กกต.-ผู้ตรวจการฯ จ่อชงศาลฯ ชี้ชะตาวาระ 8 ปีนายกฯ

การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงนี้ เนื่องจากในวันที่ 23 ส.ค.2565 จะครบ 8 ปีของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี มีหลายฝ่ายเริ่มเขย่าเก้าอี้นายกฯ

ตั้งแต่ฝ่ายค้าน ไปจนถึงนักร้องอิสระอย่าง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่เคยมีผลงานในการยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องลงจากตำแหน่ง เพราะในมาตรา 158 วรรคสี่ ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่" ปัญหาที่ตามคือ การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์จะเริ่มนับ 8 ปีตอนไหน เพราะเจ้าตัวได้ดำรงตำแหน่งวาระแรกเมื่อปี 2557 ซึ่งมาจากการรัฐประหาร จึงเป็นปัญหาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตีความเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ทางนายศรีสุวรรณได้ยื่นต่อองค์กรอิสระ 2 องค์กรคือ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ครบ 8 ปี และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ. ประยุทธ์ยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยด้วย

ส่วนฝั่งพรรคฝ่ายค้านนัดดีเดย์วันที่ 17 ส.ค. เตรียมเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยกรณีเดียวกัน โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า ต้องการยื่นในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด ตอนนี้ข้อตกลงกันแล้วว่าจะเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภา เพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก่อน พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 ประมาณ 1 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม เรื่องกรอบเวลา 8 ปีดังกล่าวมีข้อถกเถียงอยู่ 3 แนวทาง 3 กรอบเวลา คือแนวทางแรก ต้องนับตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ครั้งแรก 24 ส.ค.2557 ครบ 8 ปี วันที่ 23 ส.ค.2565 กรอบเวลาที่ 2 คือครบกำหนด 5 เม.ย.2568 หรือ 8 ปีนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เมื่อ 6 เม.ย.2560 และกรอบที่ 3 วันที่ 8 มิ.ย.2570 ครบ 8 ปีนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 หลังการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2562

เมื่อเปิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง วรรคสอง ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ บทเฉพาะกาล มาตรา 264 ระบุว่า ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

และคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 2560 ในส่วนของมาตรา 158 (ปรากฏในหน้า 275) ระบุว่า การกำหนดระยะเวลา 8 ปีก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้

ส่วนท่าทีขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยว่า เมื่อสำนักงาน กกต.ได้รับเรื่อง ก็จะประมวลความเห็นเพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.ว่ามีเหตุสิ้นสุดลงของความเป็นนายกฯ หรือไม่ หากเห็นว่ามีเหตุดังกล่าว ก็จะจัดทำคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ต่อไป ทราบจากข่าวว่า ส.ส.จะเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน

สำหรับผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า มีคำสั่งรับคำร้องของนายศรีสุวรรณไว้พิจารณาแล้ว ส่วนกระบวนการต่อไปสำนักงานได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายและคดี   พิจารณาเนื้อหาว่านายกรัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อไหร่ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า หากพ้นวันที่ 23 ส.ค. 2565 ไปแล้วจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาว่ากฎหมายมีช่องทางให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจในการส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากมีช่องทางให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ จะต้องมาพิจารณาในสาระสำคัญ ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งเกินวันที่ 23 ส.ค.นี้ จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะต้องดูเนื้อหาสาระตามคำร้อง

หากมีข้อเท็จจริงที่ต้องแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมก็จะทำหนังสือไปสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ คาดว่าอาจจะไม่ทันการประชุมของผู้ตรวจการแผ่นดินในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีการประชุมในวันอังคารที่ 9 ส.ค. แต่หากฝ่ายกฎหมายได้ข้อสรุปมีความชัดเจนแล้ว  คณะกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินก็สามารถนัดประชุมได้ทันทีเพื่อวินิจฉัย

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนไม่วิตกกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด ยิ่งถ้าฟังจากการให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวระบุสั้นๆ ว่า "ให้ไปถามศาลรัฐธรรมนูญโน่น จะต้องกังวลอะไรเล่า" รวมไปถึงบทสัมภาษณ์ของสุดยอดกุนซือด้านกฎหมายของประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย แนะนำว่า เรื่องนายกรัฐมนตรี ประชาชนต้องไปยื่นร้องผ่าน กกต. ซึ่งเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะมาตรา 170 วรรคท้ายบอกว่าให้ กกต.มีอำนาจดำเนินการเรื่องนี้ หากฝ่ายค้านต้องการยื่น ควรต้องไปยื่นต่อ กกต. ถึงขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องและประกาศว่าจะยื่นคำร้องเพื่อตีความสถานะของนายกรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 กลุ่ม

ถ้าให้ฟันธงประเด็นร้อนเรื่องนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรอดหรือไม่รอดร้อยเปอร์เซ็นต์ คงเป็นเรื่องยาก และก็สามารถตีความให้ออกได้ทุกประตู แต่จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงการชี้ช่องทางท้าทายของนายวิษณุ  แล้ว เรียกว่าไม่มีความกังวลต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด ท่ามกลางข่าวลือสารพัดว่า ตุลาการ 9 เสียงให้น้ำหนักไปทางไหน

ทั้งนี้ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะออกผลวินิจฉัยเป็นอย่างไรก็ตาม จะต้องมีกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ทั้งฝั่งกองเชียร์ และกองแช่ง และสิ่งที่ต้องติดตามอย่างยิ่งคือ ดุลยพินิจของตุลาการ เพื่อประกอบเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายสำหรับไว้ใช้ในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลชงนิรโทษฯ 112 แบบมีเงื่อนไข ห้ามทำผิดซ้ำ 3-5 ปี แมตช์วัดใจ พท.-ทักษิณ

เดิมที ศุกร์ที่ผ่านมา 26 ก.ค. คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน

“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?

“เปิดต้อนรับนักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากันของแวดวงคนใจนักเลง”

“อนุทิน-ภท.” “พยัคฆ์ติดปีก”

กรณีสถานการณ์ “กัญชา” พลิกจากเดิมที่จะถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด หักนโยบายพรรคภูมิใจไทยสร้างมา เป็นการออก พ.ร.บ. เพื่อใช้เฉพาะทางการแพทย์ วิจัย เศรษฐกิจเท่านั้น

ผลโหวตวุฒิสภาชุด13 ‘มงคล’ปธ.หัวใจสีเหลือง

ผ่านพ้นจนได้ สำหรับการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 2 ตำแหน่ง แม้จะมีเรื่องขรุขระต้องนับคะแนนใหม่อีกรอบหนึ่ง ในการเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เนื่องจากมีคะแนนเกินมา 1 แต้ม

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร