ผ่านมากว่าสัปดาห์แล้วที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม งดจ้อประเด็นทางการเมืองและพยายามเลี่ยงตอบสื่อมวลชนในเรื่องการเมือง รวมถึงล่าสุดที่ไม่ได้มอบหมายโฆษกรัฐบาลตอบคำถามที่สื่อมวลชนส่งไปให้ล่วงหน้าเหมือนทุกครั้ง ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ พล.อ.ประยุทธ์จะเน้นให้สัมภาษณ์เฉพาะเรื่องเนื้องานและผลการประชุมต่างๆ เท่านั้น
ซึ่งนี่อาจเป็นการปรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงนี้ หลังจากที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหลายครั้งที่คำพูดจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ มักถูกนำไปจับเป็นประเด็นมาโจมตีในโลกโซเชียล รวมถึงมีการนำไปเปรียบเทียบเรื่องการทำงานกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
และยังมีกระแสจากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพลก่อนหน้านี้ ที่ถามถึงบุคคลที่ประชาชนอยากสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพบว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มาเป็นอันดับ 1 แซงหน้า พล.อ.ประยุทธ์ เพราะประชาชนอยากสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร และยังเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อีกด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เองอยู่ในอันดับที่ 4 มีจุดแข็งที่ประชาชนชื่นชอบคือ เป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง อย่างเช่นโครงการคนละครึ่ง ที่ประชาชนได้ใช้ได้จับเม็ดเงินจริงๆ เป็นต้น
และไม่ว่าด้วยหลายปัจจัยต่างๆ นานา ที่ประดังประเดเข้ามาในช่วงนี้ ที่อาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องปรับท่าทีหรือปรับกลยุทธ์ก็ตาม แต่ด้านการทำงานเจ้าตัวยังพร้อมลุยหนักเช่นเดิม และจะหนักมากยิ่งขึ้นในการลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ช่วงนี้เห็นภาพนายกรัฐมนตรีเดินสายตรวจราชการถี่ยิบ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในด้านต่างๆ โครงการสำคัญที่รัฐบาลได้ดำเนินการ และเทงบประมาณลงไปสู่ประชาชนในระดับพื้นที่ ที่สมควรจะต้องผลิดอกออกผลให้เห็นในเร็ววันก่อนรัฐบาลจะครบวาระ
หลังจากที่ผ่านมาประเทศไทยต้องประสบทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ค่าครองชีพ และถูกซ้ำด้วยปัญหาสถานการณ์โลก ที่ส่งผลด้านพลังงาน ราคาน้ำมัน ที่กำลังวิกฤตขึ้นทุกที ซึ่งต้องยอมรับว่ารัฐบาลบอบช้ำพอสมควรจากหลายสถานการณ์ที่ถาโถมเข้ามาให้ต้องแก้
และสำหรับการเดินสายของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อเนื่องมากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นมาเริ่มลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ต่อด้วยจังหวัดสกลนคร จังหวัดเชียงใหม่ และล่าสุดลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ มีกำหนดการตรวจเยี่ยมการบริหารงานกล้วยไข่แปลงใหญ่ ณ บ้านท้องคุ้ง หมู่ 7 ตำบลพุทรา อำเภอคลองขลุง ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานการขจัดความยากจน และพัฒนาทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ดูการบริหารจัดการน้ำ การจัดหาแหล่งน้ำ และการเพิ่มพื้นที่ชลประทานของจังหวัดกำแพงเพชร ณ ฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) และตรวจเยี่ยมกลุ่มปลูกข้าว GAP ขาณุวรลักษบุรีโมเดล ณ หมู่ 2 ตำบลแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษบุรี พร้อมพบปะชาวกำแพงเพชรและกลุ่มเกษตรกร แต่ในเวทีนี้อาจไม่มี ส.ส.ในพื้นที่มาต้อนรับกันคึกคักเหมือนทุกครั้ง เนื่องจากอยู่ในช่วงการประชุมสภาพอดี
และหลังจากจบทริปกำแพงเพชรแล้ว จะเข้าสู่ช่วงรับมือศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อผ่านช่วงดังกล่าวไปแล้ว มีรายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์มีแพลนจะลงพื้นที่ต่างจังหวัดถี่ขึ้นกว่าเดิมเพื่อไปพบปะประชาชนให้ทั่วถึง ให้มากที่สุดในทุกจังหวัด ตามที่เคยดำริไว้ โดยรูปแบบหลังจากนี้รัฐบาลจะจัดเป็น press tour ต่อเนื่อง มีกระทรวงต่างๆ ผลัดเปลี่ยนเป็นเจ้าภาพพาตัวแทนสื่อมวลชนจากสถานีโทรทัศน์ช่องหลักและหนังสือพิมพ์ลงพื้นที่ไปด้วย เพื่อดูงานความคืบหน้าด้านต่างๆ ของรัฐบาลและจังหวัด 1 วัน และติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรีอีก 1 วัน
จากนี้ไปคงต้องจับตาการเดินสายของ “บิ๊กตู่” จะช่วยกู้สถานการณ์ของรัฐบาลได้หรือไม่ และจะสามารถเก็บแต้มโกยคะแนนจากชาวบ้านได้มากพอสำหรับปูทางไปสู่สนามการเมืองครั้งหน้าหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อังคณา' จี้นายกฯ ตอบปม สตม.ส่งนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชากลับประเทศ
นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"
แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567
ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา