พี่สาวร่ำไห้ตามหา 'ครูวี' เจอมรสุมชีวิตทับถม ชิงลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง

พี่สาวร่ำไห้ตามหา “ครูวี” หลังเจอมรสุมชีวิตทับถม พึ่งเหล้าเป็นเพื่อนจนป่วยไตระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ไม่เกิน 2 ปี ชิงลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง นำเงินบำเหน็จไปใช้หนี้

5 พ.ย.2567 - ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนค้อวิทยาคม หมู่ 18 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมปลาย กรณีมีข่าวลือหนาหูว่ามีครูชำนาญการพิเศษ ลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้างในกรุงเทพฯ หลังประสบมรสุมชีวิตอย่างเดียวดาย และล้มป่วยสารพัดโรค ก่อนจะตัดสินใจลาออก เพื่อรับเงินบำเหน็จ นำไปใช้หนี้เงินกู้

โรงเรียนดังกล่าวสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม (สพม.ฯ) อยู่ริมถนนทางหลวงชนบท นพ.4025 สายบ้านค้อ-คำสะอาด มีนายวิรัล มะเจี่ยว เป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งได้ไปราชการต่างจังหวัด จึงมีนายวิเชียร แก้วมณีชัย รอง ผอ.รร.ฯ รักษาราชการแทน หลังทราบวัตถุประสงค์ยอมรับว่า มีครูลาออกจากราชการจริง ชื่อ นายวีระชัย ศรีงาม หรือครูวี อายุ 45 ปี ครูชำนาญการพิเศษ สอนวิชาคณิตสาสตร์ โดยเปิดเผยว่าแม้ตนเองจะได้สัมผัสกับครูวีในระยะสั้นๆ เนื่องจากเพิ่งย้ายมาปฏิบัติราชการได้ 6 เดือนเศษ แต่ยอมรับว่าครูวีมีความรับผิดชอบต่องาน ที่มอบหมายให้เป็นอย่างดี

การลาออกของครูวีเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 67 ที่ผ่านมา โดยหนังสือขอลาออกจากราชการ ได้วางไว้ที่โต๊ะของ ผอ.รร.ค้อวิทยาคม ครูทั้งโรงเรียนตกใจมาก จึงได้โทรศัพท์สอบถามเหตุผลจากครูวี แต่เจ้าตัวตัดสินใจแล้ว จึงส่งหนังสือฉบับดังกล่าวเสนอต่อ สพม.นครพนม ลงนาม ทำให้นายวีระชัย ศรีงาม หรือครูวีขาดจากการข้าราชการครู โดยเวลานั้นไม่มีใครรู้ที่อยู่ของอดีตครูวิชาคณิตศาสตร์ว่าอยู่ที่ไหน ยอมรับโรงเรียนขาดครูดีๆไปหนึ่งคน แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ

ด้าน นางสุมาลี จันทะพิมพ์ หรือคุณครูน้อย อายุ 52 ปี ครูสอนวิชาเคมี ถือเป็นคนที่ครูวีเคารพนับถือที่สุดเหมือนเป็นพี่สาว ได้เปิดเผยว่า น้องวีเป็นคนอุบลราชธานี หลังสอบข้าราชการครูได้ก็มาบรรจุที่ รร.ค้อวิทยาคม เป็นสถานที่แรก และปักหลักอยู่ถาวรนานถึง 22 ปีเท่ากับอายุราชการ จากนั้นครูน้อยเริ่มมีน้ำตาไหลลอดแว่นตา ก่อนจะมีเสียงสะอื้นตามมา เนื่องจากสงสารในชะตากรรมของครูวี พร้อมเล่าว่าเมื่อก่อนครูวีเป็นคนสดใสร่าเริง ตนถือเป็นเพื่อนครูในโรงเรียนเดียวกัน ที่มีความสนิทสนมกับน้องคนนี้ที่สุด ตนกับสามีเห็นเป็นคนต่างถิ่นอยู่ตัวคนเดียว จึงให้มาทานข้าวที่บ้าน 

กระทั่งครูวีได้สร้างบ้านหนึ่งหลัง เพื่อเตรียมเข้าสู่ประตูวิวาห์กับสาวสวยในหมู่บ้าน เพราะมีการหมั้นหมายกันเป็นอย่างดี โดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้และเป็นพยาน ต่อมาคุณแม่ครูวีล้มป่วยและเสียชีวิตที่ จ.อุบลฯ จากนั้นครูวีได้รับคุณพ่อและพี่ชายมาอยู่ด้วย ถึงตอนนี้เริ่มมีปัญหาชีวิต เพราะคุณพ่อป่วยเป็นโรคไต ก่อนจะเสียชีวิตตามคุณแม่ไป เว้นระยะห่างเพียงปีเศษเท่านั้น มรสุมชีวิตหนักเพิ่มขึ้น เมื่อพี่ชายได้ป่วยอีกคน ครูวีต้องตัดสินใจขายบ้าน เพื่อนำเงินมารักษาพี่ชาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นแฟนสาวได้ขอถอนหมั้น โดยอ้างเหตุผลเราไปกันไม่ได้ ทำให้ครูวีเครียดเป็นทวีคูณ จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ หันไปพึ่งเหล้าเป็นเพื่อน ช่วงนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วยโรคเบาหวาน รับประทานยาตามแพทย์สั่ง แต่ยังไม่ยอมหยุดดื่มเหล้า กระทั่งป่วยด้วยโรคไตระยะสุดท้าย แพทย์บอกต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 วัน แต่น่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี จึงเป็นเหตุผลให้ครูวีปฏิเสธการรักษาทุกชนิด และเลิกกินยาลดความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน

ครูน้อยเล่าต่อว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าครูวีจะยื่นหนังสือลาออก แม้จะมีการยื้อใบลาออกไว้ เพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ตนบอกว่าอดทนเอาอีก 2 ปีค่อยลาออกเพื่อได้บำนาญ หากลาออกตอนนี้จะได้แค่เงินบำเหน็จ และไม่ได้สิทธิ์รักษาพยาบาล แต่คิดว่าครูวีจะรู้ตัวว่าตนคงอยู่ไม่ถึง จึงเลือกที่จะขอลาออกเพื่อได้เงินบำเหน็จประมาณ 1.8 ล้านบาท ทราบว่านำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้หนี้นอกระบบ ส่วนเงินกู้ในระบบที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมัธยมศึกษานครพนม มีจำนวน 3 ล้านบาท มีเพื่อนครูรวม 6 คนเซ็นค้ำประกัน หนึ่งในนั้นก็มีตนรวมอยู่ด้วย

หลังจากครูวีลาออกแล้ว ทราบว่าได้ไปทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพฯ โดยซุกอยู่ในแคมป์คนงาน และเป็นแรงงานไร้ฝีมือ เนื่องจากไม่มีประสบการด้านงานก่อสร้างมาก่อน หลังปฏิเสธการรักษา รวมทั้งงดกินยารักษาโรคทุกชนิด ทำให้ขาเริ่มบวมและมีแผลจากถูกปูนกัดเท้า ตนในฐานะที่ครูวีนับถือเป็นพี่สาวคนหนึ่ง จึงวิงวอนให้ครูวีกลับมาที่ ต.บ้านค้อ ทุกคนพร้อมจะช่วยกันดูแลรักษาให้ถึงที่สุด เพราะครูวีเท่ากับว่าตอนนี้ไร้ญาติขาดมิตร

“หากครูวีเห็นภาพข่าวในสื่อต่างๆแล้ว ขอให้กลับมา รร.ค้อวิทยาคม พวกพี่ต้องการช่วยเหลือ ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินใดๆ ทุกคนต่างเห็นใจครูวีทั้งนั้น กลับมาเถอะน้องฯ” คุณครูน้อยพูดไปปาดน้ำตาไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจงดราม่า! งานตักบาตรพระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด โยนออแกไนซ์รับผิด

จังหวัดนครพนม ได้รายงานข้อเท็จจริง กรณีงาน "มหาบุญแห่งศรัทธานครพนม" โดยตามที่ปรากฏข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็น "ทัวร์ลงยับ นิมนต์พระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด" เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น

สิ้นท่า 'ท้าวตู้' ตัวตึงค้ายาฝั่งโขง ยอมแฉหมดเปลือกแลกอิสรภาพ

นครพนม-จู่โจมจับกลางลำน้ำ “ท้าวตู้ตัวตึงฝั่งโขง” พร้อมชาวประมงคนไทยรวม 2 ราย ทำทีหาปลาแฝงขนยาบ้า ลูกเล่นอ้างจะแฉชื่อเอเยนต์ เพื่อแลกกับอิสรภาพ

ทัวร์ลงยับ! นิมนต์พระ 1 พันรูป ตักบาตรริมโขง ปล่อยพระนั่งตากแดดจนเหงื่อชุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้ชื่อ “Kittichai Kaenjan” โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า “มนต์พระมานั่งตากแดด จนหลวงพ่อเปียกเมิด บาดเจ้าของนั่งในฮ่ม (พระกะคนใด๋ ฮ้อนเป็นคือกัน) บางอำเภอมาตั้งแต่ตี 3 นั่งถ้าจนหกโมง

เบื้องหลัง 'เรือไฟ' แชมป์เก่า อ.ปลาปาก ไหม้ก่อนไหลโชว์ สูญเกือบล้าน

เบื้องหลังเรือไฟ อ.ปลาปาก มูลค่าเกือบล้านบาท ไฟไหม้ก่อนไหลโชว์ ตะเกียงไส้ยาวจนลามไปอีกดวง กลุ่มผู้สร้างขอนำไปแก้ไข เพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืน เสียดายเงินเหมือนโยนทิ้งน้ำ

ตร.พร้อมรับทำคดี ปม 'ตัดไฟ' ยายป่วยติดเตียงเสียชีวิต

พ.ต.อ.จิรุฏฐ์ พิมพา ผกก. สภ.วังยาง มอบหมายให้ พ.ต.ท.ยงยุทธ ผิวพรรณ์ รอง ผกก.สอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติ และร่วมไว้อาลัยศพ