ถอดรหัส "พปชร." หมด 'ลุงตู่' สู่ 'ลุงป้อม'

เมื่อสำรวจพรรคการเมืองอื่นๆ ในเวลานี้ เริ่มมีความชัดเจนที่จะผลักดันหัวหน้า และนอมินีของพรรคขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งอีก 5-6 เดือนข้างหน้า 

แตกต่างจาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำรัฐบาลในเวลานี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะชูใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ มีเพียงเสียงของ ส.ส.พปชร.ออกมาแสดงความเห็นเท่านั้น เพื่อให้ผู้มีอำนาจ 2 ป. แสดงความชัดเจนเสียที    

ล่าสุด นายรงค์ บัญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหาร พปชร.ออกมาชงมอตโตในการเลือกตั้งครั้งหน้า หมดลุงตู่สู่ลุงป้อม 

หลังประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังขายเป็นนายกฯ ได้อีก 2 ปี หรือถึงปี 2568   

จากนั้นก็ถึงเวลาหาม หัวหน้าป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รับไม้ต่อเวลาที่เหลืออีก 2 ปี ที่เชื่อว่าสามารถทำได้สบาย ดังเช่นเกือบ 40 วัน ที่ “บิ๊กตู่” ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ปม 8 ปี ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ส่วนประชาชนจะตอบรับหรือไม่ ก็คงต้องดูสถานการณ์ในเวลานั้น เพราะต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งเที่ยวหน้าคงเป็นการขับเคลื่อนระหว่างว่าคนไทยจะเอา ระบอบ 3 ป. หรือ ระบอบทักษิณ ที่ยังมีจุดยืนไม่ชัดเจนว่าจะจับมือกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ที่กำลังชูธงปฏิรูปต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112   

กลับมาที่ความเชื่อมั่นของ พปชร. โดยนายรงค์เป็น ส.ส.ใต้ และมีความใกล้ชิดกับ “บิ๊กป้อม” จึงอยากให้พี่น้อง 2 ป. เล่นการเมืองไปด้วยกัน เพราะมีส่วนผสมที่ลงตัวสามารถอุดช่องโหว่และจุดอ่อนของกันและกันได้

 โดยมีข้อเด่น เช่น ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นิด้าโพล ได้เปิดเผยผลสำรวจว่าคนใต้ต้องการให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 23.94 ทิ้งห่างอันดับ 2 อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาวนายใหญ่ทักษิณแบบขาดกระจุย 

ในวันเดียวกัน อีกสำนักคือ ซูเปอร์โพล ยังตอกย้ำระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองที่ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจ ปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ ด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง 82.0 ขณะที่ตัวแทนจากฝ่ายค้านไม่ติดอันดับ

ฉะนั้นจุดแข็งตรงนี้จึงทำให้ ส.ส.ใต้ และ ส.ส.พปชร.เล็งเห็นผลว่า จะได้คะแนนจากฝ่ายอนุรักษนิยมที่เกรงกลัวระบอบทักษิณ และต้องการหาคนที่มาต่อสู้กับพรรคการเมือง หรือกลุ่มมวลชน หรือผู้นำความคิด ซึ่งคิดไม่ดีกับสถาบันใช่หรือไม่   

นอกจากนี้ บิ๊กตู่ ยังมีจุดแข็งคือเป็นผู้นำรัฐบาล สามารถผลักดันงบประมาณ และนโยบายเชิงสวัสดิการ โครงการประชารัฐต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 20 ล้านคน    

 รวมถึงความมั่นใจว่าการเป็นประธานประชุมเอเปก และหากดำเนินการได้เป็นผลสำเร็จจะสร้างแต้มบวกให้รัฐบาล พร้อมโครงการเทกระจาดช่วงปีใหม่ อานิสงส์นี้จะส่งมาถึงคนสวมเสื้อ พปชร.อีกด้วย

ยิ่งทำงานควบคู่กับ ลุงป้อม ที่แม้จะไม่มีกระแสหรือแสงในตัวเอง แต่จะมีพลังบวกพลัส โดยเฉพาะอำนาจทางการเมือง และคอนเน็กชันที่ประสานงานภารกิจต่างๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ลุล่วงเป็นผลสำเร็จ   

พร้อมกระสุนดินดำ และอำนาจรัฐต่างๆ ที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งแบบที่มองเห็นและมองไม่เห็น ที่สำคัญยังมี ส.ว. 250 เสียง เป็นนั่งร้านสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ได้ในการเลือกครั้งหน้า 

แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่มีอำนาจเสริมตรงนี้ เว้นแต่จะต้องรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้เกิน 375 เสียง จากทั้งหมด 700 เสียง ถึงจะผ่าด่านหินนี้ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องยาก

ฉะนั้นการประคองกันเดินสู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้า ระหว่าง “พี่ป้อม” และ “น้องตู่” จึงเกิดประโยชน์มากกว่าแยกกันเดิน และเชื่อว่ายังสามารถดึง บรรดา ส.ส.พปชร.ที่มีกระแสไหลออกไปอยู่พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ให้กลับมาได้

สะท้อนความมั่นใจผ่าน กลุ่มสามมิตร นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้า พปชร. และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์ พปชร. ที่จมูกไวทางการเมือง และถือหลักการอยู่ฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ยังออกมาสร้างความชัดเจนว่าจะอยู่กับ พปชร.ต่อไปโดยไม่กลัวกระแสพรรคตกต่ำ เพราะเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถควบคุมสถานการณ์และทำงานได้

เช่นเดียวกับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการ พปชร. เจ้าของกลุ่มเมืองมะขามหวานเพชรบูรณ์ และ นายสุชาติ ชมกลิ่น หัวหน้าซุ้มมังกรน้ำเค็ม เมืองชลบุรี และนักการเมืองบ้านใหญ่ต่างๆ ก็ยังเชื่อมั่นพลังอำนาจร่วมกันของ พี่น้อง 2 ป.

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากทั้งคู่จะเดินไปต่อด้วยกันต้องรีบสร้างความชัดเจน ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปรับความเข้าใจ ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งของ 2 ป. และคนข้างกายที่ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน

เพราะหากปัญหายังยืดเยื้อไม่ยุติลง หลังประชุมเอเปกคงเห็น “พปชร.” เลือดไหลใหญ่ และรอวันแตกสลายในที่สุด

 เลือกตั้งเที่ยวหน้าอาจเห็น “ระบอบทักษิณ” และ “ระบอบธนาธร” เข้ามาครองบ้านครองเมือง!.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ

ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร

ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"

แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

'ไพบูลย์' เย้ยรัฐบาลไม่มีทางแก้รธน.ทั้งฉบับได้ทัน คาดอยู่ไม่ถึง 1 ปี

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จะตีความเป็นกฎหมายการเงิน

'พล.อ.วิชญ์' ชี้เป็นไปไม่ได้ 'สิระ' อ้างคนในบ้านป่าโทรเคลียร์ปม 'สามารถ' ถูกจับ

พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ ในฐานะคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ออกมาแฉว่า

ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา