สร้างอนาคตไทย มีจุดเริ่มต้นคล้ายๆ กับ พลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ดีลเมกเกอร์ ที่เป็นคนคนเดียวกันคือ เฮียกวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
สมคิด คือคนเดินสายเจรจากับอดีตพรรคพวกเก่าๆ โดยเฉพาะอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ให้มาร่วมปลุกปั้นพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นนั่งร้านให้กับ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในเวอร์ชั่นเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับ ‘สร้างอนาคตไทย’ ที่ครั้งนี้ ‘สมคิด’ ยังเป็น ‘ดีลเมกเกอร์’ ตัวหลัก ในการเปิดโต๊ะเจรจากับบรรดานักการเมือง บ้านใหญ่ บ้านเล็กตามจังหวัดต่างๆ โดยมี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่เริ่มมีความเจนจัดทางการเมืองมากขึ้น ทำหน้าที่สอดประสาน
บรรดา บิ๊กเนม ทั้งหลายที่มาร่วมนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ทั้ง นายสุพล ฟองงาม อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต รมช.มหาดไทย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม เหล่านี้ล้วนมาเพราะ ‘สมคิด’ ทั้งสิ้น
‘สุพล’ รู้จักกับ ‘สมคิด’ มาตั้งแต่ปี 2543 เป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงและอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวในฝั่งข้ามกับเผด็จการตลอด แต่ยอมทำอะไรที่ย้อนแย้งกับความรู้สึกตัวเอง มาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะคำเชื้อเชิญจากผู้ชายที่ชื่อ ‘สมคิด’
เช่นเดียวกับ ‘สุรนันทน์’ ที่ทำงานร่วมกับ ‘สมคิด’ มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เคยเจอภาวะถูก ส.ส.รุมเขย่าเก้าอี้มาแล้วเช่นเดียวกัน
ขณะที่กรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ล้วนเป็นเด็กในคาถาของ ‘สมคิด’ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นายสันติ กีระนันทน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นายวิเชียร ชวลิต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกัน ในการประชุมใหญ่สามัญเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังปรากฏภาพ นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มาร่วมประชุมด้วยในฐานะสมาชิกพรรค
คนเหล่านี้ล้วนมาร่วม เพราะ คอนเนกชันของ ‘สมคิด’ ทั้งสิ้น ฉะนั้น ถ้าจะบอกว่า ‘สร้างอนาคตไทย’ คือ พรรคของ ‘สมคิด’ คงไม่ผิดนัก
พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นการผสมผสานกันระหว่างนักการเมืองรุ่นเก่ากับนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่เติบโตมาจากภาคธุรกิจ โดยมีเรื่อง ‘เศรษฐกิจ’ เป็นนโยบาย ‘พระเอก’ ของพรรค
สาเหตุที่ใช้เรื่องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นตัวชูโรงของพรรค ส่วนหนึ่งเพราะผู้นำของพรรค มีเครดิตติดตัว จากการทำงานด้านนี้ในหลายรัฐบาล โดยเฉพาะ ‘สมคิด’ หรือแม้แต่ ‘อุตตม-สนธิรัตน์’
ประกอบกับที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่ามีจุดอ่อนเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้ทั้ง 3 คน จะเคยร่วมเป็นองคาพยพมา แต่เป็นเพียงระยะสั้นที่ยังพออ้างได้ว่าได้รับเวลาแก้ไขเพียงนิดเดียว และมีข้อจำกัดในการทำงาน
แนวทางของ ‘สร้างอนาคตไทย’ ที่จะใช้หาเสียงคือ ไม่แสดงตัวชัดว่ายืนอยู่ฝั่งไหน ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ เน้นไปในทางสร้างพันธมิตร ไม่เป็นศัตรูกับใคร
จะไม่มีการประกาศว่าสนับสนุน บิ๊กตู่ หรือยืนอยู่ตรงข้าม ไม่เปิดศึกกับฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่ก้าวไกล แต่พยายามตีปี๊บเรื่องนโยบายเศรษฐกิจเป็นหลัก
การเลือกตั้งครั้งหน้า ‘สร้างอนาคตไทย’ มีกระสุนดินดำเพียงพอที่จะส่ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้ 100 เขต โดยขณะนี้มีตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตแล้วราว 50 คน ส่วนที่เหลือเพื่อเปิดทางรอ ส.ส.และอดีต ส.ส.ที่ยังไม่สามารถย้ายพรรคมาได้ในตอนนี้
โดยหลายรายที่ตกลงปลงใจแล้วแต่ยังมาไม่ได้ มีทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนกระสุนดินดำที่หามาได้ขณะนี้ หลักๆ มาจากคอนเนกชันของ สมคิด-อุตตม-สนธิรัตน์ ที่กว้างขวางในภาคธุรกิจ
ขณะที่ขุนพลในแต่ละภาค เบื้องต้นมีการแบ่งหน้าที่กันไว้บ้างแล้ว โดยในส่วนของ กทม. และภาคกลาง จะมี ‘อุตตม-สนธิรัตน์-สุรนันทน์’ ดูแลเอง โดย ‘สุรนันทน์’ ยังรับหน้าที่ดูสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งหมดของพรรค
ภาคใต้มี ‘สนธิรัตน์’ เป็นเฮดหลัก จากคอนเนกชันเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรี และมี ‘นิพิฏฐ์’ ที่ดูแลบางส่วน ภาคอีสาน มี ‘สุพล’ รับผิดชอบ ร่วมกับ นักการเมืองอีสาน ส. ที่ปรึกษารัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่รอผละจากพรรคพลังประชารัฐ หลังการเลือกตั้ง
ด้านภาคเหนือ ‘สมคิด’ ได้คอนเนกชันเก่ามาช่วย โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ทั้ง จ.เชียงราย เชียงใหม่ มีนักการเมืองคนดัง อักษรย่อ ‘ย.’ จัดหาผู้สมัครบางส่วนมาให้พรรคสร้างอนาคตไทย เพื่อเพิ่มคะแนนปาร์ตี้ลิสต์
โดยในงานประชุมใหญ่พรรคสร้างอนาคตไทยที่ผ่านมา นักการเมือง ย. หัวหอกหลังม่านภาคเหนือของพรรค ยังได้ส่งลูกสาวหอบดอกไม้ไปแสดงความยินดีเป็นการส่งสัญญาณ
ขณะเดียวกัน ระหว่างนี้ สมคิด กำลังขะมักเขม้นเร่งปิดดีลบ้านใหญ่ทั้งหลายในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก เพราะมีหลายพรรครุมจีบอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ดี แม้จะหวังสูง ได้บุคลากรดีๆ เด่นๆ มาเยอะ แต่เส้นทางของ ‘สร้างอนาคตไทย’ ไม่ง่าย เพราะมีกลิ่นลอยๆ ออกมาเหมือนกันว่า ฝั่งอำนาจแอบเขม่นแรง จ้องสกัดดาวรุ่ง ตัดท่อน้ำเลี้ยง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
'นิพิฏฐ์' เล่าเรื่องวิชาชีพทนายความ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่