คิกออฟเวทีถล่ม 'บิ๊กตู่' โหมกระแสชิงกดดันศาล รธน.

เปิดฉากนำร่องเป็นเวทีแรกไปแล้ว สำหรับการจัดกิจกรรมทางการเมืองนอกรัฐสภาในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ของพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อ เขย่าขวัญการเมือง-เปิดเวทีทะลวงไส้รัฐบาลบิ๊กตู่ ในช่วงปิดสภาฯ โดยจัดกันแมตช์แรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท

กิจกรรมดังกล่าว ฝ่ายค้านใช้ชื่อแคมเปญว่า "โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชนฯ ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทย เพื่อประชาชน" โดยมีหัวหน้าพรรค-แกนนำ รวมถึง ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมทำกิจกรรมแบบคึกคัก เร้าใจ

เนื้อหาหลักๆ ที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเปิดเวทีถล่มรัฐบาลบิ๊กตู่แบบ ซัดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง ชนิดใส่ไม่ยั้ง-ยิงถล่มจนพรุนกลางเวที พบว่าก็เรื่องเดิมๆ ที่ฝ่ายค้าน ทั้งให้สัมภาษณ์ และเคยพูดมาแล้วตอนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงตอนฝ่ายค้านเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก็คือไล่ถล่มว่ารัฐบาลบริหารประเทศผิดพลาด ล้มเหลว ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ของแพงทั้งแผ่นดิน ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า น้ำมันแพง หมูแพง พ่วงกระหน่ำด้วยเรื่องปัญหาโควิด-หนี้สาธารณะ-ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม รวยกระจุก จนกระจาย แล้วก็ฉายหนังซ้ำเดิมๆ เรื่องปัญหาในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เป็นต้น

เรียกว่า แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าฝ่ายค้านจะพูดอะไรบ้าง เขียนสคริปต์รอไว้ได้เลย จากนั้นฝ่ายค้านก็พากันตอดหมุด ปิดฝาโลงไปว่า

หมดเวลานายกฯ ประยุทธ์- สิงหาคมนี้ไม่รอดแน่

โดยยกเหตุผลเรื่องพลเอกประยุทธ์จะต้องเผชิญกับปมปัญหาข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญในเรื่อง วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่ห้ามอยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปี ที่ฝ่ายค้านย้ำว่า ภายในไม่เกินสิงหาคมปีนี้จะยื่นคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ฝ่ายค้านบอกว่า ก่อนหน้านั้นพลเอกประยุทธ์จะต้องเจอศึกหนักการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พลเอกประยุทธ์จะต้องเจอปัญหาเรื่องเสียงโหวตในสภาฯ แต่หากพลเอกประยุทธ์รอดศึกซักฟอกไปได้ แล้วไปช่วงเดือนสิงหาคม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความให้พลเอกประยุทธ์อยู่ต่อได้ ฝ่ายค้านบอกเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญจุดระเบิดเวลาการเมืองไทย!

อย่างในช่วงเสวนาในหัวข้อ หมดเวลานายกฯ ก่อนประเทศหมดเวลา ที่แกนนำฝ่ายค้านพากันขึ้นเวทีเรียงหน้าสับรัฐบาลประยุทธ์ พบว่าแกนนำฝ่ายค้านไล่เรียงประเด็นถล่มรัฐบาลแบบหนักหน่วง เช่น พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุกลางเวทีตอนหนึ่งว่า

"ระเบิดเวลาที่มีชนวนมากมายที่คอยจุดระเบิดนี้ หนึ่งในนั้นคือ วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ถึงปี 2570 ท่านกำลังจุดชนวนระเบิดเวลา ขอฝากให้ประชาชนออกมาแสดงพลังให้เห็นว่าหมดเวลาแล้วของ พล.อ.ประยุทธ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ

สอดรับกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ที่เน้นเรื่องวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน โดยบอกว่า พลเอกประยุทธ์จะหมดเวลาไม่เกิน 25 ส.ค.2565 แต่อาจจะมีการฝืน อาจมีการตีความให้อยู่ได้

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็พูดประเด็นนี้ไว้เช่นกัน โดยระบุว่าจะให้ประชาชนทวงคืนอำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะครบวาระ 8 ปี วันที่ 23 ส.ค.2565 นายกฯ จะอยู่เกิน 8 ปีไม่ได้

ขณะที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวสำทับการเมืองไว้บนเวทีเดียวกันว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นหลังสภาฯ เปิด จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภาฯ โดยพรรคใดที่สนับสนุนนายกฯ คนนี้ อาจจะสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อความสง่างาม ก่อนถึงเดือนสิงหาคม พลเอกประยุทธ์ควรลาออกก่อน

จุดหนึ่งที่แลเห็นชัดคือ ฝ่ายค้านเริ่มเทน้ำหนักมาพูดเรื่อง วาระ 8 ปีพลเอกประยุทธ์ มากขึ้น

ประเด็นนี้วิเคราะห์ได้ว่า อาจเพราะฝ่ายค้านเองเริ่มมองว่า พลเอกประยุทธ์และพรรคร่วมรัฐบาลคงจะคุมเสียงโหวต ส.ส.ในสภาฯ ในช่วงศึกซักฟอกได้ จนทำให้พลเอกประยุทธ์ได้อยู่ในตำแหน่งต่อ เพราะได้เสียงโหวตไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง

เพราะช่วงหลังจะพบว่า พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มจับมือกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพื่อประคับประคองรัฐนาวาประยุทธ์ชุดนี้ให้ไปตลอดรอดฝั่ง อย่างน้อยก็ให้ผ่านพ้นการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกในเดือน พ.ย.ปีนี้ไปให้ได้ก่อน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็อยากเป็นรัฐบาลให้นานที่สุดอยู่แล้ว

ขณะที่ในส่วนของ พรรคร่วมรัฐบาลขนาดเล็ก ที่มี ส.ส.ประมาณ 1-6 เสียง ที่ไม่ได้มีโควตารัฐมนตรีและไม่ได้มีภาพว่าเป็นเครือข่ายใกล้ชิดกับ ธรรมนัส พรหมเผ่า เช่น พรรคชาติพัฒนาโดยการนำของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ-พรรคพลังท้องถิ่นไท ของชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน"-"พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเดิมของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" และพรรคที่มี ส.ส.หนึ่งเสียงอย่าง พรรคพลังธรรมใหม่ของ นพ.ระวี มาศฉมาดล พรรคเหล่านี้ก็ยังชัดเจนว่า ยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์อยู่

และตอนนี้พลเอกประยุทธ์ก็ให้ความสำคัญกับ ส.ส.พรรคเล็กมากขึ้นตามลำดับ เห็นได้จากที่ พล.อ.ประยุทธ์นัดกินข้าวกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สโมสรราชพฤกษ์ เวลา 18.00 น. ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่พบว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลาง พรรคเล็กต่างส่วนใหญ่ตอบรับเข้าร่วมวงกันหมด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของพลเอกประยุทธ์เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ฝ่ายค้านอาจมองว่า สุดท้ายรัฐบาลอาจรวมเสียงจนผ่านศึกซักฟอกไปได้ โดยเฉพาะถ้ามีการปลดล็อกเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นปัญหาการเมืองขณะนี้ออกไปด้วย เช่น พลเอกประยุทธ์อาจ ปรับ ครม. ในช่วงก่อนศึกซักฟอก โดยดึงพรรคเศรษฐกิจไทยที่เป็นพรรคเครือข่ายของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าร่วมรัฐบาล และให้โควตารัฐมนตรี 2 ตำแหน่งกับคนของพรรคเศรษฐกิจไทย โดยไม่มีชื่อของธรรมนัสเป็น รมต.ที่ก็อาจจะทำให้ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมจะโหวตสนับสนุนพลเอกประยุทธ์และอยู่กับฝ่ายรัฐบาล

มันเลยทำให้ฝ่ายค้านอาจมองข้ามช็อตไปแล้วว่า มีโอกาสที่พลเอกประยุทธ์จะฝ่าด่านศึกซักฟอกไปได้ เลยต้องเริ่มสร้างกระแส พลเอกประยุทธ์จะไม่รอดในเรื่องวาระ 8 ปีนายกฯ โดยโหมกระแส ดักทางศาลรัฐธรรมนูญไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นหัวเชื้อ ก่อนจุดไฟตอนสิงหาคม!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ปริศนา'เรือดำน้ำ' เปิด5ประเด็นสะดุด'ตอ'

ทริปเร่งด่วน ที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม นำทีม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสายตรงของ “นายกฯ" และ “ชินวัตร” บินไปจีนเมื่อช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ ทร.ไทยจ้างบริษัทของจีนสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา

‘สภาสูง’ในเงื้อมมือค่ายน้ำเงิน ส่องภารกิจเลือก‘องค์กรอิสระ’

ภารกิจ 200 สว. แสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มารายงานตัวครบจบไม่ขาดไม่เกิน แต่สวนทางกับความอลหม่านที่กลุ่มต่างๆ ภายในสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วยกันเอง