ผ่านไปแล้ว โรดโชว์ "พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย" ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จัดขึ้นเป็นเวทีแรกที่ จ.ชลบุรี โดยมี เสี่ยเฮ้ง-นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและผู้อำนวยการพรรค ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ส.ส.เขต 1 ชลบุรี เป็นแม่งาน
ในฐานะเจ้าถิ่น เสี่ยเฮ้ง ทุ่มสรรพกำลังเต็มอัตราศึก ระดมมวลชนเข้ามาต้อนรับ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรีเรือนหมื่น
รูปแบบการจัดงานค่อนข้างอลังการเหมือนเวทีปราศรัยใหญ่ ส่วนหนึ่งต้องการแสดงให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่หลายคนมองว่าอยู่ในช่วง "ขาลง" ยังคงมีคนให้การสนับสนุน
และอีกส่วนหนึ่งต้องการเกทับพรรคเพื่อไทย ที่จัดแคมเปญ ครอบครัวเพื่อไทย นำโดย อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว ตะลอนทัวร์อีสานในช่วงที่ผ่านมา
ในงานโรดโชว์ "เสี่ยเฮ้ง" ยังโชว์ความเป็นแกนนำภาคกลาง โซนตะวันออก ด้วยการขน ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในมุ้งมาเปิดตัวแสดงพลังด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และฉะเชิงเทรา
ขณะที่บ้านใหญ่ชลบุรีของ เสี่ยแป๊ะ-นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา คู่ขัดแย้งของ "เสี่ยเฮ้ง" งานนี้ไม่ได้มาปรากฏตัว รวมถึง นายกเบียร์-นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยาคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐด้วย
แต่มี เสี่ยติ๊ก-นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ผู้เป็นน้องชาย ได้เดินทางมารอต้อนรับ "บิ๊กป้อม" และขึ้นเวทีปราศรัยเหมือนกับ ส.ส.ชลบุรี และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ร่วมคณะมา
ทั้ง "บิ๊กป้อม" หัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังและเลขาธิการพรรค และ "เสี่ยเฮ้ง" ผู้อำนวยการพรรค ต่างประกาศว่าการเลือกตั้งคราวหน้า 10 เขตเลือกตั้งของ จ.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐจะโชว์ แลนด์สไลด์ ให้ดู
โดยในการเลือกตั้งครั้งก่อน จ.ชลบุรี มี 8 เขตเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐเก็บมาได้ 5 ที่นั่ง ได้แก่ นายสุชาติ เขต 1, ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง เขต 2, นายรณเทพ อนุวัฒน์ เขต 3, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เขต 4 และนายสะถิระ เผือกประพันธุ์ เขต 8 ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย และมีข่าวว่าจะลมพัดหวน นอกจากนี้ยังมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์
จ.ชลบุรี ถือเป็นจังหวัดเดียวที่มีรัฐมนตรี 2 คน คือ นายอิทธิพล และนายสุชาติ โดยกรณีของนายอิทธิพล เป็นโควตาของบ้านใหญ่ชลบุรีที่ตัดสินใจย้ายจากพรรคพลังชลมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐเป็นกลุ่มแรกๆ ส่วนนายสุชาติ มาในโควตาภาคกลางและตะวันออกซึ่งได้มาตอนหลัง
สำหรับแผนการแลนด์สไลด์ จ.ชลบุรี ที่มี ส.ส.มากที่สุดในภาคตะวันออก ยกจังหวัด 10 ที่นั่ง แม้มีความเป็นไปได้ แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่พรรคพลังประชารัฐต้องแก้ให้ตกเสียก่อน โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่าง เสี่ยแป๊ะ กับ เสี่ยเฮ้ง
ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวออกมาตลอดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า บ้านใหญ่ชลบุรีอาจไม่ได้อยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ทำให้แผนการนี้ยากขึ้นเพราะ ส.ส.และอดีต ส.ส.หลายคนมีความผูกพันกับ "เสี่ยแป๊ะ"
และยังไม่อาจกล่าวได้ว่า ส.ส.ชลบุรีที่มาร่วมงานโรดโชว์ทั้งหมดเลือกข้าง "เสี่ยเฮ้ง" หากแต่มาในฐานะ ส.ส.ของพรรคและต้อนรับหัวหน้าพรรค
แม้ที่ผ่านมาจะมีการปล่อยสูตร คนละครึ่งชลบุรี แต่มันเป็นเพียงการหาทางออกแบบประนีประนอมเท่านั้น และพรรคพลังประชารัฐคงไม่ได้พอใจตัวเลขนั้น
อยู่ที่ผู้ใหญ่จะเคลียร์ 2 เสืออย่างไรให้อยู่ถ้ำเดียวกันให้ได้
ขณะที่อีกจังหวัดหนึ่ง ที่นายสันติพูดว่าจะแลนด์สไลด์ คือ จ.เพชรบูรณ์ ครั้งก่อนบ้านใหญ่เมืองมะขามหวาน สามารถยกจังหวัดมาให้พรรคพลังประชารัฐได้ 5 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 1 ที่นั่ง
ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายสันติค่อนข้างแข็ง นักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติเป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่น ไม่มีปัญหาความขัดแย้งหรือเลือดทะลัก โอกาสที่จะทำได้อีกจึงเป็นไปได้ เพราะกระสุนดินดำค่อนข้างถึง
จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสที่ดำดิ่ง คือ ส.ส.แบบแบ่งเขต หลายพื้นที่ประชาชนเลือก "คน" ไม่ได้เลือก "พรรค" ยังพอจะสามารถขอความเห็นใจกันได้
โดยเฉพาะบรรดาบ้านใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ หากคิดจะฝ่าดงกระแสพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเข้าวิน จำเป็นต้องรักษาบ้านใหญ่เหล่านี้ให้ยังอยู่กับพรรคให้ได้
ส่วนคะแนนพรรคเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหิน เพราะกระแสไม่สู้ดีเลย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีกระแสข่าวออกมาเหมือนกันว่า องคาพยพของ 3 ป.บางส่วนกำลังเดินยุทธศาสตร์เดียวกับพรรคเพื่อไทย หลังที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 นั่นคือ แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ยี่สิบ ห้าสิบ หนึ่งร้อย เพื่อเก็บ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
ก่อนหน้านี้มีการไปตั้งพรรครอเอาไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคไทยสร้างสรรค์, พรรคพลัง ขณะที่ของเดิมที่เป็นพันธมิตรกัน ได้แก่ พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือแม้แต่ พรรคไทยภักดี, พรรคกล้า, พรรคสร้างอนาคตไทย ที่ยังจูนกันได้ ไม่เว้นแม้แต่พรรคไทยสร้างไทยของ เจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่กำลังเจออดีตเจ้านายเก่ากดดัน
หากพรรคพลังประชารัฐ ต้องการสร้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องได้ ส.ส.เท่าเดิม หรืออย่างน้อยต้องมากกว่าพรรคอื่นๆ ในซีกเดียวกัน
แต่ก่อนอื่นคือ ต้องรักษาบ้านใหญ่ และดึง ส.ส.ที่ปันใจไปแล้วให้กลับมาเพื่อกวาด ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' ท้าร้ฐบาล อยากมีเรื่อง! รีบเจรจา MOU 44 - ตั้ง ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ให้เร็ว
'จตุพร' เชื่อปม MOU 44 เป็นชนวนจัดการรัฐบาลที่คิดล้มประเทศ ลั่นนายกฯพูดเธอกับฉับตกลงกันไม่ได้ ต้องแบ่งประโยชน์ ส่อเจตนามุ่งหาแต่ประโยชน์ไม่คิดเจรจาเขตแดนก่อนชัดเจน ท้าอยากมีเรื่องรีบเจรจากัมพูชา และตั้ง ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติให้เร็ว เชื่อคนจะลงถนนแน่ ฟาด ปปช.-กกต.อย่ามัวแต่รำมวยเอาแต่ปากกล้า รีบทำหน้าที่ตรวจสอบคำร้องให้ยุติโดยเร็ว
ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"
แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ