สัปดาห์นี้ยกให้เป็นสัปดาห์แห่งการประชุมที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากกับการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเรียกสั้นๆ ว่า “การประชุมเอเปก”
รัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะกับเรื่องความปลอดภัย เพราะมีบุคคลวีไอพีถึง 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ มีทั้งที่ส่งตัวแทนมา และบางเขตเศรษฐกิจก็คือตัวจริง ระดับสูงสุดของประเทศ ระดับนายกรัฐมนตรี ระดับประธานาธิบดี
ขืนเกิดเหตุไม่คาดฝันประเทศไทยจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ยิ่งมีข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมของไทยจะเคลื่อนไหวด้วยแล้ว รัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องจับตากันเข้มงวด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อครั้งปี 2562
ต้องบอกว่า “รัฐบาลไทย” รอบนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ตั้งใจและเอาจริงทุกเรื่อง
ทั้งด้านสารัตถะของการประชุม รวมไปถึงความบันเทิงเริงใจ ความประทับใจที่แขกบ้านแขกเมืองจะได้รับกลับไปแบบจำมิรู้ลืม รวมทั้งจะได้เป็นการโปรโมตไปในตัว ให้โลกรู้ว่าไทยมีดีและพร้อมเต็มร้อยในการเยือนของทุกคนทุกระดับ
เวลานี้มีกิจกรรมเกิดขึ้นมากมายที่ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” โดยวันนี้ (16 พ.ย.) จะเป็นการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปก จากนั้นวันที่ 17 พ.ย.เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีแบบเต็มคณะ และค่ำวันเดียวกันก็จะเป็นงานเลี้ยงอาคารค่ำ ณ หอประชุมกองทัพเรือ
ทั้งนี้ วันที่เป็นไฮไลต์ของการประชุมเอเปก คือวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. ช่วงเช้าจะเป็นการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปกอย่างเป็นทางการ ช่วงที่ 1 ในหัวข้อ การเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน ต่อด้วยการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำกับแขกของประธาน จากนั้นเป็นการหารือผู้นำกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก และในช่วงเย็นจะเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
สำหรับวันเสาร์ที่ 19 พ.ย. จะเป็นวันสุดท้ายของการประชุม โดยมีกำหนดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการ ช่วงที่ 2 ในหัวข้อการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและยั่งยืน และจบลงด้วยการแถลงข่าวโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย
อย่างไรก็ตาม ได้รับการเปิดเผยจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าในด้านสารัตถะของการประชุมเอเปก ครั้งที่ 29 ในฐานะไทยเป็นเจ้าภาพ จะนำเสนอเอกสาร "Bangkok Goals on BCG Economy" หรือเอกสารเป้าหมายกรุงเทพภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อเป็นแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังเกิดการระบาดโควิด-19 ให้มีความครอบคลุมและยั่งยืนท่ามกลางบริบทโลก ที่มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นท้าทาย
นอกจากโอกาสด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจแล้ว ไทยเห็นว่าเวทีนี้คือโอกาสที่จะได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับของดีของไทยที่มีรากเหง้ามาอย่างยาวนาน โดยถ่ายทอดผ่านวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ของที่ระลึก ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างละเอียดรอบคอบและประณีต
อย่างที่ทราบกันดี ของที่ระลึก 7 ชิ้น ที่จะมอบให้แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจและคู่สมรส ล้วนสั่งทำด้วยฝีมือชาวบ้านที่มีความรู้ความชำนาญ ไม่ว่าจะเครื่องเงิน กล่องใส่เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากผ้าไหมไทย
ส่วนอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ในงานเลี้ยงมื้อค่ำได้เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟระดับแนวหน้า เป็นหัวหน้าทีมเชฟที่ปรุงอาหาร รังสรรค์ทั้งคาวและหวานเป็น 5 คอร์ส ประกอบด้วย 1.อาหารทานเล่น คือกระทงทองไส้ครีม ท็อปด้วยคาเวียร์จากโครงการหลวง ดอยอินทนนท์
2.จานเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟ ชุดของดีจาก 4 ภาค ประกอบด้วย หมี่กรอบข้าวซอย ต้มยำกุ้งแม่น้ำ เนื้อย่างวากิวจิ้มแจ่ว จากโคราช และไก่ย่างกอและ บรรจุในกล่องไม้สักทอง ไม้ทรงคุณค่าของไทย
3.อาหารจานสลัด เป็นยำใหญ่จากผักออร์แกนิก ทานกับไก่ออร์แกนิก และกุ้งมังกร 7 สีจาก จ.ภูเก็ต
4.อาหารจานหลัก ประกอบด้วยสตูผัก มัสมั่นเนื้อโพนยางคำ และเนื้อวากิว ปลาเก๋ามุก และข้าวหอมมะลิ จากทุ่งกุลาร้องไห้
5.ของหวานที่ทานคู่กับชาหรือกาแฟ คือ หม้อแกงเผือกที่ใช้น้ำตาลโตนดจาก จ.เพชรบุรี ขนมดาราทอง ขนมเปียกปูนใบเตย มาการองลิ้นจี่ ขนมดอกมะลิ ช็อกโกแลต สอดไส้กระชายดำ และสุดท้ายคือ ผลไม้ตามฤดูกาล 7 ชนิด
โดยระหว่างรับประทานมื้อค่ำยังมีการแสดงทางวัฒนธรรม และขับกล่อมดนตรีจากนักร้องมืออาชีพ อาทิ พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ และรัดเกล้า อามระดิษ
เท่านั้นยังไม่พอ ด้านนอกหอประชุมกองทัพเรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีการแสดงโชว์ต่างๆ กระทงขนาดใหญ่ เรือไฟ กระทงสาย การแสดงพื้นบ้าน โขน หนังใหญ่
น่าจะเป็นค่ำคืนที่จัดเต็มไปด้วยแสงสีสุดอลัง เป็นการใช้เวทีเอเปกในการขับเคลื่อน Soft Power ครั้งใหญ่ของไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล
เหลี่ยม"ทักษิณ"หาเสียงนายกอบจ. ก้ำกึ่ง สุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ทั้งสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพาดพิงคู่ปรับทางการเมืองอย่างดุเดือด
'คุมขังนอกเรือนจำ'ความหวังใหม่ ระบบยุติธรรมหรือประตูสู่ความลำเอียง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบยุติธรรม โดยในปี 2568 กรมราชทัณฑ์จะเริ่มใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ
‘แม้ว’ห้าว!ผ่านสนาม อบจ. ท่าทีมั่นใจ‘ความปลอดภัย’
ห้าวทุกเวที! 4 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.หาเสียง
ก้าวต่อไป ‘รทสช.’ ปี 2568 ติดสปีดผลงาน-โกยคะแนน
ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ
การเมืองไทยปี 68 เข้มข้น-ขับเคี่ยว-ร้อนแรง ซักฟอกมี.ค.-ปรับครม.กลางปี
การเมืองไทยไม่ว่าปีไหนๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นได้ตลอด บางเรื่องเกิดขึ้นตามปฏิทินการเมือง แต่บางประเด็นเป็นความร้อนแรงที่แทรกขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน