ฮือฮาไม่น้อยหลัง 2 บิ๊กสีกากี ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเด้งรับนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหลอกลวงข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัวหรือคดีคอลเซ็นเตอร์ (Call Center)
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีกรณีชาวต่างชาติเสียชีวิตเพราะยาเสพติดในสถานบันเทิง และกรณีสถานบริการ เปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ มีการตรวจค้น ขยายผลหาเส้นทางการเงิน และความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเพื่อหาหลักฐานนำผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดี
ที่น่าสนใจคือ ในการตรวจสอบครั้งนี้ ดันไปพัวพันถึงอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้กัน แม้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะระบุว่า ได้เข้าค้นอาคารของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรต้องไล่ทั้งเส้นทางการเงินและความเชื่อมโยงทั้งหมด เพื่อตอบคำถามของสังคมและ ผบ.ตร.ให้ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มทุนจีนกับอดีตรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า "ยังไม่พบความเชื่อมโยง พบเพียงแต่ว่ามีบริษัทที่ไปเกี่ยวข้อง ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ถ้ามีความเชื่อมโยงแล้วมีพยานหลักฐานก็ดำเนินคดีทั้งหมด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงถึงอดีตรัฐมนตรี ก็ไม่ละเว้น"
ข้อมูลเรื่องอดีตรัฐมนตรีที่ระบุว่ามีบริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นการเกี่ยวข้องในแง่ใด เพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยันชี้ชัด และดูแนวโน้มว่าอาจจะสาวไปไม่ถึง
แต่ก็เดากันว่าอดีตรัฐมนตรีผู้นั้นคงเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งภาพจำในอดีตก่อนที่จะเข้ามาเล่นการเมืองก็อยู่ในแวดวงธุรกิจกลางคืน เมื่อมาเล่นการเมืองก็มาอยู่พรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาล จากนั้นกลับมาอยู่กับรัฐบาล ก่อนที่จะก่อหวอด สร้างรัฐอิสระไม่เอานายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นที่น่าสังเกตว่าปฏิบัติการกวาดล้างดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีการปล่อยภาพ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ที่สนามบินกำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศดูไบ สอดรับกับกระแสข่าวการกลับพรรคเพื่อไทย ในฐานะของแรงหนุนให้เกิดดีลระหว่างพลังประชารัฐและเพื่อไทย โดยไม่เอา “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบว่าจุดหมายปลายทางของผู้กองฯ จะไปพบ ทักษิณ ชินวัตร นายเก่าหรือไม่ หลังจากที่เพิ่งไปพบว่าเมื่อกลางเดือนที่แล้ว หรือจริงๆ แล้วมีการสะกิดเตือนจาก “คนกันเอง” ให้ออกไปนอกประเทศก่อนที่จะเปิดปฏิบัติกวาดล้างคนข้างกาย
เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า ก่อนจะเข้าสู่การเมือง ย่อมต้อง เคลียร์คัท ตัวเองไม่ให้มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจใดๆ ส่วนคนข้างกาย หรือคนใกล้ชิด ถ้าจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็คงส่งผลกระทบในเรื่องของภาพ และความน่าเชื่อถือของเจ้าตัวเท่านั้น
มีการวิเคราะห์ว่า นี่อาจเป็นเพียงแค่ “คำเตือน” รอบหน้าอาจจะโดนเช็กบิลหนักกว่านี้หากไม่หยุด “เดินเกม” เชื่อม 2 พรรคเพื่อจับมือกันถีบหัว “ลุงตู่” และอาจถึงขั้นไม่ได้อยู่ในสมการการเมืองอีกต่อไป เพราะยังมีอีกหลายเรื่องร้องเรียนที่ค้างอยู่ใต้แฟ้ม เพียงแต่ว่าวันนี้ยังมีบารมี “ลุงรุ่นใหญ่” คุ้มอยู่
แต่ถึงอย่างไรก็อย่าเพิ่งประมาท ผู้กองฯ ซึ่งผ่านวิกฤตมาได้หลายรอบว่าจะสามารถพลิกเกมที่เพลี่ยงพล้ำนี้ไปได้หรือไม่
จากสรรพกำลังที่มี ส.ส.ในมุ้งอยู่อีก 12 คน ที่ไปฝากเลี้ยงไว้พรรคเพื่อไทย แม้จะมีกระแสข่าวว่าต้องควักกระสุนดินดำ 40 กิโลฯ ต่อหัว แต่ก็เป็นเพียงข่าว เพราะในความเป็นจริง “นายเก่า” ก็ดูแลอยู่ไม่น้อย
ไม่นับรวมความสัมพันธ์กับ “พี่ป้อม” ในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นกุนซือข้างกาย กระทำการวาดแผนที่การบริหารจัดการบุญคุณ ผลประโยชน์ รวมถึงเคาะโครงการต่างๆ ให้กับพื้นที่เป้าหมาย ด้วยกลไกขององค์กรระดับอำนวยการ
หรือแม้กระทั่งความผูกพันกับ “บิ๊กโจ๊ก” หัวขบวนที่ขึงขังกวาดล้างมาเฟียจีน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอาศัยหน้าห้องทำงานเป็นที่พักใจ เมื่อครั้งที่ถูก “บิ๊กตู่” พักงานใน ตร.มาก่อน
ที่สำคัญคือ “ข้อมูล” เบื้องลึก-เบื้องหลัง ของ 3 ป. ที่อยู่ในมือ ช่วงที่ความสัมพันธ์ยังหวานชื่น
ทำให้ศึกรุ่นพี่-รุ่นน้องเตรียมทหาร ในสนามการเมืองครั้งนี้ จึงดุเดือด-เลือดพล่าน เพราะเดิมพันด้วยการปิดฉากชีวิตทางการเมืองกันเลยทีเดียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คดีฉ้อโกงพุ่งรายวัน จนท.รัฐอืด! เปิดหลุมเหลือบเรียกรับผลประโยชน์
หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลคือ “เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ
ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร
'อังคณา' จี้นายกฯ ตอบปม สตม.ส่งนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชากลับประเทศ
นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"
แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567