สงขลาส่อวิกฤตโควิด ผู้ว่าฯ ห้ามคนไม่ฉีดวัคซีน3เข็ม เข้า-ออก

แฟ้มภาพ

นิวไฮใหม่ สงขลาโควิดยังพุ่งน่าตกใจ พบรายใหม่ 389 คน สถิติสูงสุดระลอกใหม่ เสียชีวิต 2 คน ติดเชื้อเข้าข่าย ATK 38,000 คน  ขณะที่เตียงส่อวิกฤต ด้านผู้ว่าฯขีดเส้นคนไม่ฉีดวัคซีนเข็ม3 เข้า-ออก เริ่ม 1 เม.ย.

6 มี.ค.65 – สำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลา รายงานการตรวจหาเชื้อโควิดด้วย RT-PCR โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. พบจำนวน 9,073 คน วันที่ 6 มี.ค. พบผลเป็นบวก 389 คน ซึ่งสถิติสูงสุดในการกลับมาของโควิดระลอกใหม่ ติดเชื้อสะสม 8,272 คน และมีผู้เสียชีวิต 2 คน เสียชีวิตสะสม 30 คนและติดเชื้อเข้าข่าย ATK 38,000 กว่าคน 

 ขณะที่เตียงรับผู้ติดเชื้อโควิด 33,254 เตียง เตียงที่ใช้ไป 27,700 กว่าเตียง หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังอยู่ในช่วงพีคตลอดเดือน มี.ค. เตียงจะไม่พอกับจำนวนผู้ติดเชื้อ  ถึงแม้ว่าผู้ติดเชื้อมีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเปอร์เซ็นต์มากก็ตาม  เพราะที่ยังตรวจพบเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยันในพื้นที่เกิน 70% ของแต่ละวัน และเป็นกลุ่มที่ไม่ขอรับวัคซีน

ทั้งนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อ โดยนายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลาประธาน ได้ประกาศห้ามบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เข้า-ออก จ.สงขลา  เริ่มวันที่ 1 เม.ย.65 ท่ามกลางกระแสคัดค้านก็ตาม  แต่จะต้องมีมาตรการที่เข้ม  เพราะพื้นที่ ที่มีเขตแดนติดต่อกับ จ.สงขลา มีประชาชนเดินทางเข้า-ออกจำนวนมาก  สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายวันสูงทุกจังหวัด เช่น จ.สตูล 196 คน จ.นครศรีฯ 980 คน จ.นราธิวาส 233 คน จ.ยะลา 289 คน และ จ.ปัตตานี 258 คน. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จนท. เร่งหาหลักฐาน ไล่กล้องวงจรปิด หาเบาะแสเหตุระเบิดแคมป์ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม

ความคืบหน้าคนร้ายระเบิดแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม อ.เทพา จ.สงขลา คนงานบาดเจ็บ 3 ราย ทรัพย์สินเสียหาย และมีการวางระเบิดอีก 2 ลูกเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้นักเรียนที่กำลังเข้าค่ายกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี

ชาวประมงพื้นบ้านสงขลา ออกคราดหอยเสียบ สร้างรายได้งามช่วงฤดูมรสุม

ชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนเก้าเส้ง ประกอบอาชีพคราดหอยเสียบขายรายได้ดีเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นอิสระในช่วงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือ คลื่นลมเริ่มมีกำลังแรงหอยเสียบตัวโต น้ำหนักดี สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับครอบครัว

'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง

'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล