3 ต.เผชิญตระกูล ป.ยุคผลัดใบ เส้นทาง(ไม่)ผลักมิตรเป็นศัตรู

    14-19 พ.ย. สัปดาห์การประชุมระดับโลก ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก ครั้งที่ 29 งานใหญ่ระดับชาติ ผู้นำทั่วโลกมากกว่า 20 ชาติมาร่วมพูดคุยหารือความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ทุกสายตาจับจ้องผลการประชุมครั้งนี้ 

    เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ประเทศไทยรับบทเป็นเจ้าภาพ ได้เฉิดฉายในเวทีโลก คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจร่วมกันเป็นเจ้าภาพ สร้างความประทับใจ กลุ่มเตรียมเคลื่อนไหวจะใช้ไม้แข็ง ห้ามปรามเสียทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในกรอบ ในสถานที่จัดเตรียมไว้ให้ นำเสนอแนวคิด มุมมอง ข้อห่วงใยแบบอารยะ เป็นสิทธิ์ทำได้  

    การประชุมเอเปกผ่านพ้นจบลงไป เรื่องราวทางการเมืองมีเรื่องให้ต้องติดตาม ช่วงปลายรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะไปครบวาระเอาในวันที่ 23 มี.ค.2566 ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระหรือไม่ จะได้เลือกตั้งตามไทม์ไลน์กรรมการการเลือกตั้งระบุเอาไว้ จัดการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปวันที่ 7 พ.ค.2566 หรือว่าเร็วกว่านั้น  

    พรรคการเมือง นักการเมือง เหลือเวลาไม่มากนักให้ได้เตรียมตัว พรรคการเมืองที่อยู่ในสนามเลือกตั้ง พรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล พรรคการเมืองน้องใหม่ พรรคขนาดเล็ก ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ นโยบาย ยุทธศาสตร์ ทิศทางพรรค เพื่อช่วงชิงอำนาจการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ยังเป็นนายกฯ ต่อไปได้อีก 2 ปี ประจวบกับบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน สามารถเลือกนายกฯ ได้อีก 1 ครั้ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า  

    ด้วยตัวเลือกอันจำกัด บวกกับแรงผลักดันคนใกล้ชิด อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยึดโยงอยู่ในอำนาจไปจนครบโควตาตามช่วงเวลาที่อยู่ได้ ระหว่างทาง เกมการเมือง การเข้าสู่อำนาจ มีเรื่องให้ต้องฝ่าฟันไป มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป. เกาะเกี่ยวอำนาจมาจากทหาร จนมาเป็นนักการเมือง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แน่นแฟ้นเหมือนเดิม      

    พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ อาจแยกกันเดินในทางการเมือง มุ่งหวังสร้างดาวกันคนละดวง พล.อ.ประวิตรไปทาง พล.อ.ประยุทธ์ไปทาง โดยเฉพาะ พรรครวมไทยสร้างชาติ ทีมงานเบื้องหน้าเบื้องหลัง กองหนุน ปัจจัยไม่ธรรมดา รวมไทยสร้างชาติถูกจับตามองจะเป็น ฐานอำนาจใหม่ทางการเมือง เกิดการรวมตัวของ กลุ่ม 3 ต. ที่ร่วมกันขับเคลื่อน เป็นแกนนำอำนาจหลักในการขับเคลื่อนพรรค ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ ตุ๋ย-นายพีระพันธุ์ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี พร้อมชักธงรบกับทุกพรรคในสมรภูมิเลือกตั้ง ยังไม่นับรวมทีมงานเบื้องหลัง โดยเฉพาะเทพเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ กับทีมงานคนใกล้ชิดในยุคประชาธิปัตย์ ทีมงาน กปปส.เดิม ที่มีกระแสข่าวเป็นกองหนุน นักวางกลยุทธ์ทางการเมือง เอาใจช่วยพรรคนี้อย่างเต็มกำลัง และยังแท็กทีมกับเจ้าสัวแสนล้านด้านพลังงาน เรื่องปัจจัย กระสุนดินดำ ไม่เป็นรองพรรคอื่น   

รวมไทยสร้างชาติอาจเป็นป้อมค่ายใหม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐมนตรี ส.ส.คนใกล้ชิด ออกมาร่วมกันทำงานในบ้านหลังนี้ สมทบกับทีม ส.ส.สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคนที่อาจจะไหลตามมาสมทบพรรคนี้ พร้อมท้าชน ชักธงรบกับทุกพรรคการเมือง   

    พล.อ.ประวิตรไม่เพียงไม่ห้าม พล.อ.ประยุทธ์ ยังผลักไส “โอ้ ไปเลย ไปไหนก็ไป ผมไม่ว่าอะไรใคร ใครอยากไปไหนไป เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ห้ามใครทั้งนั้น” และในวันประชุมสัมมนา หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยังเน้นย้ำอีกรอบ ไม่เป็นปัญหาหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่แล้ว และไม่ปิดกั้นโอกาสหากสมาชิกพรรคเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคพลังประชารัฐ 

    แม้ พล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันในสัมพันธ์ให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีได้ฟัง “กับพี่ป้อมก็ไม่มีอะไร ไม่เครียด ไม่ทะเลาะกันอยู่แล้ว ความเป็นพี่น้องมันเลิกไม่ได้ เรื่องอื่นก็ว่ากันไป”  

    อีกคนผลักไส ไม่แคร์ อีกคนบอกไม่มีอะไร แต่ปฏิกิริยา การแสดงออกอะไรหลายๆ อย่าง พอสะท้อนให้เห็นออกมาว่า 3 ป.แม้ไม่แตกแยก แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากความไม่แน่นอนทางการเมือง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร เรียก ส.ส.เป็นรายบุคคลไปพบ สอบถามเรียงตัว "จะอยู่พลังประชารัฐหรือไม่"  

    กลุ่ม 3 ป.ยุคดั้งเดิมในอดีตถึงคราวผลัดใบ สาเหตุส่วนหนึ่ง ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตรไม่ราบรื่น อาจมาจาก "คนใกล้ตัวบิ๊กป้อมเป็นพิษ" ตั้งธงไม่เอา ไม่สนับสนุนบิ๊กตู่ เป็นทุนเดิม มีปัญหาทั้งเรื่องราวขัดกันทางอำนาจ เป็นเหตุต้องปลดรัฐมนตรีบางรายออก ฉากหลังก็ขวางทาง ไม่สนองตอบคนใกล้ชิดบิ๊กป้อมบางคน เป็นอีกแรงผลักทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ยกมือสนับสนุนเต็มที่หากบิ๊กป้อมจะออกมานำพรรคเอง ถูกจับตามองถึงคราวยุค 3 ป.ดั้งเดิมผลักดันเข้าสู่ ตระกูล ป.ยุคผลัดใบ ยุคใหม่ 

    บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่อยู่เบื้องหลัง สำคัญๆ การเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายเรื่อง บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ถูกวางตัวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพลังประชารัฐ รวมถึงผู้กองคนดัง สมัยเป็น รมช.เกษตรฯ จากการชี้แจงฝ่ายค้านอันโด่งดัง จนถูกล้อเลียนในโลกออนไลน์ มอบฉายานามใหม่ บิ๊กแป้ง-ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่อาจหวนกลับคืนสู่บ้านเก่า หากมติสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยไม่อ้าแขนต้อนรับ ก็อาจถึงเวลากลับบ้านเก่าไปผนึกกำลังรับใช้นายป้อมเหมือนเดิม ในวันที่ทางสะดวกมากขึ้น ไม่มีศัตรูหัวใจคอยขัดขวางอีกแล้ว      

    เป็นการผนึกกำลังสร้างขั้วอำนาจใหม่ในนามกลุ่ม 3 ป.ยุคผลัดใบ ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการขับเคลื่อนพรรค บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และบิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค   

    ยังไม่นับรวมธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะได้ไปทำงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากบิ๊กตู่และบิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว อาจจะหวนคืนสู่บ้านเก่า กลับไปทำงานร่วมกันกับนายเก่าอีกครั้ง  

หลังประชุมเอเปกจบสิ้นลง ยังมี 2 เรื่องใหญ่ต้องจับตามองคือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง วันที่ 23 พ.ย. และกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. วันที่ 30 พ.ย. ที่งานนี้ยังไม่รู้ผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบกับฝ่ายใด จะเกิดการพลิกล็อกอีกตลบ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากหาร 100 จะกลับไปหาร 500 อีกหรือไม่ 

“กลุ่ม 3 ต.ที่ร่วมกันขับเคลื่อน เป็นแกนนำอำนาจหลักในการขับเคลื่อนพรรค ตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ตุ๋ย-นายพีระพันธุ์ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี พร้อมชักธงรบกับทุกพรรคในสมรภูมิเลือกตั้ง ยังไม่นับรวมทีมงานเบื้องหลัง โดยเฉพาะเทพเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ กับทีมงานคนใกล้ชิดในยุคประชาธิปัตย์ ทีมงาน กปปส.เดิม ที่มีกระแสข่าวเป็นกองหนุน"

ก่อนเส้นตาย 24 ธ.ค. นักการเมืองย้ายขั้ว เปลี่ยนค่าย โดยเฉพาะ ส.ส.เขตที่จะย้ายพรรค สามารถทำได้เลย ที่กฎหมายยกเว้นไว้ ภายใน 180 วันก่อนรัฐบาลครบวาระ ไม่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งยังทันเส้นตายการสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้ทันเวลา มีสิทธิ์ มีคุณสมบัติครบถ้วน ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในพรรคการเมืองใหม่ 

จังหวะก้าวเดิน พล.อ.ประยุทธ์ หลังประชุมเอเปก ก่อนสิ้นปี 2565 เหลือเวลาอีกไม่มาก คงต้องขีดเส้นเลือกทางเดินการเมืองให้ชัด กลับไปเคลียร์ใจ รักษาสัมพันธ์ 3 ป. ชูพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคหลักพรรคเดียวในการสู้ศึกเลือกตั้ง หรือไปสร้างดาวดวงใหม่ในนามรวมไทยสร้างชาติ กับทีมงานคนใกล้ชิดที่คุ้นเคย เลือกทางสบายใจเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะแยกกันเดิน แต่ก็ยังเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ดีต่อกัน  

ที่น่าเป็นห่วง ฐานที่มั่นหลัก ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ หรือรวมไทยสร้างชาติ ได้รับการตอบสนองเชิงบวก กระจุกตัวอยู่แค่ 14 จังหวัดภาคใต้ 58 เขตเลือกตั้ง ลำพังทุกวันนี้ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ปมกฎหมายกัญชา ปมแย่งชิง ส.ส. ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันอยู่แล้ว ยังจะเพิ่มพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ เข้ามาแย่งชิงเค้กก้อนเดียวกัน จะกลายเป็นชนวนศึกครั้งใหม่ของคนกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ในวันนี้เริ่มมีเสียงเล็ดลอดจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เลิกเกรงใจกับพรรคที่ดูด ส.ส.ไป พร้อมกับประกาศทวงคืน ส.ส.มาให้ได้ 

พล.อ.ประยุทธ์เลือกเส้นทางการเมืองได้แล้ว แนวรบนอกสภา ในสภา ต้องวางแผนต่อสู้เพื่อรักษาฐานอำนาจต่อไปอย่างรัดกุม ขณะเดียวกันอีกด้านก็ต้องไม่ผลักมิตรเป็นศัตรูให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน.    

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คดีฉ้อโกงพุ่งรายวัน จนท.รัฐอืด! เปิดหลุมเหลือบเรียกรับผลประโยชน์

หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลคือ “เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว

ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ

ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร

ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"

แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567