่เหนือกว่าคือ ส.ว. 250 เสียง เป็นกองหนุน ที่จะเลือกนายกฯ ได้

เว้นแต่พรรคการเมืองที่หนุนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เสียง ส.ส.ไม่ถึง 25 เสียง หรือได้จำนวน ส.ส.น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจเป็นคิวของ อนุทิน ที่มีโอกาสได้เป็นนายกฯ ก็เป็นได้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

บูมเศรษฐกิจ 2 ชาติ ! “อนุทิน” เร่งสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว

วันที่ 21 พย. บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์

'อนุทิน' เช็กสัญญาณ ครม.อิ๊งค์ ปมศาลรธน.นัดถกรับ-ไม่รับคำร้อง คดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง

ที่ด่านพรมแดนบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง

'อนุทิน' ยันภูมิใจไทยโหวตเสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติ

'อนุทิน​' ยืนยัน​ ภท.​โหวต​เสียงข้างมาก 2 ชั้น หากนำมติ กมธ.ร่วมประชามติ​เข้าโหวตในสภา​ ย้ำเพื่อให้ ​ปชช.​ตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง​ ชี้ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาถ้า​แก้ไม่ทันก็รอสภาชุดหน้า​ ​

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง

จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567