คณะอนุกรรมการอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน มีมติชะลอสรุปผลคดีอดีต ผกก.โจ้ ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำกลางคลองเปรม แจง ขอให้ สน.ประชาชื่น ไปทำการสอบสวนให้ครบถ้วนรอบด้านก่อน พร้อมรอผลชันสูตรพลิกศพทางการจากนิติวิทย์ ยธ. - นิติเวช “ผกก.สน.ประชาชื่น” แย้มส่งหนังสือถึง “อสส.” ขออัยการมากำกับการสอบสวนคดีกฎหมายอุ้มหายฯ ระบุตำรวจต้องสอบปากคำเพื่อนผู้ต้องขังชายแดน 7 อีก 3-4 ราย และเพื่อนผู้ต้องขังชายในแดน 5 เพิ่มเติม รวมถึงต้องเรียกสอบปากคำ “ผู้คุมสิทธิพร” อีกครั้ง
17 มีนาคม 2568 - ที่กระทรวงยุติธรรม นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ครั้งที่ 3/2568 ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องเพื่อพิจารณา ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัว โดยได้มีการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ควบคุมกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรง และกรณีผู้ถูกควบคุมตัวถึงแก่ความตายตามมาตรา 28
โดย นายธีรยุทธ กล่าวว่า วันนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องอดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตระหว่างการถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำฯ ซึ่งที่ประชุมได้แบ่งเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ประเด็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำกลางคลองเปรม 2.ประเด็นร้องเรียนว่าถูกเจ้าหน้าที่ผู้คุมเรือนจำกลางคลองเปรม กลั่นแกล้งใช้ความรุนแรงระหว่างที่ถูกควบคุมตัว
โดยมติที่ประชุมมี ดังนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีการเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของอดีต ผกก.โจ้ มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ ซึ่งผลการประชุมของคณะอนุกรรมการฯ เรียนว่า เนื่องจากผลการผ่าชันสูตรพลิกศพยังไม่ถึงที่สุด แม้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จะได้แถลงผลอย่างไม่เป็นทางการ ให้น้ำหนักไปที่การฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังรอรายงานการผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ
และยังต้องรอรายงานการผ่าชันสูตรพลิกศพจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ อีกด้วย รวมทั้งผลการตรวจวัตถุพยานและสถานที่เกิดเหตุจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบมากที่สุด คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ชะลอการพิจารณา และหากผลการตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นที่สิ้นสุดแล้ว จะได้ประชุมพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อไป
นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีการร้องเรียนว่าผู้คุมเรือนจำกลางคลองเปรม มีการใช้ความรุนแรงและกลั่นแกล้งต่อ อดีต ผกก.โจ้ มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่นั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงานลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรงจำนวน 10 ปาก และรับเรื่องร้องเรียน รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงจากญาติของผู้เสียชีวิต ได้แก่ มารดาและน้องสาว
คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรมีการสืบสวนสอบสวนให้ครบถ้วนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบการกระทำดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ยุติธรรมกับทุกฝ่าย คณะอนุกรรมการฯ จึงได้มีมติให้ทำการสอบสวนตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ โดยมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย สน.ประชาชื่น ดำเนินการสอบสวน โดยมี พนักงานอัยการเข้ากำกับการสอบสวน ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า ตามที่ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบปากคำ รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นแล้วนั้น แต่ด้วยความที่ต้องมีความรอบคอบและต้องหาพยานหลักฐานจากอีกหลายฝ่าย จึงต้องให้ความเป็นธรรม มอบหมายให้ทางสน.ประชาชื่น เป็นผู้ดำเนินการต่อไป โดยมีอัยการเข้ามากำกับการสอบสวน ดังนั้น ในการตรวจสอบว่าเข้าข่ายตามความผิดกฎหมายอุ้มหายหรือไม่ ก็ต้องดูว่ามันเป็นการกระทำทรมาน หรือกระทำโหดร้าย ทารุณย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ อย่างไร ซึ่งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต้องมีความชัดเจนก่อน วันนี้จึงยังไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ และเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 5 หรือมาตรา 6 จนเป็นเหตุให้อดีตผู้กำกับโจ้ได้รับบาดเจ็บอย่างไรบ้าง ขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบข้อเท็จจริงก่อน
นายธีรยุทธ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนในส่วนของการเสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว สถิติตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน มีประมาณหลักร้อยราย โดยเป็นตัวเลขที่ได้รวบรวมจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศที่มีอำนาจในการควบคุมตัว มีทั้งกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น ซึ่งจำนวนหลักร้อยรายนี้ต้องได้รับการกลั่นกรองว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฏหมายอุ้มหายหรือไม่ อย่างไร
นายธีรยุทธ กล่าวว่า สำหรับความแตกต่างระหว่างพฤติการณ์ความผิดตามมาตรา 5 และมาตรา 6 ของกฎหมายอุ้มหายนั้น มีเกณฑ์อยู่ว่า หากเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 5 ต้องมีเจตนาพิเศษ ทำให้เกิดความเสียหาย หรือเป็นการกระทำที่รุนแรง และเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ มีเจตนาพิเศษหวังผลให้ได้มาซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงหรือเรื่องของการลงโทษต่าง ๆ ขณะที่พฤติกรรมตามมาตรา 6 จะเบาลงกว่า เพราะเจ้าหน้าที่รัฐอาจไม่ได้มีเจตนาพิเศษ อาจเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือทำให้บุคคลรู้สึกอับอาย เป็นต้น
“ในครั้งต่อไปถ้าได้ผลผ่าชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และผลจากโรงบาลจุฬาลงกรณ์ รวมทั้งผลการตรวจวัตถุพยานที่เกิดเหตุต่างๆมาแล้ว เราก็จะมีการประชุมโดยด่วนต่อไป เพราะสังคมอยากรู้การเสียชีวิตที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการกระทำของผู้กระทำเองหรือจากสาเหตุใด” นายธีรยุทธ ระบุ.
นายธีรยุทธ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนทางคดี หากมีการดำเนินการไปแล้ว และอัยการรับสำนวนคดีไปมีการสั่งฟ้อง อัยการก็ต้องมีการสั่งฟ้องไปยังศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินหรือแจ้งข้อกล่าวใคร เรามีหน้าที่แค่กลั่นกรองเรื่องว่าพฤติการณ์นั้นเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอุ้มหายหรือไม่ ติดตามเรื่อง และส่งเรื่องต่อให้หน่วยงานที่มีหน้าที่สอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.สัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันทางพนักงานสอบสวน ได้มีการทำหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการมาร่วมกำกับการสอบในคดีความผิดตามกฎหมายอุ้มหายฯ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนปากคำญาติของผู้เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ทั้งมารดา น้องสาว และแฟนสาวอดีต ผกก.โจ้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้คิดว่ามีส่วนพฤติการณ์ที่น่าจะเข้าข่ายความผิดตามกฏหมายอุ้มหาย ส่วนท้ายสุดจะพบเจ้าหน้าที่รัฐมีการกระทำความผิดหรือไม่นั้น ต้องดูที่พยานหลักฐานและการสอบสวนปากคำให้ครบถ้วนก่อน
พ.ต.อ.สัญญา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการต่อไป คือ การไปสอบสวนปากคำบุคคลเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้ต้องขังภายในแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 3-4 รายที่ต้องสอบสวน เพราะเราต้องการตรวจสอบเรื่องกรณีที่อดีตผู้กำกับโจ้ได้ร้องเรียนว่าได้ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกายรังแกกลั่นแกล้ง รวมถึงต้องสอบสวนปากคำเพื่อนผู้ต้องขังภายในแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม และในส่วนของผู้คุมเรือนจำฯ ด้วย ขณะที่ผู้คุมสิทธิพร (คู่กรณีของอดีต ผกก.โจ้) คงต้องมีการเรียกสอบสวนอีกครั้งในคดีเกี่ยวกับการถูกร้องเรียนว่าทำร้ายร่างกายอดีต ผกก.โจ้ ส่วนสถานที่การสอบปากคำผู้คุมสิทธิพร ว่าจะเป็นที่ สน.ประชาชื่น หรือที่ใด ต้องขึ้นอยู่กับพนักงานอัยการที่มาร่วมกำกับการสอบสวนจะพิจารณา การจะเรียกสอบสวนใคร พนักงานอัยการก็ต้องเห็นพ้องด้วย และการจะแจ้งข้อกล่าวหาใครว่ากระทำผิดตามกฏหมายอุ้มหาย ก็ต้องแจ้งพนักงานอัยการให้ทราบว่าเห็นสอดคล้องกันหรือไม่
“ตนมองว่าในกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้และการที่เคยร้องเรียนว่าถูกกลั่นแกล้งรังแก อาจมีความเชื่อมโยงกันเล็กน้อย เพราะว่าในเรื่องของการถูกทำร้ายร่างกายและถูกย้ายแดนมานั้น อาจเข้าข่ายการทรมาน เพราะมีการถูกย้ายจากแดน 7 มายังแดน 5 ก่อนตัดสินใจผูกคอตนเองเสียชีวิตภายในห้องขัง จึงต้องไปดูพยานหลักฐานว่ามันมีความเกี่ยวพันกันหรือไม่ เราจึงต้องไปสอบสวนเหตุการณ์ตั้งแต่ที่อดีตผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังภายในแดน 7 และย้ายมายังแดน 5 รวมถึงเมื่อมาอยู่ภายในแดน 5 เป็นเวลาเดือนเศษเกิดอะไรขึ้นบ้างกับอดีต ผกก.โจ้“ พ.ต.อ.สัญญา ระบุปิดท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช. รับคำร้องญาติอดีตผกก.โจ้ ปมจนท.กลั่นแกล้ง ต้องสอบก่อนตั้งอนุไต่สวน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีร่ำรวยผิดปกติ และคดีอาญาของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้
‘ดีเอสไอ’ชิ่งหนีคดี‘ผกก.โจ้’
ตามคาด! กรรมการชุดชันสูตรพลิกศพ “อดีต ผกก.โจ้” นำหุ่นจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต ยันผูกคอจบชีวิตได้ด้วยตัวเอง ด้าน "ดีเอสไอ" ไม่ทำคดีเพราะอ้างตาม
นำหุ่นจำลองเหตุการณ์ 'อดีตผกก.โจ้' เชื่อใช้ผ้าขนหนูมัดคอตัวเองได้
พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. ในฐานะกรรมการการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อัยการ และ แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจเข้าจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตพ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้
ลุยสางคดี 'อดีตผกก.โจ้' เรียกแม่-น้องแจงยิบ ตั้งแต่ต้นถึงวันเสียชีวิต
มีรายงานข่าวภายในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่า วันนี้ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการนัดหมายญาติของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้
‘ราชทัณฑ์’ แจง อุ้มผู้คุมเรือนจำ โบ้ย ‘โจ้’ หัวแข็ง!
"อธิบดีราชทัณฑ์" แจงยิบปม "อดีต ผกก.โจ้" เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ พร้อมตั้ง คกก. 2 ชุดสอบ ลั่นความจริงก็คือความจริง ยันมีเอกสารเจ้าตัวขอย้ายแดนเอง
เปิดผลตรวจดีเอ็นเอ รอยเลือด-ผ้าขนหนู 'อดีตผกก.โจ้'
มีรายงานว่า สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ในคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งเสียชีวิตภายในห้องขัง