เป้า 120 เก้าอี้ เนวิน-ภท. พลังดูดยังแรง-สกัดแลนด์สไลด์

พรรคภูมิใจไทย โดยการนำของอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมี เนวิน ชิดชอบ เป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ข้างหลัง ถูกจับตามองทางการเมืองว่า เลือกตั้งรอบหน้า ภูมิใจไทยอาจจะกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียง ส.ส.เป็นอันดับ 2 แทนพลังประชารัฐ หากถึงตอนเลือกตั้ง ภูมิใจไทยวางแผนการเลือกตั้งมาดี มีการอัดฉีดให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคแบบจัดเต็ม

หลังที่ผ่านมามีนักเลือกตั้งทั้งเกรดเอ เกรดบี ทยอยเข้าภูมิใจไทยต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบงูเห่า ที่คือกลุ่มที่ปัจจุบันเป็น ส.ส.ที่อยู่พรรคอื่น แต่ใจและกาย อยู่ที่ภูมิใจไทยนานแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้พบว่ากระจายอยู่ในหลายพรรคการเมือง ทั้งเพื่อไทย ก้าวไกล พลังประชารัฐ เศรษฐกิจไทย ประชาธิปัตย์ เศรษฐกิจไทย เป็นต้น 

รายชื่อล่าสุดที่ปรากฏออกมาว่าจะมี ส.ส.ย้ายพรรคไปภูมิใจไทยเกิดขึ้นระหว่างการจัดงานวันคล้ายวันเกิด ครบ 64 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 65 ของเนวิน ชิดชอบ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูมิใจไทย ที่จัดกัน 4 ตุลาคม ที่บุรีรัมย์

ข่าวที่เล็ดลอดออกมาก็คือช่วงงานดังกล่าว มี ส.ส.และนักการเมืองหลายคนมาร่วมอวยพรเนวิน โดยบางส่วนมาเป็นการส่วนตัว คือไปคุยกับเนวินไว้ก่อนเริ่มงาน โดยไม่ได้ไปปรากฏตัวในงานเลี้ยง แต่บางคนก็ปรากฏตัว โดยทั้งหมด ข่าวว่ามีการตอบรับและให้สัญญาใจกับภูมิใจไทยและเนวิน ไว้ จะมาร่วมงานกับพรรคเมื่อปี่กลองการเลือกตั้งมาถึง

ซึ่งพบว่าตามชื่อต่อไปนี้เป็นชื่อใหม่ที่ไม่เคยปรากฏข่าวมาก่อนว่าจะมาภูมิใจไทย อาทิ มณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท พลังประชารัฐ ที่หากมา เท่ากับแยกทางกันเดินกับ อนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.ชัยนาท แกนนำพลังประชารัฐเป็นที่เรียบร้อย โดยจะมาภูมิใจไทยพร้อมกับน้องสาว นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาภิวัฒน์ หลังก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่า ทั้งสองคนจะย้ายกลับชาติไทยพัฒนา นอกจากนี้ยังมีชื่อ ส.ส.พลังประชารัฐ จะย้ายมาภูมิใจไทยอีกหลายคน เช่น ปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม ประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี อนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ

 แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คือ กลุ่ม ส.ส.เพชรบุรี พลังประชารัฐ ที่เคยขึ้นอยู่กับเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก็ไม่แน่ อาจแยกตัวมาอยู่กับภูมิใจไทย เช่น กฤษณ์ แก้วอยู่ สุชาติ อุสาหะส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ รวมถึง สมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี ซึ่งเดิมทีมีข่าวว่า หากจะย้ายพรรคก็น่าจะย้ายไปสร้างอนาคตไทย เพราะมีความสนิทสนมกับสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะคนกาญจนบุรีด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ข่าวว่าสมเกียรติเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่แนบแน่นกับบิ๊กป้อม-พลเอกประวิตรค่อนข้างมาก จึงทำให้ไม่แน่ อาจเปลี่ยนใจอยู่กับพลังประชารัฐต่อ หากบิ๊กป้อมลงมาพูดคุยขอให้ไม่ย้ายพรรค นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อ สมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา รวมถึง น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ลูกสาว อิสสระ สมชัย นักการเมืองใหญ่เมืองอุบลฯ ที่ชัดแล้วว่า ย้ายมาภูมิใจไทยค่อนข้างแน่ 

ที่เซอร์ไพรส์อีกคน เพราะไม่เคยเป็นข่าวมาก่อนว่าจะมาภูมิใจไทย คือ นพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็น ส.ส.เพื่อไทย คนที่ 8 ที่จะย้ายมาภูมิใจไทย หลังตอนนี้มีงูเห่าอยู่เพื่อไทยแล้ว 7 คน และข่าวว่ายังจะมี ส.ส.เพื่อไทยอีกบางส่วน ก็กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะย้ายตามมาหลังจากนี้ ส่วนชื่ออื่นๆ ที่ไปปรากฏตัวในงาน หลายชื่อก็มีข่าวมาก่อนแล้วว่าจะไปภูมิใจไทย เช่น จากพรรคเศรษฐกิจไทยของธรรมนัส พรหมเผ่า ประกอบด้วย ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ เรียกได้ว่า ส.ส.พรรคธรรมนัสย้ายหนีเกือบหมดพรรค

เท่านี้ยังไม่พอ ข่าวว่าแกนนำภูมิใจไทยได้เดินสายทาบทาม ส.ส.ปัจจุบันจากพรรคการเมืองอื่น หรือผู้สมัครส.ส.เขตพรรคอื่น ที่สอบตกรอบที่แล้วแต่คะแนนดี มาอันดับ 2 ให้ย้ายมาภูมิใจไทย ภายใต้เงื่อนไขที่รู้แล้ว ยากต่อการปฏิเสธ ทำให้ข่าวว่าเซอร์ไพรส์ของภูมิใจไทยไม่หมดแค่นี้ รอให้ถึงใกล้เลือกตั้งอาจมีให้เห็นอีกหลายระลอก แม้แต่กับกรุงเทพมหานคร ข่าวว่ามีการส่งคนไปเจรจาทาบทาบ ส.ส.กทม.ทั้งของเพื่อไทยและพลังประชารัฐไว้หลายคนให้ย้ายมาอยู่ด้วย หลังพรรคได้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาเป็นหัวหน้าทีม กทม. แต่มีข่าวว่า ส.ส.กทม.บางคนที่ได้รับการทาบทามก็ยังลังเลใจ เพราะมองว่ากระแสภูมิใจไทยยังสู้พรรคที่อยู่เดิมหรือพรรคการเมืองอื่นที่เน้นเจาะพื้นที่ กทม.ไม่ได้ 

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดเลยไม่แปลกที่จะทำให้ภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อเนวิน ครูใหญ่ภูมิใจไทย ประกาศกลางงานวันเกิดว่าเลือกตั้งที่จะมีขึ้นขอให้คนในพรรคสู้ให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี บนเป้าหมายคือ ต้องได้ ส.ส. 120 เสียง

ครูใหญ่เนวินสั่งมาแบบนี้ มีหรือคนภูมิใจไทยจะไม่ฮึกเหิมสุดขีด โดยเป้าหมายของเนวินและภูมิใจไทย นอกเหนือจากต้องการทำให้พรรคได้ ส.ส.มากที่สุดเพื่อทำให้อนุทินมีสิทธิ์ลุ้นชิงนายกฯ แล้ว ก็ยังหวังจะสกัดแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ด้วย เพื่อทำให้พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบัน สามารถกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้งหลังเลือกตั้ง โดยมีภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำ

ทั้งนี้ หากตรวจแถว-เช็กลิสต์ รายชื่อ ส.ส.จากพรรคอื่นที่มีข้อตกลง-สัญญาใจจะย้ายมาภูมิใจไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า ปรากฏชื่อตามลิสต์ดังนี้

1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล 2.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 3.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ 4.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย ก้าวไกล 5.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล 6.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก เศรษฐกิจไทย (ศท.) 7.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร นครนายก พรรคเพื่อไทย 8.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ 9.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) 10.นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ

11.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 12.นายคารม พลพรกลาง บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 13.นางสาวนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ 14.นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย 15.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ16.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย 17.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ 18.นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ 19.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชารัฐ 20.นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย

21.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย 22.นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย 23.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเศรษฐกิจไทย 24.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น อุดรธานี ส.ส. พรรคเพื่อไทย 25.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเศรษฐกิจไทย 26.นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา 27.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 28.ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นต้น

ที่แน่นอนว่า พอมีชื่อปรากฏผ่านสื่อแบบนี้ หลายคนก็ต้องออกมาปฏิเสธทำนอง ไม่คิดย้ายพรรค หรือไม่ก็อาจบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ รอให้ถึงใกล้ช่วงเลือกตั้งก่อนค่อยตัดสินใจ เป็นต้น

 เข้าทำนอง อยู่ในช่วงการ "ต่อรอง-พิจารณา" เพื่อเลือกว่า จะอยู่พรรคเดิมหรือย้ายพรรค บนเงื่อนไขที่ตัวเองได้ประโยชน์ทางการเมืองมากที่สุดนั่นเอง