ซักฟอกแก้บน-ขุด'เต้น'ปลุกแดง โวแลนด์สไลด์ แต่แสลง'หนู'

อีเวนต์ใหญ่การเมืองมาถึง หลังฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 11 คน ภายใต้ยุทธการ เด็ดหัว สอยนั่งร้าน 

เล่นใหญ่ หว่านแห่เจาะจง "คีย์แมน" ของรัฐบาลตั้งแต่ระดับแกนนำรัฐบาล หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้โค่น "บิ๊กตู่" ในสภา เพราะรอบหน้าจะเป็นรัฐบาลใหม่แล้ว 

สำหรับ 11 รายชื่อที่ฝ่ายค้านเอาขึ้นแบล็กลิสต์จะไปถลกหนังแบบ 4 วัน 4 คืน นำโดยพี่น้อง 3 ป. แกนกลางรัฐบาล "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย  

ในเมื่อเป็นรัฐบาล 3 ป. ต้องล่อ 3 ป.ด้วย 

อีก 8 ราย ซึ่ง 4 รายเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคตัวแปร ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 

ในบรรดาหัวหน้าพรรคและแม่บ้านขนาดใหญ่ของรัฐบาล มีแค่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ตกขบวน ที่ว่ากันว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับแกนนำพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และมีอำนาจในการเคาะรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกซักฟอก 

ส่วนอีก 4 รายที่ถูกฝ่ายค้านยื่นซักฟอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบทิ้งทวนรัฐบาล ประกอบด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  

การเลือกตัวรัฐมนตรีซักฟอกครั้งนี้มีทั้งการเลือกแบบยุทธศาสตร์ และเป็นรายการยืมมือฝ่ายค้านสะสางบัญชีแค้นคู่กรณี เหมือนที่นายสุชาติระบุว่ามีคนนอกพรรคร่วมฝ่ายค้านแทรกแซงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ 

โดยเฉพาะการเพิ่มชื่อของนายสุชาติเข้ามาเป็นรายที่ 11 ในนาทีสุดท้าย จากเดิมที่มีข่าวว่าหลุดแบล็กลิสต์ไปแล้ว จนนายสุชาติไปจับได้ว่ามีการลักไก่ยัดชื่อตนเองมาเพิ่มโดยใช้ลายเซ็น ส.ส.ฝ่ายค้านที่รับรองญัตติเดิมตอนแรกที่ยื่นเอาไว้ 10 คนเท่านั้น ซึ่งนายสุชาติขนานนามว่า ญัตติซักฟอกเถื่อน 

เหมือนในรายของนายชัยวุฒิ ที่มีรายงานว่าเป็น "ใบสั่ง" มาจากผู้มากบารมีนอกพรรคฝ่ายค้านประสานให้ใส่ชื่อเข้ามาเพื่อสั่งสอน  

แต่อย่างไรก็ตาม แม้พรรคฝ่ายค้านจะโหมโรงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เอาไว้อย่างดุเดือด แต่เชื่อกันว่าบทสรุปสุดท้ายจะไม่สามารถโค่น "บิ๊กตู่" ให้ตายคาสภาได้เหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยู่ในช่วงปลายเทอม ที่การสอยได้แทบจะไม่มีความหมายอะไร 

อีกทั้งวันนี้เป้าหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทยคือ กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับคือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อได้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กติกาที่ตัวเองช่ำชอง หากสอย "บิ๊กตู่" ร่วงก่อน หรือเกิดอุบัติเหตุกับรัฐบาล ทุกอย่างจะพังครืนทันที 

ประกอบกับกำลังวังชาของพรรคฝ่ายค้านขณะนี้ลดลงไปเยอะ เห็นได้จากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในวาระแรกที่ผ่านมา เสียงของรัฐบาลทิ้งขาดฝ่ายค้านหลายสิบคะแนน  

และต่อให้ตัดพรรคหอกข้างแคร่อย่างพรรคเศรษฐกิจไทยออกก็ยังอยู่ในระยะปลอดภัย เหมือนกับที่นายอนุทินระบุเอาไว้เรื่องเสียงในสภาว่า อย่าเพิ่งไปนึกถึงฝ่ายค้าน ขอแค่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่แตกแถวเป็นพอ  

“ขอให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในแถว มีสปิริต อย่าใช้เกมการเมืองกลั่นแกล้งกัน มากดดันกัน ก็ผ่านอยู่แล้ว”  

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านเอง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยรู้อยู่เต็มอกว่า โอกาสในการสอย "บิ๊กตู่" ค่อนข้างยาก แต่ต้องทำตามหน้าเสื่อเท่านั้น 

เห็นได้ชัดว่า ซักฟอกครั้งนี้มันเป็นเหมือน อีเวนต์แก้บน เพราะในวันเดียวกันกับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แทนที่พรรคเพื่อไทยจะปล่อยให้สปอตไลต์จับจ้องมาที่รัฐสภาให้สมเป็นอีเวนต์ใหญ่ทางการเมือง แต่กลับไปเปิดตัวแกนนำคนเสื้อแดงอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย จนแย่งซีนไปหมด 

พร้อมกันนี้ยังโปรโมตแต่การลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ของพรรคเพื่อไทย ในปฏิบัติการ ไล่หนู ตีงูเห่า ที่ขนแกนนำระดับ "เรียกแขก" อย่าง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยป้ายแดงอย่าง "ณัฐวุฒิ" ไปปลุกกระแสมวลชน 

ศึกซักฟอกแทบจะกร่อยไปเลย ทั้งที่อภิปรายนายกฯ และรัฐมนตรีแทบจะ 1 ใน 3 ของคณะรัฐมนตรี  

อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคเพื่อไทยที่ดูเหมือนจะคึกตระเวนลงพื้นที่อีสาน ประกาศจะสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ให้ได้อีกครั้ง แต่หากจับปฏิกิริยาบุกดงงูเห่าถี่ยิบ จาก จ.สุรินทร์ครั้งก่อน มาถึง จ.ศรีสะเกษในครั้งล่าสุด ตลอดจนการเปิดตัวนายณัฐวุฒิเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า มันกลับดูไม่ใช่อาการของคนที่มั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.แบบถล่มทลายเลย 

แต่ดูจะเป็นอาการของคนที่ไม่มั่นใจและหวาดระแวงเสียมากกว่า ในเมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศมาตลอดว่าพื้นที่อีสานคือฐานที่มั่นใหญ่ ยากที่ใครจะเจาะ แต่พอ ส.ส.อีสานใต้หลายคนไหลออกไปพรรคภูมิใจไทย ถึงขั้นต้องเอาคนตระกูลชินวัตรอย่าง "อุ๊งอิ๊ง" ไปปลุกกระแส มิเพียงเท่านั้น ยังต้องไปขุดเอานายณัฐวุฒิให้มีตำแหน่งสำคัญเพื่อปลุกชีพคนเสื้อแดงให้ตื่นตัว 

หากพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่ามัดใจคนอีสานได้ ไม่ต้องรีบมาอีสานใต้แบบชุดใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่อาการของคนจะไป "ไล่หนู" หากแต่เป็นอาการของคน "แสลงหนู"    

อีกปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ แม้พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ที่จะได้เล่นในกติกาที่ถนัดแบบบัตร 2 ใบ จนประกาศล่วงหน้าว่าจะแลนด์สไลด์ แต่กลับยังมีข่าว ส.ส.ไหลออก เตรียมเก็บข้าวเก็บของไปอยู่พรรคอื่นรายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน        

ส.ส.อีสานเหล่านี้ย่อมรู้ดีว่า การสู้กับพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับกล้าทิ้งมาอยู่กับพรรคการเมืองอื่นโดยไม่กลัวสอบตก นั่นพอจะบ่งบอกได้ระดับหนึ่งว่า สัญชาตญาณนักเลือกตั้งไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ได้ 

อันอาจหมายถึงพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขลังเหมือนแต่ก่อนแล้ว 

ที่สำคัญในภาคอีสานทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นที่ไปแชร์ แต่ยังมีพรรคก้าวไกลที่มีฐานเสียงเดียวกับพรรคเพื่อไทยเข้าไปหารคะแนนได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 

ขณะเดียวกัน การไปดึงนายณัฐวุฒิกลับมา แม้จะขายได้ในกลุ่มคนเสื้อแดงจากลีลาการพูดการจา ถือเป็นยาปลุกชีพคนเสื้อแดงได้ระดับหนึ่ง แต่อาจเป็น "ดาบสองคม" ให้กับพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์จลาจลกลางกรุงเมื่อปี 2553 ยังคงติดตัวนายณัฐวุฒิอยู่ตลอดเวลา 

ซึ่งการไปปลุกเสื้อแดงกลับมา ในทางอ้อมอาจจะเป็นการไปปลุกมวลชนขั้วตรงข้ามที่แทบจะปลุกไม่ขึ้นอยู่แล้วให้ตื่นขึ้นมาด้วยเพราะชื่อชื่อนี้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลชงนิรโทษฯ 112 แบบมีเงื่อนไข ห้ามทำผิดซ้ำ 3-5 ปี แมตช์วัดใจ พท.-ทักษิณ

เดิมที ศุกร์ที่ผ่านมา 26 ก.ค. คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน

“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?

“เปิดต้อนรับนักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากันของแวดวงคนใจนักเลง”