ช่วงนี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โหมกระแส ปชป.ขาขึ้น!!! ส่วนความจริง จะขึ้นหรือไม่อย่างไร ต้องดูกันที่ผลงาน
“ประกันรายได้เกษตรกร” เป็นนโยบายหลักของพรรค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศ ผลผลิตขายไม่ได้ตามราคาตลาด พร้อมเติมเงินส่วนต่างให้ ซึ่งอาจจะทำให้ตังค์ในกระเป๋าไม่ลดลง แต่ถามว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างไร
ด้านการลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ ลำพังปล่อยขบวนรถพุ่มพวง บรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภคไปจำหน่ายตามชุมชนต่างๆ ในราคายุติธรรม ก็เป็นการเข้าถึงคนเป็นกลุ่มๆ แต่ในระดับมหภาคยังไม่เห็นว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศจะได้รับประโยชน์อย่างไร
ในทางกลับกัน ปัจจัยที่อาจทำให้ ปชป.ขาขึ้น? อาจมาจากตั้งแต่ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลเป็นเวลากว่า 2 ปี “จุรินทร์” ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ การส่งออกคือผลงานที่เป็นเนื้อเป็นหนัง เพราะรัฐมนตรีลุยจริง หาประเทศใหม่ๆ ขยายตลาด สนับสนุนปัจจัยต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้การส่งออกราบรื่น และพยายามลดอุปสรรคในด้านขั้นตอนกระบวนการจนทำให้ยอดส่งออกเติบโต เป็นหน้าตาให้ “รมว.จุรินทร์” และพรรคประชาธิปัตย์
ประกอบกับ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ยุคนี้ พยายามลดภาพการปะทะกับพรรคการเมืองอื่น ลดการพูดถึงในเชิงวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็น เพื่อแยกตัวออกจากความขัดแย้ง ขณะที่หลายพรรคยังเล่นการเมืองรูปแบบเก่า ทะเลาะโต้ตอบรายวันซ้ำซากทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย เหลียวซ้ายแลขวาไม่เจอใคร เห็นแต่ “ประชาธิปัตย์” ที่พูดการเมืองน้อยลง อาจจะทำให้ชาวบ้านกลับมาพอใจในพฤติกรรม
สิ่งที่ต้องทำจากนี้ พรรคต้องปรับกลยุทธ์โชว์ฝีมือดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและรากหญ้าให้ดี เพื่อให้ประชาชนติดใจและจดจำให้ได้
นอกจากนี้ การเมืองภายในพรรคเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องพึงระวัง จากเหตุ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคและ อดีต ส.ส.พัทลุง ออกมาเคลื่อนไหว สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านพรรคจากยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สู่ยุค จุรินทร์ ทำได้ไว ทำได้จริง และยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่
กรณีดังกล่าวจะสื่อสารคลาดเคลื่อนหรือไม่อย่างไร ไม่มีใครทราบเท่ากับเจ้าตัว เพราะในเมื่อผู้บริหารพรรคมอบหมายให้ นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นผู้ดำเนินการ และ “นริศ” ยืนยันไม่ทราบมาก่อนว่า “นิพิฏฐ์” มีคนที่วางตัวไว้แล้ว
ขณะเดียวกัน นิพิฏฐ์ ก็ยืนยันว่า ทั้ง นริศ และ สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง ทราบ และเห็นด้วยกับบุคคลที่ “นิพิฏฐ์” เลือกไว้
ยังมีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นิติศักดิ์ ธรรมเพชร ลูกชายของ นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุง ลงแทน หรือลูกพี่ลูกน้องกับ สุพัชรี ไปเดินหาเสียงในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่จู่ๆ ก็เลิก โดยให้เหตุผลว่ายังเด็ก กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ล่าสุด มีชื่อจะลง ส.ส.พัทลุง เขต 2 ในนามพรรคประชาธิปัตย์
นี่คือเคสหนึ่งที่เกิดจากการจัดสรรบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในยุค “จุรินทร์” ที่มีการรวบรัดตัดตอน โดยไม่ถามเจ้าของพื้นที่เดิม
นอกจากนี้ การบริหารพรรคประชาธิปัตย์ของ “จุรินทร์” ยังถูกมองว่าให้ความสำคัญกับ “ทุน” จนละเลย “ลูกตาสีตาสา” ที่อยากจะอาสาทำงานการเมือง
ตัวอย่างที่จังหวัดพังงา ตามรายงานข่าว ราเมศ รัตนะเชวง คนพังงา ทำงานรับใช้พรรคด้านกฎหมายมายาวนาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ สะสมความเป็นพรรคเข้าสายเลือด หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อฟ้าเปิดจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
เมื่อแก้รัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นแบบบัตรสองใบ ทำให้จำนวน ส.ส.ในภาคใต้เพิ่ม ที่จังหวัดพังงาเพิ่มขึ้นอีก 1 ที่นั่ง ราเมศ จึงแสดงเจตจำนง พร้อมแล้วที่จะรับใช้ชาวพังงา
แต่แล้วก็ต้องเจอกับ โกหลี่-บำรุง ปิยนามวาณิช อดีตนายก อบจ. ที่มีต้นทุนเพียบพร้อม “ทุกด้าน” ขณะที่ โฆษกราเมศ ใช้สมองและสองมือ ถ้าดีดลูกคิดแล้วยังไงก็ต้องให้ โกหลี่ เพราะมีคุณสมบัติพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ที่ว่ากันว่าจะมีความดุเดือดเลือดพล่าน
ทว่า ผู้บริหารพรรคอย่าลืมความเป็นประชาธิปัตย์ พรรคเป็นของทุกคน นายทุนครอบงำยาก ชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค ยังคงเล่าซ้ำอยู่เสมอ ชีวิตการเมืองของท่านเริ่มต้นจากผู้ใหญ่ในพรรคสมัยนั้น ให้โอกาส ลูกชาวบ้านได้เล่นการเมือง
ขณะที่ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย ได้เรียกร้อง ปชป.เร่งปรับตัวเป็นพรรคการเมืองแห่งความหวังทันยุคสมัย มีจุดยืนชัดเจน เปิดพื้นที่คนรุ่นใหม่สร้างประชาธิปไตย ไม่สืบทอดอำนาจ ขจัดทุจริต เลิกจมปลักการเมืองเก่า เพื่อหยุดเลือดไหลบุคลากรดีๆ ตีจาก อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย
วิวัฒนาการการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปมากสู่ยุค ธุรกิจการเมือง เข้าใจว่าการรับใช้ประชาชนยุคนี้ต้องอาศัยปัจจัยมากขึ้น แต่สุดท้ายผู้บริหารชุด “จุรินทร์” ต้องบริหารอย่างสมดุล ทั้ง ทุน อุดมการณ์ และความสามารถ ต้องไปด้วยกัน
อย่าให้ทุนกดขี่จนอีกฝ่ายหมดใจ ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ปชป.ขาขึ้น คงเป็นได้แค่ฝัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ชวน’ ร่อนหนังสือถึงผู้ตรวจฯ-กกต.แก้ปมผู้บริหารท้องถิ่นลาออกก่อนครบวาระ
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าตนพร้อมด้วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
'บัญญัติ' รับได้ฉายา 'ประชาธิเป๋' บอกอีกสักพักก็แข็งแรงเดินตรงมากขึ้น
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงฉายาที่สื่อรัฐสภา ตั้งให้กับสภาผู้แทนราษฎรว่า “เหลี่ยม(จน)ชิน ว่าตรงกับที่ตนวิเคราะห์แล้วว่ารัฐบาลนี้ก็อยู่ด้วยการช่วงชิงกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย