“ปูติน” ไม่มา-สี จิ้นผิง ไม่พลาด คุมเข้มสกัดป่วน-คุ้มกันผู้นำเอเปก

นับถอยหลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สำหรับการเป็นจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ที่ใช้ชื่องาน APEC 2022 Thailand โดยมีธีมหลักในการจัดประชุมคือ Open. Connect. Balance ที่จะจัดในช่วงระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร 

สำหรับ APEC คือเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วยมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เกาหลีใต้ และรัสเซีย โดยไทยเป็น 1 ใน 12 เขตเศรษฐกิจผู้ร่วมก่อตั้ง โดย เอเปกมีประชากรรวมกว่า 2,900 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) รวมกันกว่า 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,700 ล้านล้านบาท เกินครึ่งของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก

โดยนอกเหนือจากผู้นำ-ตัวแทน 21 เขตเศรษฐกิจเอเปกแล้ว ก็จะมี “แขกพิเศษ” ของรัฐบาลไทย ที่จะเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และประชุมเอเปกครั้งนี้ด้วย 3 ประเทศ คือ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย และยังมีตำแหน่งในรัฐบาลของซาอุดีอาระเบียในเวลานี้ด้วย ส่วนอีก 2 คนก็คือ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน และ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

รวมถึงจะมีตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศหลายหน่วยงานมาร่วมประชุมและสังเกตการณ์ เช่น อาทิ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), องค์การอนามัยโลก (WHO), องค์การการค้าโลก (WTO), องค์การความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เป็นต้น

สำหรับระดับ ผู้นำประเทศ ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมด้วยตนเอง ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ ล่าสุดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน 14 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน ฮ่องกง บรูไน ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น แคนาดา และชิลี

 ส่วนเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่ตัวผู้นำไม่ได้มาประชุมด้วยตัวเอง แต่ส่งผู้แทนมาร่วมประชุม มีจำนวน 6 เขตเศรษฐกิจเอเปก คือ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก และเปรู

โดยในส่วนของรัสเซียพบว่า คนที่จะมาแทน วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ทางการไทย รอการคอนเฟิร์มมานานหลายสัปดาห์ แต่สุดท้ายไม่มา โดยคนที่มาแทนคือ รองนายกรัฐมนตรี อันเดรย์ เบโลอูซอฟ ขณะที่ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน คอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ ไม่พลาด ยกคณะชุดใหญ่เต็มคาราเบลมาร่วมประชุมแน่นอน แม้จะไม่มี โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และปูตินจากรัสเซียมาร่วมประชุมก็ตาม

ทั้งนี้ การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปกครั้งนี้ เป็นการจัดประชุมที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย ไม่ใช่แค่กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น เพราะหากการจัดประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ก็จะเป็นเครดิต-หน้าตา-ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาประเทศทั่วโลก ที่ไทยจัดการประชุมใหญ่ๆ ของโลกได้อย่างราบรื่น

ล่าสุด ในช่วงนับถอยหลังก่อนถึงวันประชุม ที่ข่าวว่าตอนนี้ หน่วยล่วงหน้า ของผู้นำ-ตัวแทนประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ ทีมชุดรักษาความปลอดภัย ได้เดินทางมายังประเทศไทยกันแล้ว เพื่อคอยตรวจตรา ดูความพร้อมเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำของตัวเอง ทั้งที่ โรงแรมที่พัก-เส้นทางการเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และพื้นที่ต่างๆ ที่จะเดินทางไปตลอดช่วงการมาร่วมประชุมเอเปก

ทำให้ภายในสัปดาห์นี้ ประเทศไทยจะมีคณะผู้นำ-ผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปก-กลุ่มคนติดตามคณะผู้นำและสื่อมวลชนจากหลายประเทศทั่วโลก เดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมและสังเกตการณ์ โดยล่าสุดมีข่าวว่า มีสื่อมวลชนจากทั่วโลกลงทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อมาร่วมทำข่าวครั้งนี้ประมาณ 2,200 คน

พบว่าในส่วนของการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลเรื่อง การรักษาความปลอดภัยตลอดช่วงการประชุมเอเปก โดยเฉพาะที่โรงแรมที่พักของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมถึงการดูแลเรื่องการจราจรพื้นที่โดยรอบศูนย์ประชุม และโรงแรมที่พักของคณะผู้เดินทางมาร่วมประชุมเอเปก มีการเตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องการจราจร การที่รัฐบาลกำหนดให้ช่วง 16-18 พ.ย.นี้ เป็นวันหยุดราชการในกรุงเทพมหานคร ก็ทำให้การจราจรใน กทม.คล่องตัวขึ้นแน่นอน

สำหรับในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดช่วงการประชุมเอเปก พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการเตรียมพร้อมในการวางแผนดูแลความสงบเรียบร้อยในการประชุมเอเปกครั้งนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ฝึกซ้อมแผนแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤตและการเผชิญเหตุเสมือนจริงของตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษชั้นนำของเมืองไทย ที่ประกอบไปด้วยชุดอรินทราช 26 (บช.น.), นเรศวร 261 (บช.ตชด.), คอมมานโด (บก.ปพ.), หนุมาน (บก.ป.), สยบไพรี (บช.ปส.) และชุดครูฝึกหน่วยปฏิบัติการพิเศษต้นแบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยของผู้นำจากประเทศต่างๆ ที่มาร่วมประชุม ทั้งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และโรงแรมที่พักจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ   

โดยมีข่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20,000 นาย พร้อมหน่วยสนับสนุนอีกกว่า 30 หน่วย เพื่อภารกิจงานเอเปกครั้งนี้

ที่น่าสนใจล่าสุดพบว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมเอเปก ที่เป็นประกาศเรื่อง กำหนดสถานที่ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558

ที่พบว่าประกาศดังกล่าวก็คือประกาศที่ออกมาเพื่อรองรับการกำหนดสถานที่ในการจัดการประชุมเอเปก และสถานที่พำนักของผู้แทนประเทศในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยให้กับองค์การระหว่างประเทศ และการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย จึงมีการออกประกาศดังกล่าว เพื่อให้สถานที่และถนนบริเวณอาณาโดยรอบสถานที่ตามประกาศ เป็นจุดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 ที่ตรงกับช่วงจัดประชุมเอเปก

ประกาศดังกล่าวระบุว่า ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางระเบียบหรือคำสั่งกำหนดหลักเกณฑ์และพื้นที่ถนน และบริเวณอาณาโดยรอบของสถานที่ตามประกาศ และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศนี้

โดยมีสถานที่ควบคุม-ดูแลความปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศดังกล่าว คือ

1.สถานที่จัดการประชุมระหว่างประเทศภาครัฐ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

2.สถานที่พำนักผู้แทนประเทศในการประชุมระหว่างประเทศภาครัฐ ได้แก่ 2.1 โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ ผู้แทนบูรไน 2.2 โรงแรมอนันตรา สยาม ผู้แทนสหรัฐอเมริกา 2.3 โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ ผู้แทนสิงคโปร์ 2.4 โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ ผู้แทนนิวซีแลนด์ 2.5 โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ ผู้แทนเปรู 2.6 โรงแรมดิ แอทธินี ผู้แทนไต้หวันและเวียดนาม 2.7 โรงแรมคอนราด กรุงเทพ ผู้แทนญี่ปุ่น 2.8 โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพ ผู้แทนอินโดนีเซีย 2.9 โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพ ผู้แทนฮ่องกงและกัมพูชา 2.10 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ผู้แทนชิลีและปาปัวนิวกินี

2.11 โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพ ผู้แทนแคนาดา 2.12 โรงแรมโซ แบงคอก ผู้แทนฝรั่งเศส 2.13 โรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรีย ผู้แทนมาเลเซีย 2.14 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส ผู้แทนซาอุดีอาระเบีย 2.15 โรงแรมแบงคอก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ ปาร์ค ผู้แทนฟิลิปปินส์ 2.16 โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพ ผู้แทนออสเตรเลีย 2.17 โรงแรมบันยันทรี ผู้แทนเม็กซิโก 2.18 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ผู้แทนจีน 2.19 โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพ ที่คาดว่าจะเป็นโรงแรมที่พักของคณะผู้แทนจากรัสเซีย

ประกาศดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ก็คืออีกหนึ่งมาตรการในการคุมเข้มการดูแลความปลอดภัย รวมถึงการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ ช่วงประชุมเอเปก ไม่ให้มีกลุ่มคน-ม็อบต่างๆ ออกมาสร้างความปั่นป่วนบริเวณโดยรอบศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และโรงแรมที่พักของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกที่เดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้นั่นเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?

“เปิดต้อนรับนักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากันของแวดวงคนใจนักเลง”

“อนุทิน-ภท.” “พยัคฆ์ติดปีก”

กรณีสถานการณ์ “กัญชา” พลิกจากเดิมที่จะถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด หักนโยบายพรรคภูมิใจไทยสร้างมา เป็นการออก พ.ร.บ. เพื่อใช้เฉพาะทางการแพทย์ วิจัย เศรษฐกิจเท่านั้น

ผลโหวตวุฒิสภาชุด13 ‘มงคล’ปธ.หัวใจสีเหลือง

ผ่านพ้นจนได้ สำหรับการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 2 ตำแหน่ง แม้จะมีเรื่องขรุขระต้องนับคะแนนใหม่อีกรอบหนึ่ง ในการเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เนื่องจากมีคะแนนเกินมา 1 แต้ม

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน