การสืบสวนสอบสวนเพื่อเอาผิดและทลายเครือข่าย ทุนจีนสีเทา ที่มี ตู้ห่าว เป็น ตัวการใหญ่ ถือเป็นคดีใหญ่ที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังเฝ้าติดตามการทำงานของตำรวจอย่างใกล้ชิด ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ตำรวจที่นำทีมโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.จะสอบสวนขยายผลไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายธุรกิจทุนจีนสีเทาได้มากน้อยแค่ไหน หลังพบว่าเรื่องนี้เริ่มมีความเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายนักการเมืองไทยหลายคน รวมถึงนักธุรกิจและคนมีสีอีกจำนวนไม่น้อย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับ ไทยโพสต์ ยืนยันถึงเรื่องการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายธุรกิจทุนจีนสีเทาของตำรวจในขณะนี้ว่า ...เรื่องนี้เริ่มมาจากการไปตรวจพบการกระทำความผิดในสถานบริการ เช่นที่ผับท็อปวัน, สถานบันเทิง “จินหลิง” ซึ่งตั้งแต่ผมเข้ารับตำแหน่ง ก็ได้เน้นมาตลอดว่าตำรวจต้องไปตรวจสถานบริการ เพราะแต่ก่อนก็ยอมรับว่าตำรวจมักจะละเลย ฝ่ายปกครองไปตรวจจับเมื่อไหร่ก็เจอเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์เข้าไปเป็นร้อย จึงมองว่าเรื่องนี้ต้องเข้มงวด
โดยหลังเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้สั่งให้ต้องมีการตรวจสถานบริการ ต้องมีการสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง อย่าให้มีเด็กเข้าไปเที่ยว อย่าให้มียาเสพติด ต้องไม่ให้เปิดเกินเวลา ก็เลยไปเกิดเหตุที่พัทยา ที่เจ้าของโวยวายว่าเคลียร์กับตำรวจกับผู้ว่าฯ แล้ว ซึ่งต่อมาก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ก็ได้มีการดำเนินคดีในข้อหาปลอมบัตรประชาชน
ต่อมากับกรณีสถานบันเทิงจินหลิง เกิดจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสืบทราบมาว่า สถานบริการแห่งนี้น่าจะมีการทำผิดกฎหมายเพราะแอบเปิดในที่ลับ และใช้ระบบเมมเบอร์ที่เข้าข่ายต้องสงสัย ตำรวจจึงเข้าไปตรวจค้นและพบการเสพยาเสพติดจำนวนมากที่เป็นกลุ่มคนจีน โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ก็ได้นำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบด้านการปราบปราม จึงบอกให้ไปช่วยกันดูเรื่องนี้ ทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้เข้ามา ซึ่งตอนนี้ก็ช่วยกันทำงาน ใครมีข้อมูลอะไรก็ทำกันไป
ตอนนี้ถือว่าได้มีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการตรวจค้นผับจินหลิง จนพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ "ตู้ห่าว" เลยมีการดำเนินคดีกับตู้ห่าวในข้อหาร่วมกันสมคบกระทำความผิด มีการยึด อายัดทรัพย์สิน เครื่องบินส่วนตัวต่างๆ ตามที่เป็นข่าวโดยฝ่าย ป.ป.ส. ที่ก็เป็นความคืบหน้าในการดำเนินการ และเราจะขยายผลว่าหากอะไรที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานบริการผิดกฎหมาย การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การปลอมแปลงบัตรประชาชน การใช้วีซ่าผิดประเภทเข้ามาแล้วมาหลอกเจ้าหน้าที่ เช่นขอเข้ามาทำงานในมูลนิธิ แต่ว่าไม่ได้ทำจริง ต่อไปเราจะมีการตรวจสอบทั้งระบบ โดยเราจะเพิ่มความเข้มในเรื่องของชาวต่างชาติที่เข้ามาแฝงตัว มาทำอะไรในเมืองไทยที่เป็นลักษณะไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีเทา สีดำ เราก็จะดูแลอย่างเข้มงวด ก็เน้นหนักไปแล้วว่าต่อไปต้องเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ใครที่เกี่ยวข้องถึงแม้จะไม่สามารถดำเนินคดีได้อย่างชัดเจน แต่ก็จะต้องถูกโยกย้ายในคำสั่งหน้านี้ พวกตม.อะไรต่างๆ เราก็อยากจะกวาดบ้านตัวเอง
-คดีนี้สังคมจับตามองกันมาก เพราะตามข่าวอาจจะมีการเชื่อมโยงกับนักการเมือง คนเลยมองกันว่าตำรวจจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน?
ตำรวจเอาจริงครับ ยืนยันว่าเอาจริง แต่ขอให้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากพยานหลักฐานถึงก็ต้องเอาจริง เพราะตอนนี้ผมก็ได้เร่งรัดแล้วว่าขออย่าให้นาน หลักฐานถึงหรือไม่ถึงก็ขอให้ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ขอให้จบ อย่าให้นานเกินไป หากนานเกินไปก็จะหาว่าอะไรอีก หาก 2-3 อาทิตย์ผ่านไปแล้ว ถ้าไม่ถึงก็ต้องบอกว่าไม่ถึง ถึงก็บอกถึง ชัดเจน เพราะหากค่อยๆ หายไป เดี๋ยวก็หาว่ามวยล้มต้มคนดูอีก
-ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำคดีของตำรวจ?
ก็เป็นไปตามพยานหลักฐานทางคดี เพราะตอนนี้สังคมถูกตรวจสอบด้วยประชาชน
-นอกจากกลุ่มทุนจีนสีเทาแล้ว ในส่วนของกลุ่มทุนข้ามชาติที่เข้ามาทำเรื่องสีเทาๆ ในประเทศไทยจะดำเนินการอย่างไร?
ตอนนี้มีกระแสเรื่องกลุ่มทุนจีน ก็เป็นสิ่งที่ดีจะได้ทำให้เราสำรวจทุกด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตามที่ใช้เมืองไทยเป็นที่พักพิงในการทำผิดกฎหมาย เราก็จะไปดูในทุกมิติ ก็ถือโอกาสกวาดล้างสิ่งพวกนี้ให้หมด
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีล่าสุด เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ร่วมประชุมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลว่าเป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจค้นได้จากหลายจุดมาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำและไล่ดูเส้นทางการเงิน เส้นทางการใช้โทรศัพท์ ว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินที่ยึดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส.ใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมคบและบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงิน ดังนั้นคาดว่าจะเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการได้ในเร็ววันนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้จำนวน 102 คน แบ่งเป็นการดำเนินคดี ได้ 3 กลุ่ม คือ ความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีนและยาบ้า, ความผิดฐานนอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน สำหรับการขยายผลความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คน คือ พัชรินทร์ ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย, สุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าวเป็นประธาน ดังนั้น หากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้ เชื่อว่าจะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าวมีเพียงแค่หลักแสนบาท เป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 100,000 บาท
ต้องดูกันว่า สุดท้ายการทำงานของตำรวจในการสืบสวนสอบสวนเพื่อทลายเครือข่ายทุนจีนสีเทา ผลจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสุดท้ายแล้ว จากข่าวที่ปรากฏก่อนหน้านี้ว่า มีนักการเมือง-อดีตรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ ตู้ห่าว-ตัวการใหญ่ทุนจีนสีเทา ในการทำคดีของตำรวจจะพบความเกี่ยวข้องดังกล่าวหรือไม่ หลังคดีนี้ เริ่มกลายเป็นประเด็นทางการเมืองมากขึ้นไปเรื่อยๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คดีฉ้อโกงพุ่งรายวัน จนท.รัฐอืด! เปิดหลุมเหลือบเรียกรับผลประโยชน์
หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลคือ “เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ
ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร
ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"
แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49