ครม.วันไร้ ‘บิ๊กตู่’ กุมบังเหียน มี ‘บิ๊กป้อม’ นัมเบอร์วัน

หลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยกรณีดำรงตำแหน่ง 8 ปี แต่ “บิ๊กตู่” ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามปกติ โดยมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ครบ 1 สัปดาห์พอดี โดย พล.อ.ประวิตรนำทัพบริหารราชการแผ่นดิน สั่งงานและนั่งหัวโต๊ะถกวงประชุมสำคัญๆ ต่างๆ แทน พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างราบรื่น

ทั้งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ในการพิจารณาคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ การโทรศัพท์สายตรงถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ

รวมถึงนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ อย่างเป็นทางการ 

โดยมีทีมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าสรุปข้อมูลวาระการประชุม ครม.ให้ก่อน ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด

สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางบรรดา ครม.จากค่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึง น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมคณะทำงาน ต่างเรียงแถวมาต้อนรับ พล.อ.ประวิตรกันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ การประชุม ครม.ผ่านไปได้ด้วยดี แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ขอปักหลักอยู่ที่ห้องทำงานกระทรวงกลาโหม ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทน ขณะที่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่หัวโต๊ะวงประชุม ครม.ได้เว้นว่างไว้

โดย พล.อ.ประวิตรเลือกนั่งประจำเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีที่เดิม ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวามือของเก้าอี้นายกฯ เพื่อเป็นการให้เกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เพียงหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ยังต้องรอคำวินิจฉัยของศาลชี้ขาดอีกครั้ง ส่วนทางด้านซ้ายมือมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นั่งประจำที่เดิมเช่นกัน นอกจากนี้ในส่วนของเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทางทำเนียบฯ ต้องเตรียมเพิ่มเติมอีก 1 เก้าอี้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ปรากฏว่าไม่ได้มีการจัดเตรียมไว้เช่นกัน เนื่องจากได้รับแจ้งล่วงหน้าแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เดินทางมา

สำหรับบรรยากาศในห้องประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมประเดิมสั่งการในที่ประชุมเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ทุกหน่วยงานรับมือฤดูฝน สั่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ให้กระทรวงการคลังไปดูเรื่องการแยกสถานะลูกหนี้ เป็นต้น ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ที่เข้าร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้มีการพูดหรือข้อเสนอแนะอะไรในที่ประชุม ครม.เลย เนื่องจากส่วนของกระทรวงกลาโหม ตามหน้าที่ความรับผิดชอบในขณะนี้ไม่ได้มีวาระใดเสนอในที่ประชุม ครม.

ขณะที่ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป. ยังส่งกำลังใจให้กันดี โดย พล.อ.ประยุทธ์เองยืนยันแล้วว่ามีกำลังใจดี ในขณะที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ยืนยันอีกเสียงว่า พล.อ.ประยุทธ์นั้นโอเค มีกำลังใจ ส่วน พล.อ.ประวิตรให้เกียรติน้องชาย เว้นที่นั่งนายกรัฐมนตรีไว้ และไม่ใช้ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องอำนาจหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตรนั้น ล่าสุดมีคำสั่งชัดเจนเรื่องอำนาจหน้าที่ของรักษาราชการแทนนายกฯ โดย พล.อ.ประวิตรได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 215/2565 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง

โดยคำสั่งระบุว่า 1.ให้ พล.อ.ประวิตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี 2.กรณี พล.อ.ประวิตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ 3.ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนตามข้อ 1 (พล.อ.ประวิตร) มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือองค์กรใด ทั้งนี้ ในกรณีผู้รักษาราชการแทนตามข้อ 2 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากรองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีตามข้อ 1 ก่อน

และ 4.ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หากผู้รักษาราชการแทนตาม 1 หรือ 2 แล้วแต่กรณี ต้องเข้าร่วมประชุมในคณะกรรมการใดซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และผู้รักษาราชการแทนเป็นรองประธานกรรมการหรือกรรมการร่วมอยู่ด้วย ให้ผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการเพียงตำแหน่งเดียว

จากนี้คงต้องจับตาการขับเคลื่อนรัฐบาลที่มี “พี่ใหญ่” ของ 3 ป. อย่าง พล.อ.ประวิตร นำทัพในห้วงเวลานี้จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ

ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร

ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"

แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่