ภท.ถอนหนวดเสือ ปชป. “สมรภูมิปักษ์ใต้” ร้อนระอุ

อุณหภูมิการเมืองฝั่งทะเลอันดามันและภาคใต้ร้อนฉ่าขึ้นทันที หลังพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยกทัพใหญ่นำโดย "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่เปิดตัว ส.ส.กระบี่และพังงา เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา หวังถอนหนวดเสือจากเจ้าถิ่นพรรคประชาธิปัตย์

 พร้อมประกาศแลนด์สไลด์ฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล  

  โดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ประกาศว่า เราจะแลนด์สไลด์ด้วยผลงาน หลังประชาชนให้โอกาสพรรคเก่ามา 30 ปี เขาไม่มีความคาดหวังกับพรรคการเมืองเดิมเลยไม่มีผลงาน ได้ฟังแต่นิทาน

"ในส่วนของฝั่งอันดามัน เราตั้งเป้าไว้ 11 ที่นั่ง คือ กระบี่ 3 คน ระนอง 1 คน พังงา 2 คน ภูเก็ต 2 คน สตูล 2 คน ตรัง 1 คน” นายสฤษฏ์พงษ์กล่าว

แต่ถูก นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โต้กลับ ขอให้ระวังสึนามิไว้บ้าง เพราะเมื่อสึนามิมากวาดหมด และสึนามิทางการเมืองเคยเกิดขึ้นทางภาคใต้หลายครั้งแล้ว 

"ตลอด 30 ปีที่ผมเป็นนักการเมือง เห็นพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นเยอะ แต่ขณะนี้พรรคการเมืองเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว จึงขอย้ำเตือนให้ระวังสึนามิทางการเมืองไว้ด้วย" รองหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุ

ความดุเดือดที่ตอบโต้กันทั้ง 2 ฝ่ายจนเกิดวาทะเด็ด ราชสีห์กับสุนัข เพื่อเกทับบลัฟแหลก หวังแย่งชิงความนิยมจากชาวใต้ ก่อนที่จะไปแข่งขันจริง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่เหลือประมาณ 6-7 เดือน  

ในยามนี้ที่สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หมดยุค ส่งเสาไฟฟ้าลงสนาม หลังพรรค ปชป.ได้รับบทเรียนจากการเลือกตั้งในปี 62 พื้นที่ดังกล่าวถูกเฉลี่ยไปให้แก่ 5 พรรค ประกอบด้วย พรรค ปชป.ได้เพียง 22 ที่นั่ง จากทั้งหมด 50 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐ 13 ที่นั่ง เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมในขณะนั้น พรรคภูมิใจไทย 8 ที่นั่ง พรรคประชาชาติ 6 ที่นั่ง พรรครวมพลัง หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (ชื่อเดิม) ได้เพียง 1 ที่นั่ง 

ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ กกต.จะเพิ่มพื้นที่เป็น 58 ที่นั่ง จึงเป็นเป้าหมายที่หลายพรรคจะยึดครองให้ได้ โดยพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคเจ้าถิ่น มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น หลังจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ภาคใต้ 35-40 ที่นั่ง เพราะเชื่อมั่นในผลงานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องราคาปาล์ม ประกอบกับ กระแส พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชาชนตกต่ำลง รวมทั้งผลการเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งที่ผ่านมาที่ จ.สงขลาและชุมพร พรรคก็ได้รับชัยชนะ จึงทำเกิดความฮึกเหิม เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่กลับคืนมา    

แต่อีกด้านหนึ่งก็ถูกท้าทายด้วยพรรคภูมิใจไทย ที่นอกจากจะได้ตัวผู้สมัครที่เป็นบ้านใหญ่ และอดีตนักการเมืองที่มีชื่อมีชั้นแล้ว รวมทั้งกระแสกระสุนดินดำไม่อั้น ยังชัดเจนด้วยนโยบายที่ทำสำเร็จ และโครงการต่างๆ ลงไปพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องในช่วงเป็นรัฐบาล 3 ปีเศษ อย่างเช่น การก่อสร้างถนน 4 เลน และสะพานข้ามเกาะลันตา โรงพยาบาลต่างๆ พร้อมสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว เช่น จังหวัดพัทลุงโตถึง 400% ดังที่ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะแม่ทัพภาคใต้ออกมาตั้งเป้าว่า 

"ดิฉันมักน้อย ขอแค่ 20 บวกพอ ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ถ้าหากพี่น้องให้โอกาสพวกเรา จะทำให้ดู และทำให้ภาคใต้มีรายได้ให้ประชาชนอย่างมหาศาล และที่ผ่านมาเราไม่ได้ทำแบบขาดๆ หายๆ" นางนาทีตอบคำถามหลัง ปชป.ประกาศกวาด 40 ที่นั่ง 

ขณะที่ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงศึกเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ หลังประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ลุยเปิดเวทีปราศรัย แนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.ว่า ชั่วโมงนี้พรรคเพื่อไทยไม่มองภาคใต้เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไรชื่อของพรรคเพื่อไทยเจาะภาคนี้ไม่สำเร็จ 

สำหรับพรรคที่ดูแล้วมีความพร้อม มีภาษีดีกว่าเพื่อนคือ พรรคภูมิใจไทย ให้ดูจากการไหลเข้ามาของนักการเมือง ถ้าพรรคบ๋อแบ๋ คงไม่มีใครอยากเข้ามาร่วมงานด้วย ผิดกับพรรคที่ดูแล้วมีอนาคต คนก็พร้อมเข้ามาทำงาน เอาตรงนี้ 

มาดูพรรคประชาธิปัตย์ จะเห็นว่ามีแต่ไหลออก แล้วตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ส่วนที่ไหลเข้ามายังสู้เขาลำบาก พรรคประชาธิปัตย์เหมือนพรรคตะวันยอแสง คือ พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว มีแสงริบหรี่ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปพูดถึง ศึกภายในมันเยอะ ฟื้นตัวลำบาก แล้วที่ประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคพูดว่า จะเอามา 52 เสียง เขาไม่ได้มองว่าจะไปเอากับภูมิใจไทย แต่เขาจะเก็บจากพื้นที่ของพลังประชารัฐนี่เอง

  ถือเป็นเพียงระฆังยกแรกเท่านั้น และมั่นใจว่าเมื่อใกล้เลือกตั้งเข้ามาจริงๆ ไม่เพียงแค่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ยังมีพรรคอื่นๆ สอดแทรกเสนอตัวเป็นทางเลือก ส่วนสุดท้ายพรรคไหนจะสมหวังหรือพลาดหวังเป้า ชาวปักษ์ใต้จะเป็นผู้ให้คำตอบ.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

'อนุทิน' เช็กสัญญาณ ครม.อิ๊งค์ ปมศาลรธน.นัดถกรับ-ไม่รับคำร้อง คดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง

ที่ด่านพรมแดนบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย