รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ชี้พระรับเงิน 'บอสพอล' ไม่ผิด นำไปใช้พัฒนาวัดจริง

รองเจ้าคณะจังหวัดชี้"บอสพอล" โอนเงินเข้าบัญชีพระได้ ขึ้นอยู่กับความสบายใจของผู้ทำบุญ ขอเพียงให้เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ญาติโยมต้องการ

23 ต.ค.2567 - จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์ภาพสลิปการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่มีชื่อผู้โอนระบุว่าเป็นบอสพอล และเป็นเงินทำบุญโดยโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพระสงฆ์ ระบุชื่อว่า พระอุดร บุญชูหล้า พร้อมข้อความระบุว่า “บอสพอลโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวของให้พระมหาอุดร บุญชูหล้า แบบฉ่ำมากโดยส่วนใหญ่จะโอนทีละ 200,000-600,000 บาท บางเดือนโอนไป 2-3 รอบ (สลิปแค่ส่วนหนึ่ง)ในระยะเวลาไม่กี่ปี บิ๊กบอสพอลโอนเงินบริจาครวมๆกว่า 12 ล้าน ผ่านพระรูปหนึ่ง โดยอ้างว่าทำบุญวัดสว่างน้ำใส แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่วัดก็มีบัญชีวัดอยู่แล้ว แต่มักโอนเข้าผ่านพระรูปนี้ตลอดเลย แว่วๆมาว่า พอลค่อนข้างสนิทมากซะด้วย มักจะทำแต่ที่นี่ประจำ ลองตรวจสอบดูอาจเจออะไรดีๆ..บอสปัน ก็เอากะเขาด้วยนะ..” ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 14.30น. วันที่ 23 ต.ค.2567 พระราชพัฒนวัชรบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวนั้นทราบจากทางเลขาเจ้าคณะจังหวัดฯ แต่ไม่ทราบว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางบอสพอล อย่างไร และได้รับเงินมาอย่างไร แต่ส่วนตัวเห็นว่าพระมหาอุดรสร้างเจดีย์ใหญ่โต และพัฒนาวัดเป็นร้อยกว่าไร่ ที่บ้านเกิด ที่ อ.โนนศิลา ซึ่งเป็นผลจากการที่มีญาติโยมศรัทธาร่วมทำบุญกับพระมหาอุดร แต่ก็ไม่ทราบว่าได้เงินมาอย่างไร แต่ที่เห็นมีพระเจดีย์ที่ใหญ่มาก ญาติโยมถวาที่เป็นร้อยไร่ ซื้อขายกันแบบกัลยาณมิตร

"พระผู้ใหญ่ได้มีการไปตรวจหลังถูกส่งเป็นวัดตามโครงการวัดประชารัฐสร้างสุข เป็นพื้นที่รมณียสถาน ที่อบรมคุณธรรม จริยธรรม มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปเข้าอบรม ทั้งภาคีเครือข่ายก็มาอบรมเช่นกัน และยังเป็นพื้นที่ที่ออกแบบวัดได้สวยงาม นอกจากมีพระเจดีย์ที่สวยยงามแล้ว ยังเป็นแหล่งน้ำ เป็นเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเงินได้มาอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ผลลัพธ์ที่ทำแล้วเป็นคุณูประการต่อพระพุทธศาสนา"

รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า การโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวพระนั้น เป็นเจตนาของผู้รับมาดำเนินการ เช่นหากญาติโยมถวายเงินพระอาจารย์ ก. ญาติโยมอาจจะบอกว่าไม่เป็นไรพระอาจารย์ญาติโมไม่ได้คิดอะไรมาก ทำบุญแล้วก็แล้วไป แต่ขอให้ 1-2-3 สำเร็จก็แล้วกัน และขอให้ตรวจสอบได้ว่า ถ้าสร้าง1-2-3 แล้ว 1-2-3 เสร็จหรือไม่ ซึ่งญาติโยมที่ศรัทธาก็จบแล้วเพราะบรรลุวัตถุประสงค์การทำบุญ ซึ่งไม่ถือว่ามีความผิดอะไร ยกเว้นว่าว่ารับเงินทำบุญมาแล้วไม่ได้ทำอะไรต่อ แบบนั้นถือว่าทำเพื่อตัวเอง แต่ในกรณีของพระมหาอุดรนั้น ดูผลลัพธ์แล้วท่านทำเพื่อทุกคนชาวพุทธ เพราะไม่ใช่วัดที่พระมหาอุดรสังกัด สิ่งที่สร้างก็ไม่ใช่ของพระมหาอุดร เป็นสมบัติชาวพุทธทุกคน เพราะฉะนั้นเรื่องดังกล่าวจึงอยู่ที่คนศรัทธาและทำบุญให้กับพระมหาอุดรไป ต้องมองว่าพระมหาอุดรได้เงินไปแล้วทำตามวัตถุประสงค์ที่ญาติโยมต้องการหรือเปล่า ถ้าทำตามนั้นเราทุกคนก็ควรที่จะอนุโมทนาด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' รับ 'บอสพอล' มาบรรยายให้ความรู้กำลังพล แต่ไม่เกี่ยวดิไอคอน อย่าโยงมั่ว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่มีภาพผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน บางคนได้มาอบรมให้กับกำลังพล ว่า กรณีของแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ

'ดีเอสไอ' แถลงรับคดี 'ดิไอคอน' เป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดฐานฟอกเงิน

พ.ต.ต.ยุทธยา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงกรณี บริษัท ดิไอคอน ว่า ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดอาญาฐานฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่โอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค แนะ 'จิราพร' ย้ายเทวดา สคบ. หวั่นได้ผลสอบไม่ตรงข้อเท็จจริง

คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค นำโดย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ แถลงถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งทราบว่าเมื่อวัน 16 ต.ค.ที่ผ่านมา

รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ยันไม่มีพระสงฆ์ในปกครองร่วมลงทุนแชร์แครอท

พระราชพัฒนวัชรบัณฑิต,รศ.ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง รองอธิการบดีฯวิทยาเขตขอนแก่น เปิดเผยว่า กรณีที่มีพระสงฆ์ 2 รูป ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ตำรวจตามยึดรถหรูคดี 'ดิไอคอน กรุ๊ป' เพิ่มอีก 4 คัน รวมแล้ว 33 คัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจทยอยนำรถหรู จากคดีดิไอคอน กรุ๊ป เข้ามา หน้าอาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยรถที่นำมาทั้ง 4 คัน ประกอบด้วย 1.BMW 220i สีขาว ทะเบียน ธล 5999 กรุงเทพมหานคร 2.Mercedes