'มีตติ้งบิ๊กตู่' ร่นระยะห่าง สร้างระยะประชิดองคาพยพ

เฉพาะเดือนมีนาคม ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นัดดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้วถึง 2 ครั้ง 

ครั้งแรก วันที่ 8 มีนาคม ที่สโมสรราชพฤกษ์ ผู้ร่วมบทสนทนาบนโต๊ะอาหารคือ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคขนาดใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 4 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา  

โดยมี 3 ป. บิ๊กตู่, ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นแกนกลางของโต๊ะ 

ขณะที่ครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่สโมสรราชพฤกษ์เช่นเดิม แต่คราวนี้ ‘บิ๊กตู่’ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกขนาด ตั้งแต่เล็ก กลาง และใหญ่ ร่วมรับประทานอาหาร หลังถูกครหาว่า เชิญแต่พรรคขนาดใหญ่ ไม่เห็นความสำคัญของพรรคขนาดเล็ก 

ขณะเดียวกันยังมีการนัดแนะกันว่า การร่วมรับประทานอาหารในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นทุกเดือน โดยพรรคร่วมรัฐบาลจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ 

แน่นอนว่า ในทางการเมืองการรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องปกติธรรมดา เหมือนที่แกนนำรัฐบาลหลายคนชี้แจง ไม่มีวาระพิเศษอะไร
                    แต่ในข้อเท็จจริงคือ การจัดงานลักษณะนี้ห่างเหินไปนาน กระทั่งกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้งในช่วงที่การเมืองถึงจังหวะคาบลูกคาบดอก โดยเฉพาะสถานการณ์ของ ‘บิ๊กตู่’ ในเดือนพฤษภาคม ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

เป็นการรับประทานอาหารในช่วงที่ความสัมพันธ์ของทั้งวงศ์วาน 3 ป. และทั้งพรรคร่วมรัฐบาลเปราะบาง มันจึงไม่ใช่การจัดขึ้นในภาวะปกติ 

แล้วยิ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า ‘บิ๊กตู่’ ประกาศเชิญชวน ครม. ส.ส. และ ส.ว. มาร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีการตักบาตรในช่วงเช้า และมีพิธีรดน้ำดำหัวในวันที่ 12 เมษายน 

การรดน้ำดำหัว ‘บิ๊กตู่’ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะจัดขึ้นเกือบทุกปีมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียงแต่ที่ผ่านมาจัดในวงแคบที่มีแต่ ครม.และข้าราชการเท่านั้น ไม่ได้มีการเชิญ ส.ส. และ ส.ว. มาด้วยเหมือนครั้งนี้ 

มันจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเป็นการรับประทานและพบปะกันตามปกติ หากแต่มันเป็นการใช้โอกาสพิเศษเพื่อนัดพบปะกัน 

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะในฐานะ ส.ส.ในซีกรัฐบาล ย่อมสามารถมารดน้ำดำหัว ‘บิ๊กตู่’ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้ หรือแม้แต่ฝ่ายค้านเองก็มาร่วมได้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่งในประเทศ 

เพียงแต่ครั้งนี้มันมีนัยสำคัญทางการเมือง ตรงที่เทียบเชิญ ส.ส. และ ส.ว. ให้มาร่วมกันถึงศูนย์กลางบริหารราชการแผ่นดิน ดังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคของ ‘บิ๊กตู่’ 

โดยเฉพาะ ส.ว. ที่ปกติเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทำงานคนละส่วนกับฝ่ายบริหารชัดเจน จะมีเส้นแบ่งพอสมควรกับรัฐบาล  

แต่แน่นอนต่างรู้กันว่า ส.ว. 250 คนเหล่านี้ ล้วนเกิดจากบ่อเดียวกันนั่นคือ ‘บิ๊กตู่’ ในเวอร์ชั่นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่งอยู่แล้ว  

พูดง่ายๆ คือ ส.ว. ไม่ใช่คนไกลของพี่น้อง 3 ป. แต่เป็นองคาพยพเดียวกันมาตลอด แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลไปแล้ว  

หากแต่ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่ค่อยเจอหน้ากัน มันจึงมีระยะห่างเกิดขึ้น แล้วก็มีคนใช้ระยะห่างตรงนี้ระหว่าง ‘บิ๊กตู่’ กับ ส.ว. มาใช้ประโยชน์ทางการเมือง 

 ตรงกันข้าม กลายเป็น ‘บิ๊กป้อม’ ที่เป็นคนที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับ ส.ส. รวมไปถึง ส.ว. มากกว่า หลังๆ แทบจะเป็นคนกดปุ่มสัญญาณทั้ง 2 สภาด้วยซ้ำ  

และจุดอ่อนของ ‘บิ๊กตู่’ ในช่วงที่ผ่านมาคือ ความห่างเหินกับคน 2 กลุ่มนี้      

การเชื้อเชิญมารดน้ำดำหัวกันที่ทำเนียบรัฐบาล จึงเหมือนเป็นการร่นระยะห่างให้สั้นลง โดยใช้ความถี่เป็นการสร้างระยะประชิดให้มากขึ้น 

โดยเฉพาะสถานการณ์ตอนนี้ที่มีวาระหลักๆ สำคัญ 2 เรื่องรออยู่ นั่นคือ การลงมติร่าง พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคม 

แม้อาจดูช้าไปที่มาคิดทำอะไรแบบนี้ตอนปลายเทอม หากแต่มันไม่ช้าเสียทีเดียว เพราะเป็นช่วงก่อนถึงเวลา ‘หน้าสิ่วหน้าขวาน’ ของรัฐบาล 

หากต้องการบริหารไปจบครบเทอมก็ไม่สามารถละทิ้งองคาพยพเหล่านี้ได้เลย เพราะจำเป็นต้องอาศัยกลไกเหล่านี้พยุง 

มันเลยยุคที่จะอยู่กันแบบ ‘ผู้บังคับบัญชา-ผู้ใต้บังคับบัญชา’ เหมือนตอน คสช. ตอนนี้ต้องใช้วิธีพึ่งพาอาศัยกัน 

ที่สำคัญ ต้องทำให้ทุกอย่างอยู่ในสายตา ไม่มีอะไรเล็ดลอดจนโดนแทงข้างหลังอีก. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดร.ก้อง'เผยโครงการ'สปอร์ต คอมเพล็กซ์' ขานรับแนวคิด'นายกฯ' เพิ่มสนามมาตรฐานรับศึกใหญ่

ดร.ก้อง” เผยโครงการ “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ขานรับแนวคิด “นายกรัฐมนตรี” ให้สร้างสนามกีฬาระดับมาตรฐานเพิ่ม เพื่อรองรับรายการระดับนานาชาติที่ใหญ่ขึ้น

‘แม้ว’ห้าว!ผ่านสนาม อบจ. ท่าทีมั่นใจ‘ความปลอดภัย’

ห้าวทุกเวที! 4 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.หาเสียง

นายกฯอิ๊งค์ เปิดทำเนียบฯ จัดงาน ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ในปีนี้น.ส.แพทองธาร มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2568 ให้กับเด็ก ๆ เยาวชนไทย เพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจว่า 'ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง'

จับตา! สรรพากร-สตง. สอบที่มาทรัพย์สิน 'นายกฯอิ๊งค์' รวยหมื่นล้าน

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายกฯอุ๊งอิ๊ง ผวาที่มาทรัพย์สิน 1.3 หมื่นล้าน อาจถูกตรวจสอบที่มาของรายได้ และภาระภาษี 30%

เลิกเหนียม! ท่าที ‘ทักษิณ’ ชัด สะกิด ‘แพทองโพย’ ตั้งเป็น ‘นายกรัฐมนตรีอาวุโส’ เลย

จากคำปราศรัยและการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว จะเห็นได้ว่านายทักษิณ ชินวัตร คือนายกรัฐมนตรีตัวจริง จึงไม่จำเป็นต้องเหนียมอายอะไรอีกแล้ว