24 มิ.ย.65 ครบรอบ 90 ปี "อภิวัฒน์สยาม" วันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงจากการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกลุ่ม "คณะราษฎร" ที่มี พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นผู้นำ
ครบรอบ “24 มิ.ย.2475” ทุกปี จะเป็นอีกวันที่ต้องมีการบันทึก นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองจัดกิจกรรมอิงประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ 2-3 ปีย้อนหลังมานี้ “วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง” กลายเป็นความรุนแรงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเก้าอี้นายกฯ เป็นเดิมพัน สารพัดม็อบใช้วันเปลี่ยนแปลงการปกครองชูขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและองคาพยพให้ออกจากตำแหน่ง
“การเมืองระอุ” ความเห็นต่างคนไทยถูกผลักให้เลือกข้างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย นำไปสู่การจลาจล กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาปิดถนน สถานที่ราชการ เผาทำลายทรัพย์สิน แม้กระทั่งสถานที่ศูนย์รวมหัวใจคนไทยทั้งชาติ มวลชนที่อ้างตัวเป็น “นักประชาธิปไตย” ยังไม่เว้นป่วนบ้านป่วนเมือง ลากยาวมาจนถึง “สมรภูมิดินแดง” กว่าบ้านเมืองจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติก็ปลายปี 64 สรุปไม่มีใครชนะ ไม่มีใครแพ้ มีแต่คราบน้ำตาของผู้สูญเสีย “แกนนำ-มวลชน” ถูกดำเนินคดียาวเป็นหางว่าวเกือบ 1,000 คดี ทรัพย์สินรัฐเสียหาย-ซ่อมบำรุงหลายร้อยล้านบาท
ในห้วงนี้ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ความวุ่นวาย นับตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นมา กลุ่มมวลชนที่อ้างตัวเองเป็นกลุ่มอิสระไม่มีแกนนำนัดรวมตัวกันที่แยกดินแดงมุ่งหน้าขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์-นายกรัฐมนตรี ที่กรมทหารราบที่ 1 ถนนวิภาวดี ภาพกลุ่มควันระเบิด ประทัดยักษ์ พลุ เปลวเพลิง จากการประทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกลับมาอีกครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และเพิ่มรอบความถี่สารพัดม็อบนัดทำกิจกรรมทุกวันหลายพื้นที่ โดยอ้างความล้มเหลวการบริหารของรัฐบาลมาเป็นตัวเดินเกมที่มีอีแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง สถานการณ์โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมได้
นอกจากเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ปีนี้ “กรุงเทพมหานคร” เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ผลชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์” ได้คะแนนจากคนกรุงเทพฯ แบบถล่มทลายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หนึ่งในปัญหาของคนเมือง คือปัญหาการชุมนุม ผู้ว่าฯ ชัชชาติได้ให้แนวทางตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง คือจัดหาสถานที่การแสดงออกทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ ทุกสำนักงานเขตมีพื้นที่ในการแสดงออกทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล
เหตุการณ์ความรุนแรงที่แยกดินแดง เป็นหนึ่งประเด็นที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ นำเข้าที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ครั้งที่ 8/2565 ว่า “กทม.ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงของทุกฝ่าย ปัญหาส่วนหนึ่งของคนในพื้นที่ดินแดงคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยให้สำนักพัฒนาสังคม สำนักงานเขตลงพื้นที่ในชุมชนมากขึ้นไปดูคนที่ได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน กทม.จะพิจารณาจัดหาสถานที่ของ กทม.สำหรับจัดชุมนุมไว้ให้ผู้ที่ต้องการแสดงออกทางการเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งจะมีความปลอดภัย และไม่กีดขวางการจราจร ให้ประชาชนชุมนุมได้ตามมาตรา 9 แต่ไม่ได้บังคับให้ชุมนุมที่นี่ ให้เป็นทางเลือกโดยมี 2 รองผู้ว่าฯ จักรพันธุ์ ผิวงาม เตรียมการหาพื้นที่ น.ส.ทวิดา กมลเวชช เตรียมพร้อมด้านการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ทั้งผู้ชุมนุมและประชาชนจากสถานการณ์การชุมนุม"
ถ้าเป็นไปตามแผนของผู้ว่าฯ กทม.ปัญหาเรื้อรังมานานก็คงมีทางออก แต่ความเป็นจริงมวลชนที่ออกมาสร้างปัญหาอยู่ขณะนี้ไม่ได้มาเรียกร้องสิทธิ์ทางการเมือง หรือเรียกร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เป็นการสร้างความปั่นป่วน สร้างสถานการณ์ความรุนแรงโดยมีอาวุธ ระเบิดครบมือ เผาทำลายทรัพย์สินของเอกชนและราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากผู้ก่อเหตุ อย่างนี้ยังคงเป็นการเรียกร้องสิทธิ์หรือไม่ อาศัยแหล่งที่พักอาศัย แฟลต ชุมนุมเป็นที่หลบซ่อนซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกองโจร นัดปิดถนนปิดการจราจรสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนยังเป็นการชุมนุมตามสิทธิ์อีกหรือ ไม่พอใจก็ขับ จยย.ป่วนเมือง เผาทำลายป้อมตำรวจ ป้อมจราจร แล้วสถานที่จะจัดให้ชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมือง จะมีสักกี่คนที่จะทำตามกฎ
จึงต้องจับตาครบรอบ 90 ปี การอภิวัฒน์สยาม นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ผู้ต้องหาคดี ม.112 โพสต์นัดทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองทางเพจ We Voluntee “คณะราษฎร” เชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้รักในประชาธิปไตยร่วมกิจกรรม “ฉลองวันชาติ คณะราษฎรยังไม่ตาย” โดยพร้อมเพรียงกัน ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. เพื่อตั้งริ้วขบวนไปยังลานคนเมือง (ศาลาว่าการกรุงเทพฯ) สวนทางกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุว่ายังไม่ได้ประกาศให้ลานคนเมืองเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่จะจัดหาห้องน้ำ เครื่องเสียง แต่กิจกรรมต้องมีความเหมาะสม เพราะพื้นที่รายรอบเป็นวัดและโรงเรียน
แน่นอนมวลชนที่มานัดหมาย มีทั้งกลุ่มที่จัดตั้งและมวลชนอิสระ ยากแก่การควบคุม หลายครั้งเหตุการณ์บานปลาย ทั้งการปะทะกับเจ้าหน้าที่ คฝ. และการกระทบกระทั่งกันเองของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มวีโว่แล้วเป็นที่รู้กันว่าการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมานี้ กลุ่มนี้จะเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัย เป็นด่านหน้าพร้อมปะทะกับเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์สรรพกำลัง เครื่องมือสื่อสารเตรียมการมาเป็นอย่างดี ถ้าสถานการณ์ตึงเครียด กฎและกรอบที่กำหนดจะเอาอยู่ไหม
ถึงแม้ผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรง แต่ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องคำนึงเป็นสิ่งแรก นายกฯ ย้ำว่าถ้าหากถูกใช้ความรุนแรงก่อน ตำรวจก็มีสิทธิ์บังคับใช้กฎหมายป้องกันตัว กฎหมายทำให้บ้านเมืองสงบ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ขานรับใช้มาตรการเท่าที่จำเป็น เลี่ยงได้เลี่ยง เว้นแต่จำเป็นจริงๆ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หลายเหตุการณ์ตำรวจได้รับบาดเจ็บพิการหลายคน
สถานการณ์การชุมนุมต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ผู้ว่าฯ กทม.เป็นห่วงความรุนแรง แต่ตำรวจก็มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ปากบอกว่าเป็นกลาง แต่ม็อบมองว่าเป็นพรรคพวกตัวเอง แต่อีกบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกระทรวงมหาดไทย จะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯ ก้าวไปข้างหน้าโดยที่ไม่เลือกข้าง...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แรงต้าน'เสี่ยโต้ง'คุมธปท.แรง ลือสลับไพ่เปลี่ยนตัวปธ.บอร์ด
การที่คณะกรรมการคัดเลือกประธานธนาคารแห่งประเทศและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธปท. ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เลื่อนประชุมลงมติเลือก ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และกรรมการ ธปท.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 ตำแหน่ง จากวันที่ 4 พ.ย.ออกไปอีก 1 สัปดาห์เป็นวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. วิเคราะห์ไว้ว่าอาจเกิดจาก 2 สาเหตุ
เอ็มโอยู44-เอื้อนายทุน จุดจบรัฐบาลไม่ครบเทอม
หากอ้างอิงข้อมูลจากนิด้าโพลเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หัวข้อ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ อยู่ครบเทอมหรือไม่ โดยประชาชนมากกว่า 57.71% มองว่าอยู่ไม่ครบเทอม ประกอบด้วยสัดส่วนร้อยละ
ระแวง-ระวัง “ประโยชน์ทับซ้อน” ถกขุมทรัพย์ไทย-กัมพูชาไปถึงไหน?
การเคลื่อนไหวต่อต้านบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนและแผนพลังงานเมื่อปี 2544 หรือ MOU44 และการปลุกกระแสการเสียเกาะกูดให้กัมพูชา ถ้ามีการเจรจาผลประโยชน์ระหว่างรัฐบาล 2 ชาติ
‘พปชร.’ ปลดแอก ‘สามารถ’ โยนระเบิดเข้า ‘เพื่อไทย’ ต่อ
‘พลังประชารัฐ’ ฝั่งบ้านป่าฯ สถาปนาตัวเองเป็น ‘ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น’ เต็มตัว
"ดีเอสไอ" รับเผือกร้อนต่อ สางคดี "ดิไอคอน" ไม่ใช่เรื่องง่าย
คดีดิไอคอนกรุ๊ปถือเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงินที่ใหญ่ระดับประเทศ โดยมีความเสียหายสูงถึงเกือบ 3,000 ล้านบาท จากการที่บริษัทดังกล่าวชักชวนประชาชนให้ลงทุนในสินค้าผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่เป็นเครือข่าย
ไม่ห้าว ไม่แตะ 'ของร้อน' ‘นายใหญ่’เน้นประคอง‘ลูกสาว’
สถานการณ์ของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ช่วงนี้ค่อนข้าง ‘นิ่ง’ ‘นิ่ง’ ที่ไม่มีม็อบทางการเมืองขนาดใหญ่มากดดัน ตลอดจนผลงานที่ยัง ‘แน่นิ่ง’