'ประยุทธ์' ไปต่อหรือพอแล้ว? 120สส.ภท.ดับฝันแลนด์สไลด์ 'ทักษิณ'

โศกนาฏกรรมที่จังหวัดหนองบัวลำภูสร้างความเศร้าสลดใจแก่คนไทยและช็อกชาวโลก นับเป็นประเด็นซุกซ่อนอยู่ใต้พรมภายใต้การบริหารประเทศของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หลังครองอำนาจมา 8 ปี 

ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล และผู้อาสาตัวจะเข้ามารับใช้ประชาชนในอีก 5-7 เดือนข้างหน้า จะต้องสะสางสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน   

โดยเฉพาะ “พล.อ.ประยุทธ์” หลังกลับมาจากคำวินิจฉัยของศาลปม 8 ปี เป็นคนแรกต้องรับผิดชอบจากสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าบริหารประเทศล้มเหลว และมีผลพวงมาจากกองทัพ-ตำรวจ การปล่อยให้ครอบครองอาวุธ และปัญหายาเสพติด ซึ่งผู้นำประเทศจะต้องสร้างความกระจ่างว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่

จากนั้นค่อยไปเคลียร์เส้นทางการเมืองของตัวเอง ว่าจะขอโอกาสสานงานต่อไปให้เสร็จสิ้นหรือไม่ หลังพรรคการเมืองอื่นๆ แสดงความพร้อม เริ่มโชว์ตัวแคนดิเดตนายกฯ กันออกมาแล้ว ด้วยความสดใหม่ และมีอายุการใช้งานได้มากกว่า 4 ปี

ขณะที่ “บิ๊กตู่” เบื้องต้นมีข้อจำกัดเรื่องอายุงานเพียง 2 ปี หรือปี 2568 แถมไม่รู้ว่าหลังการประชุมเอเปกในเดือน พ.ย. จะประกาศ ผมพอแล้ว หรือจะไปต่อสูตรไหน ท่ามกลางกระแส 3 ป.แตก เลือกตั้งรอบหน้าจะยังกอดคอไปด้วยกัน หรือสร้างดาวคนละดวง

จะหันมาร่วมหัวจมท้ายกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ถูกขวาง สะท้อนผ่านนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ออกมาชงชื่อ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 พร้อมให้ ส.ว.250 คน ในปีสุดท้ายสนับสนุนเป็นนายกฯ พร้อมลดชั้น “บิ๊กตู่” เป็นรองนายกฯ หรือ รมว.กลาโหม และ รมว.มหาดไทย 

สอดคล้องกับ “บิ๊กป้อม” ก็อยากจะขึ้นตำแหน่งผู้นำประเทศสักครั้ง หลังโชว์ภาพรักษาราชการแทนนายกฯ ตลอด 38 วัน ด้วย ใจบันดาลแรง ใส่กางเกงยีนส์ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดต่างๆ และบริหารราชการแผ่นดินในสิ่งที่ "บิ๊กตู่" ไม่กล้าทำ อาทิ ต่อสายหานายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.แก้น้ำท่วม และอนุมัติงบกลางจำนวนมหาศาลสู่พื้นที่เป้าหมายทางการเมืองของ พปชร.

แตกต่างจากยุค “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่เหลียวแลนักการเมือง ค่าย พปชร.   

หรืออีกกรณี “บิ๊กตู่” จะเลือกไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ รอสแตนด์บาย เพราะมั่นใจว่ายังมีกระแสในฝ่ายอนุรักษนิยมและพื้นที่ภาคใต้ แต่ติดปัญหาใหญ่ อาจมีจำนวน ส.ส.ไม่ถึงเกณฑ์เสนอชื่อเป็นนายกฯ

ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่ต้องยอมรับความจริงว่า พี่น้อง 3 ป. แม้จะกัดฟันเดินไปด้วยกันหรือแยกกัน การที่จะได้เสียง ส.ส.จนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เหมือนปี 2562 มิใช่เรื่องง่าย

นอกจากกติการัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนไปจากบัตรใบเดียว เปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบ จะทำให้ได้ ส.ส.ลดลงหรือไม่ รวมทั้งกระแสความเบื่อหน่ายระบอบสืบทอดอำนาจ ที่ไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้ตามหวัง เช่น การศึกษา กระบวนการยุติธรรม และตำรวจ ทำให้กองเชียร์หลายคนเปลี่ยนใจและออกมาขับไล่อย่างทุกวันนี้

ยิ่ง พรรคเฉพาะกิจ อย่าง พปชร.ก็ใกล้หมดอายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่นักการเมืองและ ส.ส.ทยอยแยกตัวออกไปสร้างพรรคการเมืองของตัวเอง หรือย้ายพรรคใหม่ เพื่อหาโอกาสกลับมาเป็น ส.ส. เพราะทนพิษบาดแผล ความขัดแย้งในพรรคไม่ไหว 

อย่างเช่นกรณี 29 ส.ส. หนึ่งในนั้นมี 8 ส.ส. พปชร.เดินทางไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทยผ่านงานคล้ายวันเกิด 64 ปีของ ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ที่เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา 

ส.ส.พปชร.บางคนที่ย้ายมายอมรับว่าอยู่พรรคเก่าไม่ได้หลังถูกขาใหญ่สกัด หรือบางคนย้ายเป็นสารตั้งต้น รองรับ "บิ๊กดีล" กลุ่มการเมืองใหญ่ใน พปชร.เข้ามาสู่อ้อมกอดภูมิใจไทยอีกครั้ง หาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับบ้าน พปชร.ตามคำสั่ง "บิ๊กป้อม" ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่

นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ กลุ่มสามมิตร พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตัวเองและ ส.ส.พรรค พปชร.บางส่วน ไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดนายเนวินว่า งานดังกล่าว ส.ส.ต่างคนต่างไป และตนมองว่าถ้าไม่ได้คิดจะลงกับพรรคภูมิใจไทยก็คงไม่ไป แต่เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่จุดที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด เกิดจากผู้ใหญ่บางคนในพรรคที่ขาดการเอื้อเฟื้อช่วยเหลือ ส.ส. ที่จะช่วยให้เรามีแรงเล่นการเมืองได้ต่อ

นอกจากนี้ วันเกิดครูใหญ่ภูมิใจไทยยังสร้างความประหลาดใจเมื่อเห็น 2 ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ นพ ชีวานันท์ ส.ส.อยุธยา และนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พร้อมด้วย 7 งูเห่าเดิมพรรคเพื่อไทยรวมเป็น 9 คน มาเปิดตัวในงานดังกล่าวด้วย  

ตามข่าวแจ้งอีกว่า ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เส้นตาย สมัครสมาชิกพรรค 90 วันก่อนครบวาระสภา ส.ส.เพื่อไทยจะทยอยไหลมาอีกเพียบ เพราะอยากเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ดีกว่าตกเป็นฝ่ายค้าน และเป็นเบ๊ของ “นายใหญ่” ที่มอง ส.ส.เป็น...อยู่ในคอก หากเป็นเช่นนั้นจริงจะทำลายขวัญกำลังใจและลดทอนกำลังของพรรคเพื่อไทยได้อย่างมาก

"ครูใหญ่เมืองบุรีรัมย์" ตั้งเป้าพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.จำนวน 120 คน และเที่ยวหน้าพร้อมชูนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ

“ส.ส.เพื่อไทยแม้จะมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่จะได้ไม่เกิน 170 เสียง เพราะถูกตัดแต้มจากพรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย เป็นต้น แตกต่างจากการเลือกตั้งปี 2554 สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฐานเสียงยังเหนียวแน่น มีพลังแดงกลุ่มก้อนเดียว ยังไม่นับยุทธศาสตร์หาเสียง มุ่งพาทักษิณกลับบ้าน จะปลุกฝ่ายอนุรักษนิยมขึ้นมาต่อต้าน” 

“ขณะที่พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส.น้อยกว่าเดิม เพราะครั้งที่แล้วถูกเทคะแนนโดยพรรคไทยรักษาชาติ และครั้งนี้ประชาชนก็รู้ทันแล้วว่ามีแนวคิดหมิ่นเหม่ในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งระบบเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 ก็ไม่อำนวย ดังนั้นฝ่ายค้านวันนี้จึงมีโอกาสเป็นฝ่ายค้านซ้ำหลังเลือกตั้ง" แหล่งข่าวประเมินไว้

เป้าหมาย 120 เสียงของ “เนวิน” และพรรคภูมิใจไทย จึงถูกวิเคราะห์จะเป็นตัวละครหลักของขั้วอำนาจเก่าแทนที่ พปชร.ที่หมดกำลัง เพื่อดับฝันแลนด์สไลด์ จนทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 เสียง 

ส่วนตำแหน่ง “หัวหน้ารัฐบาล” ถึงตอนนั้น “บิ๊กตู่ หรือบิ๊กป้อม” หากยังมีจำนวน ส.ส.และ ส.ว.250 เสียงสนับสนุนเพียงพอ อาจจะต้องคุยเรื่องตำแหน่งนายกฯ กันอย่างละเอียดๆ หรือแลกเปลี่ยนกับโควตาทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ลงตัว  

หากทุกอย่างราบรื่นอาจจะเห็น “ลุงคนใดคนหนึ่ง” ทำหน้าที่ผู้นำประเทศอีก 1-2 ปี ก่อน 250 ส.ว.สิ้นอำนาจเลือกนายกฯ ในปี 2567 จากนั้นอาจถึงคิวนักเลือกตั้งสายพลเรือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ลุงป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่

'ลุงป้อม' สดใส เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่ ย้ำพระราชเสาวนีย์พระพันปีหลวง ปกป้องป่าให้ลูกหลาน ด้าน ผบ.เหล่าทัพ ทยอยอวยพร 3 ป. วานนี้

ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’

“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน

"อนุทิน" ขอบคุณ "เพื่อนเลิฟ" เป็นสะพานบุญ ปฏิบัติภารกิจ "หัวใจติดปีก" หลังบินด่วนร้อยเอ็ด ส่งทีมแพทย์ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ

หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย ทีมแพทย์ นำโดย นพ.พัชร อ่องจริต อาจารย์ศัลยแพทย์ หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย