หลังจากที่ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อไม่นานนี้ ได้แต่งตั้ง พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ กับ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร นายทหารคนสนิทของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค นั่งป็นกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง
มีเสียงตั้งข้อสังเกตว่า พปชร.ยอมรับสภาพเป็นพรรคสีเขียว ไม่ต้องแคร์สายตาใครๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะการมอบหมายให้ พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ทำพื้นที่ในภาคอีสาน สกัดกั้นแผนแลนด์สไลด์ของคนแดนไกล ที่ต้องการให้ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ดึงลูกน้องเก่ากลับเข้าคอก เพื่อชนะเลือกตั้งครั้งหน้าแบบถล่มทลาย
ในสถานการณ์ที่ พปชร.กำลังเรตติ้งติดลบ หลังเกิดปัญหาภายในมากมาย ตลอดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จนชาวบ้านเอือมระอา
สอดคล้องกับผลโพลบางสำนักที่อ้างว่า อันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 20.5 อันดับสอง พรรคก้าวไกล ร้อยละ 16.5 ค่ายพลังประชารัฐ หลุดไปอันดับสาม ที่ร้อยละ 16.3
แม้เลขาธิการ พปชร.คนใหม่อย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” จะออกยืนยันพร้อมตั้งเป้าไว้จะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เชื่อก็ตาม
แต่สิ่งเหล่านี้อย่าประมาท พี่น้อง 3 ป. ที่คุมอำนาจมา 8 ปี วางฐานอำนาจไว้แน่นหนา ซึ่งรับทราบปัญหาและกระแสของ พปชร.เป็นอย่างดี จึงได้มีการเตรียมแผนไว้สำรองไว้หลายประการเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
อาทิ แตกพรรค เช่น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยื่นไขก๊อกจากตำแหน่งประธานที่ปรึกษาค่ายพลังประชารัฐ ปักหมุดเป้าหมายใหม่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ
รวมทั้งยังมีพรรคอื่นๆ อาทิ พรรคของอดีตแกนนำ กปปส. หวังเป็นทางเลือกให้ "บิ๊กตู่" ใช้บริการ รวมทั้งพรรคเศรษฐกิจไทย พรรคสาขาสองของ "บิ๊กป้อม" เป็นแนวร่วม โดยเฉพาะ 250 ส.ว.สรรหา ที่เป็นต้นทุนและหลักประกันในการเลือกนายกฯ
ฉะนั้น หาก เพื่อไทยไม่ชนะแบบแลนด์สไลด์ และทิ้งห่างพรรคอันดับสองอย่างมีนัยสำคัญ ก็เชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดๆ อยากไปร่วมงานกับทักษิณ เพราะเสี่ยงจะต้องเจอวิบากกรรมตามมาอีกมากมาย
แต่การจะสกัดพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ให้มี ส.ส.มากกว่า 250 คนนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้แท็กติกทางกฎหมาย
อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่ประกาศตัวล่วงหน้าจะเป็น "แจ็กผู้ฆ่ายักษ์" ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขกติกาบัตรเลือกจาก 1 ใบ เป็น 2 ใบ ให้ตกเป็นโมฆะ เพราะมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ขัดเจตนารมณ์หลัก 3 ประการคือ 1.ขัดเจตนารมณ์ ส.ส.พึงมี 2.คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ 3.ระบบจัดสรรปันส่วนผสม
"สมมุติว่าผลการวินิจฉัยศาลเห็นด้วยกับคำร้องของตน ประเทศจะกลับมาใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 เหมือนเดิม จะถือเป็นปรากฏการณ์แจ็กผู้ฆ่ายักษ์ ในการเมืองไทย ฉะนั้นกติกาเลือกตั้งจะเหมือนปี 2562"
นี่คือด่านสกัดแรกที่จะสกัดแผนแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย แต่หากศาลรัฐธรรมนูญไม่เอาด้วย ผู้มีอำนาจก็ยังมีอีกหนทาง คือการใช้เสียงข้างมากในฝ่ายนิติบัญญัติ (ส.ส.และ ส.ว.) พลิกสูตรคำนวณ ส.ส. ที่ กมธ.กำลังพิจารณากฎหมายลูก เกี่ยวกับการเลือกตั้งในรัฐสภาในเวลานี้
ด้วยการกลับมาใช้สูตรหาร ส.ส.ด้วยจำนวน 500 เพื่อจำกัดเพดาน ส.ส.พึงมี เช่นการเลือกตั้งปี 2562 ที่ทำให้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเข้าสภาแม้แต่คนเดียว หลังจากก่อนหน้า กมธ.ก็ลดทอนกำลังพรรคเพื่อไทย มาแล้ว ด้วยการจับแยกเบอร์เลือกตั้ง ส.ส.กับเบอร์พรรคเป็นคนละเบอร์
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า ผู้มีอำนาจและ ส.ว.250 เสียง เริ่มเห็นด้วยกับสูตรหารด้วยจำนวน ส.ส. 500 เพราะประเมินแล้วระบบดังกล่าวเป็นคุณกับผู้มีอำนาจ อย่างเช่นการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรค พปชร.สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ฉะนั้น หากสามารถพลิกเกมเหลี่ยมกฎหมาย และกลับมาใช้สูตรคำนวณ ส.ส. เช่นการเลือกตั้งปี 2562 เส้นทางการเมืองของ "พี่น้อง 3 ป." สืบทอดอำนาจต่อไปจะสะดวกขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
นายกฯ คุยผู้แทนการค้าไทย ฝากเปิดตลาดใหม่ประเทศในแอฟริกา
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้พบกับผู้แทนการค้าไทยของรัฐบาลชุดนี้เป็นครั้งแรก ผู้แทนการค้าไทย คือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567
'ภูมิธรรม' สดุดี 'ทักษิณ' ครองใจคนอุดรฯ พา พท. ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.
'ภูมิธรรม' ฟุ้งอุดรธานีหัวใจคนเพื่อไทยโดยแท้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ยํ้า ปชช. ยังรัก 'ทักษิณ' ชอบผลงานที่ทำมา อุบ 'อิ๊งค์' ลงพื้นที่ขอบคุณ
ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)
'ทักษิณ-พท.' อย่าเพิ่งตีปีก! ชั้น 14 ป.ป.ช. ใกล้งวด คดีครอบงำยิ่งชัด รอ กกต. เคาะ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หน้าแตกกันไปตามๆ กัน เมื่อได้ทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับวินิจฉัยคำร้อง