3 พ.ย.2567 - ที่ห้องสอบสวน สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี น.ส.ลำไย ซ่อมแก้ว อายุ 45 ปี ภรรยา นักโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน ผู้เสียหาย พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูนชัย ชูรัตน์ ทนายความ นายธเนศ ทวิภมรกุลวงศ์ ทนายความ และครอบครัว ได้เปิดโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีการถูกผู้ใหญ่บ้าน และทนายความ ร่วมกันหลอกขายที่ดิน บริเวณเขากระทิง พื้นที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนทำให้ต้องถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากถึงกว่า 30 ล้านบาท
น.ส.ลำไย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 ข้าพเจ้าได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการ ผู้ใหญ่บ้าน และทนายความ กับพวก ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ในความผิดร่วมกันฉ้อโกง โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ชักชวน และหลอกลวงให้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน หลังหมู่บ้านบุรารัญ เชิงเขากระทิง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยกลุ่มผู้ต้องหายืนยันว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินมานานแล้ว สามารถซื้อขายสิทธิ และออกเอกสารสิทธิการครอบครองได้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐออกหนังสือตราครุฑของทางราชการรับรองการครอบครอง การใช้ประโยชน์ในที่ดิน มีทนายความ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายมารับรอง และรับดำเนินการเกี่ยวกับติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัด ตรวจสอบแนวเขต รวมถึงติดต่อขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายให้ด้วย มีเจ้าหน้าที่ที่ดินมาทำการตรวจสอบ และรังวัดแนวเขตที่ดินให้
ข้าพเจ้าและสามี จึงหลงเชื่อเข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.65 ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ดินและจ่ายเงินครั้งแรกจำนวน 5 แปลง จากผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินเดิม และที่ดินของกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 3,300,000 บาท และหลังจากนั้นจนถึงช่วงเดือน ม.ค.66 ได้ซื้อขายที่ดิน และจ่ายเงินค่าที่ดินไปอีกหลายครั้ง รวม 17 สัญญา ประมาณ 280 ไร่ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 29 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่กลุ่มผู้ต้องหา กับพวกหลอกลวง ว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน ดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ์ และดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวกับที่ดินอีกราวกว่า 7 ล้านบาท
ต่อมาหลังจากซื้อที่ดินแล้ว ข้าพเจ้าได้พาญาติๆ เข้ามาทำการเกษตร และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวบางส่วน จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.67 ข้าพเจ้ากับพวกรวม 5 คน ถูกพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ แจ้งข้อกล่าวหา จากสาเหตุดังกล่าว ในความผิดฐานในความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า และไม่มีเจตนาเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และฐานความผิดอื่นรวม 4 ข้อหา โดยมีหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ชบ.1 (บางละมุง) และฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นผู้กล่าวโทษ
ข้าพเจ้ากับพวก ไม่ได้มีเจตนากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันหลอกลวงนำที่ดินมาขายให้กับข้าพเจ้าและสามี และมีการปลอมแปลงเอกสาร ที่ใช้ในการขายที่ดินให้กับข้าพเจ้า กลับไม่ถูกดำเนินคดีอาญาด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหานี้ ได้นำที่ดินบริเวณใกล้เคียงนำไปขายให้กับบุคคลอื่นอีกหลายราย และมีการแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สัตหีบ ข้าพเจ้าจึงได้ร้องขอความเป็นธรรม และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหา ได้หลอกลวงข้าพเจ้า และผู้อื่นหลายครั้ง ในลักษณะเป็นการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ข้าพเจ้ากับสามี จะได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อไปร้องขอความเป็นธรรม และดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการ และทนาย ต่อสำนักงาน ป.ป.ง. ในความผิดฐานฟอกเงิน ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.พร้อมสอบทุกมิติคดีพินัยกรรมเจ๊อ้อย เผยหาก 'ษิทรา' ไม่มีทนายสามารถซักค้านเองได้
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสว่าจะมีตัวแทนรับมอบอำนาจจาก น.ส.จตุ
'เมียตั้ม ษิทรา' ร่ำไห้ ศาลไม่ให้ประกัน ยกเหตุผลสืบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่ นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของนางปทิตตา
ศาลให้ประกัน พี่เมียทนายตั้ม วงเงิน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
ภายหลังศาลรับฝากขังนางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างฝากขังศาลคำร้องพร้อมหลักทรัพย์
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ พี่เมีย 'ทนายตั้ม' สมคบฟอกเงิน โกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาวการวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน
คุมตัวพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ฝากขังศาล ตร.ค้านประกัน เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ
ตำรวจกองปราบ รวบพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ร่วมกันฟอกเงิน คดีโกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน”