ผ่านร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฯ กลางเสียงค้าน "เอื้อบิ๊กสีกากี"

หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาใช้เวลาในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นร่างกฎหมายที่ต้องออกมาตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ โดยใช้เวลาการประชุมถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ 9 มิถุนายน ในที่สุดร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติก็ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาในการพิจารณาวาระ 2 เรียงรายมาตราและวาระ 3 ขั้นเห็นชอบไปเมื่อวันอังคารที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา และขั้นตอนหลังจากนี้ก็อยู่ในขั้นการเตรียมนำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีการประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

โดยตลอดการประชุมร่วมรัฐสภา ก็ได้มีทั้งการอภิปรายแสดงเหตุผลกันของกรรมาธิการเสียงข้างมาก-กรรมาธิการเสียงข้างน้อยและสมาชิกรัฐสภาที่ยื่นขอสงวนคำแปรญัตติ ได้อภิปรายแสดงเหตุผลต่างๆ ถึงเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่มีร่วม 172 มาตรา

ซึ่งเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่เตรียมประกาศใช้เป็นกฎหมาย ก็มีทั้งเสียงสะท้อนว่าไม่ได้นำไปสู่การปฏิรูปตำรวจได้จริง บ้างก็ว่าเป็นการ ปฏิลวง ขณะที่สมาชิกรัฐสภาบางส่วนก็นิยามว่า เป็นการปฏิลูบแบบเบาๆ เหตุเพราะไม่ได้มีการปฏิรูปงานสอบสวนที่เป็นพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม

ก่อนหน้านี้ คำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา และในฐานะหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เคยสรุปเนื้อหาสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติไว้ในประเด็นสำคัญๆ เช่น หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงกับประชาชนทั่วไปก็เช่น เพิ่มความเป็นธรรมให้ประชาชน เพราะในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ มีการยกระดับความเป็นธรรมให้ประชาชน จากกรณีการปฏิบัติหน้าที่ที่บกพร่องหรือผิดพลาดของตำรวจ โดยการสร้างคณะกรรมการชุดใหม่ที่เรียกว่า คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ที่มีผู้แทนหน่วยงานภายนอก และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาตัดสินด้านนี้ แทนที่สำนักงานจเรตำรวจที่จะเป็นเพียงหน่วยงานภายใน ประชาชนจะสามารถมีส่วนร่วมจับตาการทำงานของตำรวจให้อยู่ในกรอบกฎหมายและความเหมาะสม เสมือนเป็นตาวิเศษ พบเห็นความผิดปกติใดก็ให้แจ้งไปที่ ก.ร.ตร.ได้ ซึ่งปกติงานด้านนี้จะเป็นงานของสำนักงานจเรตำรวจ โดยทางคณะผู้ยกร่างกฎหมายมองว่า หากประชาชนไปร้องเรียนการทำงานของตำรวจที่ผิดพลาด แล้วให้ตำรวจตัดสิน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความยุติธรรมอย่างไรก็ตามแต่ ทว่ามันก็อาจจะมีปัญหาได้ จึงมีการสร้าง ก.ร.ตร.ที่ไม่ได้มีแต่เฉพาะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่มีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ก็ทำให้ประชาชนที่หากพบเห็นการทำงานที่ไม่ถูกต้องหรือบกพร่อง หรือแม้กระทั่งการกระทำที่ขาดวินัย ขาดศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจ ก็สามารถร้องไปยังคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจได้ ส่วนสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติก็มีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เป็นต้น

ก็ถือเป็นโมเดลใหม่ในวงการงานของแวดวงสีกากี ที่น่าสนใจว่าสุดท้ายแล้วในทางปฏิบัติเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ โมเดลอย่าง คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ จะเป็นระบบที่ใช้ได้ผลกว่าระบบปัจจุบันที่มีอยู่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่รัฐสภาจะโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าบรรยากาศการประชุมก็ร้อนระอุพอสมควร เหตุเพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่มาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการไปขอแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในประเด็นสำคัญคือเรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ตั้งแต่ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาถึงระดับสารวัตร ที่ในตัวร่างกำหนดเงื่อนเวลาการดำรงตำแหน่งไว้ชัดเจนว่า ตำรวจที่จะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จะต้องอยู่ในตำแหน่งก่อนหน้านั้นเป็นเวลาเท่าใด 

อาทิ (1) ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและจเรตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือรองจเรตำรวจแห่งชาติมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

 (2) ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองจเรตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหรือจเรตำรวจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

ซึ่งในตัวร่างเขียนไว้ว่า ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากระยะเวลาการดำรงตำแหน่งข้างต้นที่ยกมาด้วย

แต่ปรากฏว่า พล.ต.อ.ปิยะมาเสนอขอแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมกลางคัน โดยใช้เสียงข้างมากของกรรมาธิการ เพื่อเขียนเพิ่มเติมใหม่ ให้เว้นการบังคับใช้หลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป 180 วัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการพิจารณาทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงเดือนตุลาคม

จนทำให้มีเสียงทักท้วงคัดค้านการยืดเวลาออกไป 180 วันดังกล่าว ในทำนองว่า จะทำให้มีบิ๊กตำรวจบางคน ได้ประโยชน์ ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลในปีนี้ ใช่หรือไม่?

เช่น รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า คนที่นั่งอยู่ในแห่งนี้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรากำลังจะอนุมัติให้เกิดตั๋วช้างอีกรอบ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่แค่การวางตัวคนที่จะไปเป็นรอง ผบ.ตร.เท่านั้น แต่ได้ยินมาว่าลำดับท้ายๆ กำลังจะได้รับสิทธิ์ในการข้ามหัวคนอื่น ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ตร. แล้วปีถัดไปก็จะเป็น ผบ.ตร. และเหตุผลที่ กมธ.ต้องขอ 180 วันในการชะลอกฎหมายที่กำลังจะผ่านสภาฯ ออกไปก็เพื่อที่จะได้วางไข่ ตั้งแต่รอง ผบ.ตร.ไปจนถึงตำรวจระดับชั้นที่น้อยที่สุด ก็แค่ใช้โอกาสนี้ช่วยตำรวจบางคนเท่านั้น

ส่วน พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เป็นกระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ขณะนี้ตำรวจทั้งประเทศกำลังจับตามองบุคคลที่ได้ตั๋วช้างมาตลอด ถ้าบังคับใช้กฎหมายใหม่ในรอบนี้ จะไม่ได้เลื่อนขึ้นแน่นอน แต่ถ้าเลื่อนออกไปอีก 180 วัน นายตำรวจระดับสูง 2 คน จะสามารถเลื่อนขึ้นได้ ดังนั้นถ้าที่ประชุมรัฐสภามีมติผ่านเรื่องนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ตั๋วช้างคนดังกล่าว ปีนี้จะได้เป็นรอง ผบ.ตร. และในปีหน้าก็จะสามารถขึ้นเป็น ผบ.ตร.ได้ 

อย่างไรก็ตาม สมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะรองประธาน กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า รัฐสภาต้องออกกฎหมายแล้วต้องใช้ได้ อย่างไรก็ตาม มีตำรวจมาร้องว่าเกิดปัญหาตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจจะย้ายกลับลำบาก ถ้ากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันที ดังนั้นสภาฯ จะใจจืดใจดำไม่ให้หรือ เพียงแค่ 180 วัน

ซึ่งหลังที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงมาตราดังกล่าวนานเกือบ 3 ชั่วโมง สุดท้ายก็ลงมติโดยเสียงข้างมาก 344 เสียงเห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ. ขณะที่ 181 เสียงไม่เห็นด้วย, งดออกเสียง 50 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 คน

และพอผ่านมาตราเรื่องให้เว้นวรรคใช้เกณฑ์แต่งตั้งโยกย้าย ตำรวจ 180 วันดังกล่าวที่เป็นประเด็นร้อนแรงในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติแล้วทุกอย่างก็ฉลุย จากนั้นที่ประชุมร่วมรัฐสภาก็ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เพื่อรอการประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ย้อนรอยสปิริต‘เพื่อไทย’ สู่กรณี‘ชาญ พวงเพ็ชร์’

กรณี “ชาญ พวงเพ็ชร์” จากพรรคเพื่อไทย หลังชนะเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เหมือน “มีบุญ แต่กรรมบัง” เพราะใช้พลังและทรัพยากรณ์สุดความสามารถ

จับตา กกต.เลื่อนรับรอง สว. เตรียมปล่อยผีสอยทีหลัง

นับได้ว่าขณะนี้ ถนนการเมืองได้คลอดว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 200 คน และสำรอง 100 คน ที่เตรียมพร้อมจะเข้าทำงานในสภาเพื่อประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ไทม์ไลน์เคาะเครื่องบินรบ แง้มเส้นทางเรือดำน้ำเข้าครม.

เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่กองทัพอากาศจะคัดเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ทดแทน เพื่อนำเข้าประจำการแทนเครื่องที่กำลังปลดประจำการ

พท.ไม่สิ้นมนตร์ขลังแต่ชนะแค่1.8พัน ปิดตำนาน"บิ๊กแจ๊ส-มีวันนี้เพราะพี่ให้”

เสร็จศึกแล้วสำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกฯ อบจ.ปทุมธานี ที่ล่าสุดผลคะแนนออกมาแล้วเป็นทางการ ผลปรากฏว่า “นายชาญ พวงเพ็ชร์” ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย มีดีกรีเป็นอดีตนายกฯ อบจ.ปทุมธานี 3 สมัย ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,032 คะแนน

สว.สีน้ำเงินเปิดเซฟเฮาส์ ทำโผ-วางขุมกำลังคุมสภาสูง

การเมืองสัปดาห์นี้ ไฮไลต์สำคัญก็คือ ต้องรอดูว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรองรายชื่อ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ทั้ง 200 คนในช่วงกลางสัปดาห์นี้ พุธที่ 3 ก.ค. ตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไป หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการเลือก สว.ชุดใหม่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

สภาฮั้วค่าย 'สีน้ำเงิน' ยึดสว. วงจรอุบาทว์การเมืองไทย

ผลการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้รายชื่อว่าที่ สว.จำนวน 200 คน และสำรอง 100 คน ครบแล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)