หลังจาก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เข้ามาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันพุธที่ 1 มิ.ย.นี้ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีข่าวว่าชัชชาติและทีมงานจะเดินทางเข้าศาลา กทม. เสาชิงช้า ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ทำให้หลังจากนี้จึงน่าติดตามจังหวะก้าวเดินทางการเมืองของ ดร.ชัชชาติ ในการ บริหารเมืองหลวง-กรุงเทพมหานคร ช่วง 4 ปีต่อจากนี้
เพราะแน่นอนว่า ด้วยกระแสฟีเวอร์ที่ชัชชาติได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียง 1,386,215 คะแนน ช่วงแรกๆ โดยเฉพาะ 6 เดือนแรกอาจจะเป็นช่วงฮันนีมูนพีเรียด ที่คน กทม.ที่เลือกชัชชาติและไม่เลือกยังพร้อมจะให้โอกาสผู้ว่าฯ กทม.ได้เรียนรู้ศึกษางานและปัญหาของ กทม.ที่มีมากมายไปสัก 6 เดือนก่อน
แม้บางคนอาจบอกว่าให้แค่ 3 เดือนพอ เพราะชัชชาติก่อนหน้านี้ก็ลุยหาเสียงลงพื้นที่ใน กทม. ก่อนการเลือกตั้งมาร่วมสองปี จึงน่าจะรู้ปัญหาหลักๆ ของ กทม.ทั้ง 50 เขตเกือบหมดแล้ว เข้าห้องทำงานที่ศาลาว่าการ กทม.ก็น่าจะทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลามาเรียนรู้งานอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกๆ บรรดา FC แฟนคลับของชัชชาติคงพร้อมใจกันเอาใจช่วยและสนับสนุนการทำงานของชัชชาติก่อน แต่หากทำงานไปได้สัก 6 เดือนแล้วยังไม่มีผลงานอะไรเด่นๆ เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการผลักดันนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงร่วม 200 นโยบาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่ ที่ยังไง 6 เดือนแรกมันก็น่าจะเห็นนโยบายที่หาเสียงไว้บางส่วนถูกผลักดันออกมาให้เห็น จับต้องได้ อีกทั้งปัญหาเดิมๆ ของ กทม. ก็เชื่อว่าคน กทม.ต่างก็คาดหวังให้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ต้องสะสางให้ดีขึ้น เช่น ปัญหาน้ำท่วมหลังฝนตก ปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาขยะตกค้าง การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ด้วยการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม. เป็นต้น
ที่เชื่อเถอะว่าปัญหาเหล่านี้ คน กทม.ต้องเร่งและคาดหวังให้ชัชชาติเข้ามาดูแลและทำให้ดีขึ้นโดยเร็ว เพราะหากผ่านไป 3 เดือนแล้ว ปัญหาหลายอย่างของ กทม.ยังไม่ได้รับการแก้ไข และนโยบายหลายเรื่องที่เคยหาเสียงไว้ไม่มีความคืบหน้า รับรองว่าชัชชาติต้องโดนวิจารณ์อย่างหนักและถูกตั้งคำถามว่า เป็นของจริงหรือของปลอม, ทำงานเป็นไหม หรือดีแต่โฆษณาหาเสียงสร้างภาพ"
สำหรับสิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้หลังชัชชาติเข้าไปบริหารงาน กทม. และการที่ศาลาว่าการ กทม.จะมี ขั้วอำนาจใหม่ ทางการเมือง หลังหมดยุคผู้บริหาร กทม.และสภา กทม.ที่มาจากการลากตั้งในยุค คสช. แต่มาวันนี้ทั้งผู้ว่าฯ กทม.และสภา กทม.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จึงทำให้ขั้วอำนาจใหม่ในศาลาว่าการ กทม.เกิดขึ้นแล้ว
ทำให้การเมือง-การบริหารงานใน กทม.มีจุดที่ต้องติดตามอย่างน้อยๆ ก็ 3 เรื่องคือ
1.การจัดทัพ-ฟอร์มทีมแบ็กอัปทีมงานการเมืองที่จะมาช่วยชัชชาติ-จุฬาฯ คอนเน็กชันพรึ่บศาลาว่าการ กทม.
โดยเฉพาะตำแหน่งหลัก รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ตอนนี้มีความชัดเจนบ้างแล้วในบางรายชื่อ เช่น จักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองปลัด กทม. และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ในสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ตอนยุค พล.ต.อ.อัศวิน ตัวจักกพันธุ์ลาออกเพราะไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการเตาเผาขยะหมื่นล้านที่หนองแขมและอ่อนนุช ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ที่พบว่าพอมีข่าวจักกพันธุ์จะมาร่วมงานกับ ดร.ชัชชาติ ก็มีกระแสตอบรับในทางบวกจากข้าราชการ กทม.จำนวนมาก เพราะมองว่าจักกพันธุ์เป็นข้าราชการมือสะอาดและทุ่มเททำงาน น่าจะเป็นมือทำงานคนสำคัญของ ดร.ชัชชาติแน่นอน
ส่วนรองผู้ว่าฯ กทม.อีกสามคนยังไม่ชัดเจนว่าจะมีใครบ้าง บางกระแสบอกว่าอาจมีชื่อ วิศณุ ทรัพย์สมพล อดีตรองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คุ้นเคยกับชัชชาติเป็นอย่างดี จะเข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ด้วย ในฐานะ จุฬาฯ คอนเน็กชัน เพราะทั้งสองคนเคยเป็นอาจารย์และผู้บริหารที่จุฬาฯ และอาจมีชื่อ ต่อศักดิ์ โชติมงคล อดีต ผอ.โรงงานยาสูบ รุ่นพี่วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ของชัชชาติ มาเป็นทีมงานคณะที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ให้อีกคน ส่วนจุฬาฯ คอนเน็กชันอีกคนที่ หลายคนบ่นเสียดาย เพราะเจ้าตัวไม่อยากลาออกจากงานเอกชนของครอบครัวมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม "ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์" รุ่นน้องคนสนิทและมือขวาของชัชชาติ แม้จะไม่ได้มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แต่ก็จะช่วยงานเป็นทีมยุทธศาสตร์ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อทำงานเป็นแบ็กอัปให้ข้างหลัง เป็นต้น โดยคาดกันว่าชัชชาติจะเปิดตัวทีมงานทั้งหมดในวันที่ 1 มิ.ย.
2.การจัดทัพชิงอำนาจในสภากรุงเทพมหานคร
ซึ่งตอนนี้ทาง กกต.ได้รับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก.แล้ว 45 คนจาก 50 คน ทำให้ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้วเพื่อไทยจะเสนอชื่อใครเป็น ประธานสภา กทม.
หลังตอนนี้มีข่าวว่ามีสองตัวเต็งในเพื่อไทยกำลังลุ้นเก้าอี้ประธานสภา กทม.กันอยู่ คือ เนาวรัตน์ อยู่บำรุง ส.ก.หนองแขม 7 สมัย น้องชายเฉลิม อยู่บำรุง แกนนำเพื่อไทย ที่หมายมั่นปั้นมือว่ารอบนี้ต้องการเป็นประธานสภา กทม.ให้ได้ ขณะที่มีข่าวว่าฝ่ายเจ๊แจ๋น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด และวิชาญ มีนชัยนันท์ สองแกนนำเพื่อไทยสาย กทม.ต้องการดันวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.มีนบุรี น้องวิชาญ เป็นประธานสภา กทม.
ก็ต้องดูกันว่า บ้านใหญ่ริมคลองสายอยู่บำรุง กับ บ้านใหญ่บางเขน วิภาวดีฯ 60 ของเจ๊แจ๋น ใครจะดันคนของตัวเองเข้าวินได้เป็นประธานสภา กทม.
3.การผลักดันนโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ หลังจากนี้
โดยเฉพาะโครงการที่ถูกจับตามองอย่าง รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ชัชชาติเคยแสดงจุดยืนไว้ตอนหาเสียงว่าไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานให้กลุ่มบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี
ขณะเดียวกัน กทม.ในยุคชัชชาติกับงบประมาณก้อนใหญ่ ที่ กทม.ได้รับการจัดสรรไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 ที่สภากำลังพิจารณาอยู่ พบว่าปี 2566 กทม.ได้งบทั้งสิ้น 22,284,292,200 โดยได้เพิ่มจากปีที่แล้ว 2565 ที่ได้ 20,634,724,200 เท่ากับว่าชัชชาติจะมีเม็ดเงินงบประมาณที่จะได้บริหารในมือแบบเต็มสตรีมตั้งแต่ 1 ต.ค.ปีนี้ร่วม สองหมื่นสองพันล้านบาท ไม่นับรวมกับงบที่ กทม.จัดเก็บเองจากส่วนต่างๆ จึงน่าสนใจว่าการใช้งบประมาณของชัชชาติในการไปทำนโยบายต่างๆ ที่เคยหาเสียงไว้ จะเลือกนโยบายใดมาทำก่อน และจะทำได้สำเร็จหรือไม่ในช่วง 4 ปีต่อจากนี้
4 ปีบนเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ของชัชชาติจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ทำงานได้อย่างราบรื่น มีแต่เสียงชื่นชม หรือสุดท้ายคน กทม.จะพากันบ่นผิดหวังที่เลือกคนผิดมาบริหารเมืองหลวง บอกได้เลยว่าทุกย่างก้าวของชัชชาติจะถูกเอกซเรย์นับแต่บัดนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่