ลุ้นศาล รธน.ชี้ชัด “กม.ลูก” ก่อนทำศึกเลือกตั้งเต็มสูบ

ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง ที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นำรายชื่อ ส.ส. ส.ว. จำนวน 106 คน ยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขอให้ส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น

บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองต่างตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบกับพรรคขนาดต่างๆ ทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ พรรคเกิดใหม่ หากศาลชี้ออกมาทางใดทางหนึ่ง ส.ส. พรรคการเมืองก็จะได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่เตรียมไว้

แต่ปัจจุบันศาลยังไม่วินิจฉัยจึงเกิดความคลุมเครือ จึงเห็นนักการเมืองออกมาวิงวอนขอให้ศาลชี้เรื่องนี้โดยเร็ว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเร่งไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นการกดดันศาล

ฉะนั้น พรรคการเมืองก็ได้แต่ขยับแบบเล็กๆ น้อยๆ เพราะอีกใจคิดว่าเกิดศาลวินิจฉัยสูตรหาร 100 ขัดรัฐธรรมนูญขึ้นมา งานจะงอกเอา ถ้าเป็นจริงตามที่คาดไว้ กูรูการเมืองบางฝ่ายประเมินถึงขนาดขั้นว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิเคราะห์วิจารณ์ว่าอาจได้เห็นการกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง!!

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของศาลรัฐธรรมนูญขณะนี้คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำชี้แจงเรื่องกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ถึงตุลาการศาลฯ เรียบร้อยแล้ว 

ด้วยประการนี้ หลายพรรคการเมืองจึงค่อยๆ เดิน มีพรรคเดียวที่ชัดเจนคือ “พรรคกล้า” ตัดสินใจย้ายบุคลากรไปรวมกับ “พรรคชาติพัฒนา” โดยปัจจุบันใช้ชื่อพรรคว่า “ชาติพัฒนากล้า

ส่วนพรรคอื่นๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ยังระวังหน้าระวังหลัง และมีเพียงข่าวลือว่าพรรคนั้นพรรคนี้จะรวมกัน เพื่อทำศึกสนามเลือกตั้งในคราวหน้าเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น “พรรค 3 ส.” สร้างอนาคตไทย ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย ว่ากันว่าเปิดโต๊ะดีลกันแล้ว แต่ยังดีลไม่ลงตัวว่าจะให้ใครเป็นคนนำ

ส่วนปีก กปปส.เก่า มีข่าวว่า พรรครวมพลัง ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะไปควบรวมกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้า และมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค  

แม้จะมีเสียงจากฝั่ง “รวมพลัง” ออกมาปฏิเสธก่อนหน้านี้ว่าไม่ไป แต่ก็ยังคงต้องจับตา เพราะการเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญ ศาลก็ยังไม่ได้วินิจฉัย ฉะนั้น ความชัดเจนก็ยังจะไม่ชัดเจนต่อไป

ขณะที่ พรรคไทยภักดี ที่มี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นหัวหน้าพรรค ยืนยันไม่รวมกับพรรคไหนไม่ว่าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเป็นสูตรหาร 100 หรือ 500 ล่าสุด นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.คมนาคม และแกนนำ กปปส.มานั่งประธานพรรคพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเต็มที่

สำหรับ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ที่ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมหนีบ ส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคไปบางส่วนเพื่อมาตั้งพรรคดังกล่าว ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัสทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค และเจริญรอยตาม “พรรคกล้า” ตรงที่ยังคงรักษาพรรคเก่าไว้

ส่วนตัวสมาชิกพรรค หรือ ส.ส. เข้าสำนวนว่า “บ้านแตก” กระจัดกระจาย บ้างว่ากลับบ้านเก่าพลังประชารัฐ บ้างว่าไปฝากตัวรับใช้ นายใหญ่ ที่พรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน “พรรคเล็กที่อยู่ในสภาชุดปัจจุบัน” ที่ผ่านมาซ่ามาก โดนครหาลงมติแต่ละครั้งมีราคาค่างวด กินกล้วย จุกๆ สุดท้ายกล้วยเป็นพิษ เจอวางบิล มีใบเสร็จว่ารับเงินจริงๆ งานนี้เลยต้องสงบปากสงบคำ แกล้งตาย เพราะไม่รู้ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ทั้งพรรคทั้งคนจะยังอยู่หรือไม่ หรือถ้ายังได้ไปต่อก็ไม่รู้ว่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเองไหม ว่าจะย้ายไปอยู่พรรคใด

พรรคสำคัญสุดท้าย “พลังประชารัฐ” สถานการณ์ง่อนแง่น ส.ส.พรรคโดดหนีตาย เล็งเข้าพรรคอื่นที่กระแสดีกว่า กระสุนเยอะกว่า เลือกตั้งรอบหน้าไม่รู้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค และทีมยุทธศาสตร์จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

ช่วงนี้แต่ละพรรคจึงรอลุ้นคำวินิจฉัยศาล รธน.ไปก่อน โดยเฉพาะพรรคเล็กยังหวังว่าสูตรหาร 100 จะขัด รธน.กลับไปใช้สูตรหาร 500 ส่วนพรรคขนาดกลาง ขนาดใหญ่ กำลังเดินหน้าสู้การเลือกตั้งแล้ว หากศาล รธน.มีความชัดเจนเมื่อไหร่ ทุกพรรคก็จะเดินหน้ากันเต็มสูบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?

มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล

เหลี่ยม"ทักษิณ"หาเสียงนายกอบจ. ก้ำกึ่ง สุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ทั้งสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพาดพิงคู่ปรับทางการเมืองอย่างดุเดือด

'คุมขังนอกเรือนจำ'ความหวังใหม่ ระบบยุติธรรมหรือประตูสู่ความลำเอียง

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบยุติธรรม โดยในปี 2568 กรมราชทัณฑ์จะเริ่มใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ

‘แม้ว’ห้าว!ผ่านสนาม อบจ. ท่าทีมั่นใจ‘ความปลอดภัย’

ห้าวทุกเวที! 4 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.หาเสียง

ก้าวต่อไป ‘รทสช.’ ปี 2568 ติดสปีดผลงาน-โกยคะแนน

ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ

การเมืองไทยปี 68 เข้มข้น-ขับเคี่ยว-ร้อนแรง ซักฟอกมี.ค.-ปรับครม.กลางปี

การเมืองไทยไม่ว่าปีไหนๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นได้ตลอด บางเรื่องเกิดขึ้นตามปฏิทินการเมือง แต่บางประเด็นเป็นความร้อนแรงที่แทรกขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน