คนร้ายชักปืน จี้พนง.ร้านสะดวกซื้อ ชิงเงินสด 1.2 ล้าน หนีลอยนวล

18 พ.ย.2567 - เมื่อเวลา 14.30 น. ร.ต.อ.มณฑล บัวพัว รอง สว.(สอบสวน) สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการณ์ลางา ว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์พนักงานร้านสะดวกซื้อ ได้เงินไปกว่า 1 ล้านบาทหลบหนีไป เหตุเกิดหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ต.ลางา อ.มายอ หลังได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมศักดิ์ ตันเจริญ ผกก. เมื่อไปถึงพบ รปภ. ของธนาคารดูแลความปลอดภัยพนักงานร้านสะดวกซื้อซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการสอบสวนทราบชื่อ นางสาว มารีนา มะมิง อายุ 27 ปี พนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาปาลัส ซึ่งอยู่ห่างจากธนาคารกสิกรไทย ที่เกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร ตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากการสอบสวนก่อนเกิดเหตุ ทราบว่า ขณะที่ นางสาว มารีนา มะมิง ซึ่งเป็นพนักงาน และเพื่อนสาวที่เป็นผู้จัดการใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเดินทางออกมาจากเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อนำเงินไปฝากที่ธนาคารกสิกรไทยที่เกิดเหตุ เมื่อขับมาถึงขณะที่กำลังจอดรถ ปรากฏว่าได้มีคนร้ายสองคนขับรถจักรยานยนต์ตามมาและจอดห่างกันประมาณ 3 เมตร คนที่ซ้อนท้ายได้เดินเข้ามาประกบ ก่อนที่จะข่มขู่ให้ นางสาว มารีนา มะมิง รีบเปิดเบาะรถ แต่ผู้จัดการที่มามาด้วยแย่งกุญแจและไม่ยอมให้เปิดเบาะรถจักรยานยนต์ คนร้ายจึงได้ชักอาวุธปืนจี้และพูดว่า “จะยิง” ทำให้ นางสาว มารีนา มะมิง และผู้จัดการกลัว จึงต้องยอมเปิดเบาะรถจักรยานยนต์ จากนั้นคนร้ายจึงได้ขโมยกระเป๋าเงินสีดำ ภายในเงินสดจำนวน 1,200,000 บาท ก่อนจะวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทาง อ. มายอ นางสาว มารีนา มะมิง และผู้จัดการ ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกคนร้ายขโมยเงินไป

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ตันเจริญ ผกก. ได้วิทยุแจ้งไปยังหน่วยกำลังในพื้นที่ รวมไปถึงจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ ให้ตรวจค้นตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ที่ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ100 สีดำ สภาพเก่า ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนขับใส่เสื้อเชิด คนหลังใส่เสื้อฮู๊ด สีดำ กางเกงยีนขายาว และให้ ใช้ความระมัดระวังขณะปฏิบัติเนื่องจากคนร้ายมีอาวุธ

จากการสืบสวน ทราบว่า คนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของบุคคลภายในหรืออาจจะมีคนรู้เห็นว่าจะมีการนำเงินไปฝากที่ธนาคารดังกล่าว เมื่อสบโอกาสคนร้ายจึงได้เฝ้าอยู่บริเวณเซเว่นอีเลฟเว่น เมื่อพนักงานนำเงินออกมาเพื่อจะฝากธนาคาร คนร้ายจึงได้ขับรถตามมาถึงหน้าธนาคารก่อนจะสบ โอกาสจึงเข้าไปทำการจี้ปล้นเอาเงินแล้วหลบไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุดเพื่อตรวจสอบหาตัวคนที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเส้นทางการหลบหนี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยเพื่อทำการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

นางสาว มารีนาพนักงานร้านสะดวกซื้อ เล่าว่า ตนกับผู้จัดการจะนำเงินมาฝากที่ธนาคาร และก่อนจะเข้าไปในธนาคารได้มีคนร้าย2คนมาจอดใกล้ๆ และคนร้ายใช้อาวุธปืนมาจี้ที่ตน ซึ่งเขาบอกว่าจะยิงเลยๆ เขาไม่ได้บอกให้เอาเงินมา แต่เขาบอกว่าให้ถอยออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า โดยบริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี 2556 โดยเป็นเหตุการณ์โจรปล้นรถขนเงิน ธ.กสิกรไทย ซึ่งเกิดการปะทะกันทำให้โจรตาย 1 รปภ.ดับ 1 และเจ็บอีก 2

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดภาพนาทีโจรใต้ขว้างไปป์บอมบ์ ชาวบ้านรอดหวุดหวิด

พ.ต.อ.อลัมต์ เมฆารัฐ ผกก. สภ.ทุ่งยางแดง ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างใส่จุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี

'ผบ.ฉก.ทพ.43' นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น จับมือบึ้มกลางเมืองปัตตานี

พันเอกปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการร่วม จำนวน 30 นาย บังคับใช้กฎหมาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น

ปัตตานีระอุ! คนร้ายปล้นรถ ก่อนซุกระเบิดก่อวินาศกรรม บึ้มโรงพัก คาดเชื่อมโยงคดีตากใบ

ร.ต.ท.วีรพงศ์ทองงาม รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพักปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ตัวอาคารของโรงพักสั่นสะเทือนและมีเศษกระจกแตกตกเกลื่อนกระจายตกลงพื้น

ปัตตานีเดือด โจรใต้ถล่มฐาน 2 อำเภอ ตชด.เสียชีวิต 1 นาย

เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ 2 จุด ใน 2 อำเภอ ของจังหวัดปัตตานี โดยจุดแรกเกิดขึ้น เมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 9 ตค. พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

ญาติวอนช่วยเหลือ! 5 ลูกเรือประมงชาวไทยถูกเรือสินค้าชนอับปางทะเลมาเลเซีย กว่า 10 วัน ยังไร้วี่แวว

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ชาวประมงประเทศมาเลเซีย ได้พบกับเรือประมง KFH 2199 ได้อับปางอยู่น่านน้ำประเทศมาเลยเซีย ฝั่งไทรบุรี เมืองปลิศ โดยมีผู้รอดชีวิตอยู่บนเรือที่คว่ำอยู่ 1 คน จึงทำการช่วยเหลือ