เผยผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงตุลาคม 64 -มกราคม 65 วัคซีน 2 เข็มป้องกัน โอมิครอน ไม่อยู่แล้ว เข็ม 3 สู้ได้ 68% ผลศึกษาเป็นเหมือนยุโรป-อเมริกาต้องเร่งกระตุ้นเข็ม3
18ก.พ.2565-ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับทางอาจารย์ ดร.กรรณิการ์ อินต๊ะวงศ์ อาจารย์ประจำ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม หัวหน้าทีมสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้โครงการวิจัยพัฒนาระบบบริการเพื่อการดูแลภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างครบวงจร โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ (อว.) ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อศึกษาหาประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2564 ต่อเนื่องมาจนถึง 31 มกราคม 2565 โดยดึงข้อมูลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการตรวจแลปยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 เปรียบเทียบกับผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเดินทางไปในสถานที่เสี่ยงที่พบการแพร่ระบาด เช่น ตลาด ร้านอาหาร หรือภายในครอบครัว เป็นต้น แต่มีผลตรวจเป็นลบ เพื่อคำนวณหาประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการเสียชีวิตในผู้ป่วยจากโรคโควิด-19
ทั้งนี้ผลการศึกษา พบว่า ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีสายพันธุ์หลักที่มีการระบาดในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นสายพันธุ์เดลต้า มีจำนวนผู้ป่วยโควิดที่รายงานอย่างเป็นทางการ จำนวน 19,235 ราย เสียชีวิต 154 ราย คิดเป็น 0.8% โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี มักมีโรคประจำตัวร่วมอยู่ด้วย และเป็นผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนสูงถึง 80% ในผู้ป่วยที่เสียชีวิต นอกนั้นได้รับวัคซีน 1 เข็ม 12% ได้รับวัคซีน 2 เข็ม 8% และไม่พบผู้เสียชีวิตที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม ส่วนในเดือนมกราคม 2565 มีรายงานผู้ป่วยโควิดทั้งที่ตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCT หรือตรวจด้วยชุด ATK โดยหน่วยบริการในจังหวัดเชียงใหม่รวม 15,961 ราย แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 12 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.พ.2565) คิดเป็น 0.075% โดยผู้เสียชีวิต 9 รายเป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี และ เป็นผู้ที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนประมาณ 50% ฉีดวัคซีน 1 เข็ม 33% ฉีด 2 เข็ม 17% และไม่พบผู้เสียชีวิตที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มเช่นเดียวกัน และจากการส่งตรวจสายพันธุ์ของผู้เสียชีวิตในช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 จำนวน 3 ตัวอย่าง พบว่า เป็นเชื้อสายพันธุ์โอไมคร่อนทั้งหมด
เมื่อวิเคราะห์หาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยวิเคราะห์เฉพาะผู้ป่วยโควิดเปรียบเทียบกับกลุ่มสัมผัสที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและเป็นคนไทยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ในช่วงเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2564 ผู้ที่ได้รับวัคซีนจำนวน 2 เข็มมากกว่า 14 วันขึ้นไป สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อฯได้ประมาณ 71% ในวัคซีนเกือบทุกสูตร ส่วนวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้สูงประมาณ 93% ในวัคซีนทุกสูตรรวมถึงวัคซีนสูตรไขว้ 2SV 1AZ และ 1SV 2AZ และที่สำคัญคือช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 97% ในผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 และ 99% ในผู้รับวัคซีน 3 เข็ม
"แต่เมื่อติดตามวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีน ในช่วงเดือนมกราคม 2565 ซึ่งการระบาดในพื้นที่เชียงใหม่โดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงครึ่งเดือนหลัง มากกว่า 80% จะเป็นสายพันธุ์โอไมคร่อนนั้น พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม จะไม่มีผลต่อการป้องกันการติดเชื้อฯได้เหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังช่วยลดการตายได้กว่า 89% แต่หากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือฉีดเข็มที่ 3 ยังสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 68% (ระหว่าง 62-78%) และยังช่วยลดการตายได้ดีมากถึง 96% เมื่อวิเคราะห์ชนิดของสูตรวัคซีน 3 เข็ม ต่อการป้องกันการติดเชื้อ พบว่า ทุกสูตรหลักที่มีการใช้ในประเทศไทย ได้ผลไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ประมาณ 62% ถึง 78% รวมถึงสูตร 2SV 1AZ และ 1SV 2AZ ที่เป็นสูตรไขว้ และวัคซีนสูตร mRNA ที่มีการใช้ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมาในจังหวัดเชียงใหม่และในประเทศไทย ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และอิสราเอล ที่ใช้วัคซีนชนิด mRNA เป็นหลัก ที่ผลพบว่าวัคซีน 2 เข็ม ไม่ช่วยในการป้องกันการติดเชื้อ ส่วนวัคซีน 3 เข็ม สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ 50-75% และช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ 85-99% ที่เพิ่งจะเผยแพร่ออกมาในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับผลการศึกษาในครั้งนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นการระบาดของสายพันธุ์ Omicron "
นายแพทย์สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากผลการศึกษาดังกล่าว จึงควรเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปให้ครอบคลุมมากขึ้นโดยเร็ว ทั้งนี้วัคซีนสูตร 3 เข็มทุกชนิดที่กำหนดให้ใช้ในประเทศไทยยังพอมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีระดับหนึ่งแม้จะเป็นสายพันธุ์โอไมคร่อน แต่ที่สำคัญคือช่วยป้องกันอาการรุนแรงและการตายได้ค่อนข้างสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย SV หรือวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ AZ หรือ mRNA ก็ได้ผลไม่แตกต่างกัน รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ให้เข้ามารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วโดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคเรื้อรังร่วมด้วย ควบคู่ไปกับมาตรการการป้องกันตนเอง โดยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ๆ จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่จะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ก็รณรงค์ให้ข้อมูลและให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนให้ครบโด๊สโดยเฉพาะเข็มที่ 3 เบื้องต้นมีเป้าหมาย 6.8 แสนคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ศุภมาส" ยินดี วช. - อผศ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ความร่วมมือการผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแก่ผู้พิการ
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ กระทรวงกลาโหม (กห.) โดย องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแก่ผู้พิการเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการให้ดียิ่งขึ้น
รัฐบาลเดินหน้ายกระดับอาหารพื้นถิ่นอีสาน!
รัฐบาลเดินหน้ายกระดับอาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชัน สู่นวัตกรรมอาหารปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสี มุ่งเพิ่มโอกาสทางการตลาด ช่วยรับรองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
คอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูงและมีการปรับรูปแบบอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันจึงต้องอาศัยกลยุทธ์ที่แยบยลและครอบคลุมในทุก ๆ
ข่าวดี! รัฐบาลเตรียมดัน 'เท้าเทียมไดนามิกส์' ให้ใช้ฟรีตามสิทธิรักษาพยาบาล
รัฐบาลหนุนทุนวิจัยผลิต 'เท้าเทียมไดนามิกส์' คุณภาพสูง ต้นทุนต่ำนำเข้า 5 เท่า เตรียมเสนอให้คนไทยใช้ฟรี ผ่านสิทธิรักษาพยาบาลของรัฐ
ยอดผู้รับบริการ 'เจอ แจก จบ' ตั้งแต่มี.ค. ทะลุ 7 ล้าน 'ศบค.' เตรียมลดบทบาทต.ค.นี้
ยอดผู้รับบริการ เจอ แจก จบ ตั้งแต่มี.ค. ทะลุ 7 ล้าน เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 3 หมื่น ศบค.เตรียมลดบทบาท ต.ค.นี้ ยังไม่คุยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยัน วัคซีนคงคลังมีเพียงพอ ชวนปชช.เร่งฉีดเข็มกระตุ้น ขยายเวลาพำนักในไทยดึงดูดเงินนทท.ต่างชาติ