7 ก.พ.2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.30 น. ของวันที่ 7 ก.พ. 65 ร.ต.ท.สุทธิกรรณ์ เอี่ยมสำอางค์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากตำรวจประจำจุดบริการประชาชนตู้โรจนวงศ์ ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านในหมู่บ้านกาญจนบุรีวิลล่า 1 ซอย 3 ตั้งอยู่ในซอยด้านหลังร้านอาหารจุ๊บแจงโจ ถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบว่าที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของเทศบาลตำบลท่ามะขาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ กำลังพังประตูบ้านเลขที่ 452 ซึ่งเป็นบ้านเกิดเหตุ ที่ภายในบ้านไฟกำลังโหมรุกไหม้ที่บริเวณตัวบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องทำการพังประตูบ้านเข้าไปเอาอุปกรณ์สายและเครื่องฉีดน้ำดับเพลิง โดยใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ
ส่วนบริเวณห้องเก็บของด้านข้างภายในบ้าน มีร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายอยู่ในสภาพนั่งคลุกเข่าดำเป็นตอตะโก ตามร่างกายถูกไฟไหม้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ที่บริเวณลำคอมีร่องรอยใช้เชือกไม่ทราบชนิดผูกติดกับขื่อหลังคาบ้านที่ถูกเปลวเพลิงลุกไหม้เสียหายจนพังลงมา ใกล้กันพบถังแก๊สหุงต้มจำนวน 3 ถัง ในลักษณะเปิดวาล์วทิ้งไว้วางอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งรายงานให้ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบเรื่อง จากนั้นจึงประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งตำรวจท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ให้มาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น
ต่อมาเวลา 08.30 น. ของวันเดียวกัน คณะเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยแพทย์ จึงได้ทำการตรวจสอบหลักฐานที่เกิดเหตุภายในบ้านอย่างละเอียดพบว่า เพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ทำลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณชั้น 2 หรือชั้นล่าง และห้องเก็บของด้านข้างจนวอดวายกลายเป็นเถ้าถ่าน ที่บริเวณฝาพนังข้างบ้านและลานจอดรถภายในบ้าน พบมีการใช้สีสเปย์สีชมพูพ่นเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ในลักษณะที่มีใจความเอ่ยถึงความน้อยใจต่างๆ นานา ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นอักษรที่ผู้ตายเขียนไว้ก่อนตัดสินใจเผาบ้านและผูกคอฆ่าตัวตาย ตรวจสอบที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้านยังมีถังแก๊สหุงต้ม จำนวน 2 ถังตั้งอยู่ในลักษณะเปิดวาล์วทิ้งไว้รวมใช้แก๊สหุงต้มในการจุดไฟเผาบ้านทั้งสิ้น 5 ถัง
จากการสอบสวนนางกมลวรรณ อัลเบร็ทซ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 452 ถนนแสงชูโตเหนือ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ภรรยาผู้ตายให้การว่า ผู้ตายชื่อนายอูเว อัลเบร็ทซ์ อายุ 63 ปี เป็นฝรั่งชาวต่างชาติ สัญชาติเยอรมัน และอดีตเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ต่อมาได้พบเจอและแต่งงานอยู่กินกัน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2500 ตนและสามีได้เดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย โดยมาซื้อบ้านหลังนี้อยู่กินกันมานานกว่า 20 ปี สามีทำธุรกิจอะไรไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า ตอนกลางคืนจะออกมานั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนกลางวันจะนอนหลับพักผ่อน ส่วนตนยึดอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่บ้าน ก่อนหน้านี้ตนได้เอาหลาน 2 คนมาเลี้ยงที่บ้าน ก็ไม่มีเรื่องอะไร อยู่กินกันมานานเกือบ 20 ปี ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลย อยู่ๆ สามีก็บอกให้ตนเอาหลานกลับไปเลี้ยงที่บ้านที่ ต.รางหวาย อ.พนมทวน เพราะไม่มีสมาธิในการทำงาน
จากนั้นเมื่อวันไหว้ตอนวันตรุษจีนที่ผ่านมา ตนได้นำสิ่งของมาไหว้ศาลพระภูมิที่บ้าน สามีได้เล่าให้ฟังว่า น้องชายที่แต่งงานอยู่กินกับสาวชาวไทยที่อยู่นครราชสีมา ได้เสียชีวิตลงแบบไม่ทราบสาเหตุ ขอให้ตนกลับไปอยู่บ้านก่อน จัดการเรื่องงานศพเสร็จแล้วค่อยกลับมาอยู่บ้าน กระทั่งเมื่อคืนลูกสาวได้โทรมาบอกว่า เพื่อนบ้านโทรมาบอกว่า นายอูเว พ่อเลี้ยงจุดไฟเผาบ้านและผูกคอตายอยู่ภายในบ้านแล้ว จึงพร้อมด้วยญาติๆ และเพื่อนๆ ได้เดินทางมาดู ส่วนสาเหตุนั้นงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรที่สามีทำแบบนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบศพผู้ตายให้มูลนิธิฯ นำศพส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะแจ้งให้สถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทยทราบเรื่อง เนื่องจากผู้ตายได้ทำประกันชีวิตไว้ที่ประเทศเยอรมัน และในประเทศไทย จำนวนหลายแสนบาทอีกด้วย
เบื้องต้นจากปากคำบอกเล่าของภรรยาผู้ตายรวมทั้งหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะตัวหนังสือที่ผู้ตายทำไว้ รวมทั้งประตูบ้านที่ปิดล็อคภายในอย่างแน่นหนา ที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ตำรวจสันนิษฐานเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะเป็นการเผาบ้านตัวเอง แล้วฆ่าตัวตายหนีความผิด ส่วนสาเหตุคาด 2 ประเด็น ไม่น้อยใจภรรยา ก็เครียดและคิดมากเรื่องน้องชายร่วมสายโลหิตเสียชีวิต จึงตัดสินใจเผาบ้านทิ้ง แล้วผูกคอตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิตอาสาร่วมใจ แพ็กของส่งต่อกิจกรรม “หนาวนี้ทำดีเพื่อพ่อ”
วันนี้ (18 พ.ย. 67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมกับพลโทนายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และจิตอาสาอีกหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมกันแพ็กของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทั้ง ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ชุดวอร์ม น้ำดื่ม วอล์คเกอร์ และของใช้ในชีวิตประจำวัน
เตือนภัยชาร์จโทรศัพท์ สามพ่อลูกหวิดดับกลางกองไฟ
สามพ่อลูกหวิดดับ ชาร์จโทรศัพท์ไว้ก่อนไฟลุกปลั๊กลามที่นอนไฟไหม้วอดยกชั้น โชคดีหนีออกมาทัน เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่ชัดเจน
ศึกแย่งศพ! พี่ชายใช้กฎหมายสั่งห้าม 2 แม่ลูก จัดงานเผาศพพ่อ
นายเพิก ศรีคำตำบล อายุ 80 ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยทางนางพรรณี บัวบาล ผู้เป็นลูกสาวของผู้ตายพร้อมด้วยญาติๆ
เบื้องหลัง 'เรือไฟ' แชมป์เก่า อ.ปลาปาก ไหม้ก่อนไหลโชว์ สูญเกือบล้าน
เบื้องหลังเรือไฟ อ.ปลาปาก มูลค่าเกือบล้านบาท ไฟไหม้ก่อนไหลโชว์ ตะเกียงไส้ยาวจนลามไปอีกดวง กลุ่มผู้สร้างขอนำไปแก้ไข เพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืน เสียดายเงินเหมือนโยนทิ้งน้ำ
'อดีตปธ.กมธ.คมนาคม' บี้ถอดบทเรียนบัสมรณะ เร่งสร้างจิตสำนึกคนขับ-เข้มใช้กม.
'อดีตปธ.กมธ.คมนาคม' ชี้รายงานWHO ไทยครองอันดับ 1 อาเซียน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และอันดับ 9 ของโลก สาเหตุหลักคนขับรถประมาท แนะรัฐบาลถอดบทเรียนโศกนาฏกรรมบัสมรณะ
จับแก๊งขนเฮโรอีนจากเมียนมาคาด่าน ซุกถังน้ำมัน 24.5 กิโล
รวบ 'บอย ดอนตะโก' สมุน 'โทย พญาตองซู' คาด่าน เฮโรอีนซุกถังน้ำมันหนักกว่า 24 กก. สารภาพได้ค่าจ้าง 8 หมื่นบาท